เฌอเบลล์ แฉเบื้องหลังวงการบันเทิง ถูกบงการชีวิตมากว่า 10 ปี จนคนเกลียด
ใช้ชีวิตอยู่กับโรคซึมเศร้ามาตั้งแต่ 5 ขวบ สำหรับนักแสดงสาว ลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์ หนักสุดถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตาย ซ้ำร้ายตลอด 10 ปีในวงการบันเทิง ถูกคนใกล้ตัวบงการชีวิตไม่เป็นตัวเอง
- ใช้ชีวิตอยู่กับซึมเศร้าตั้งแต่ 5 ขวบ ดิ่งสุด คือ คิดสั้น
- ตลอด 10 ปีในวงการ ถูกบงการมาทั้งชีวิต จนคนเกลียด
- ฟ้าหลังฝน เปลี่ยน ผจก. มีความสุข เป็นอิสระมากขึ้น
ใช้ชีวิตอยู่กับโรคซึมเศร้ามาตั้งแต่วัย 5 ขวบ สำหรับนักแสดงสาวมากความสามารถลัลณ์ลลิน เตจะสา เวศซ์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับผู้หญิงคนนึงที่ต้องทนเก็บอารมณ์ เก็บความรู้สึกที่บั่นทอนจิตใจมาตลอด และเธอได้พยายามบำบัดรักษามาแล้วหลายครั้งแต่ก็ยังไม่หายขาด แถมหนักสุดถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตายแต่สวรรค์ยังคงไม่ต้องการเธอ กำหนดชะตาชีวิตให้รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
ซ้ำร้ายตลอด 10 ปี ที่ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ถูกคนใกล้ตัวบงการชีวิตมาตลอด ถูกกำหนดให้สร้างคาแรกเตอร์ที่ตรงกันข้ามกับตัวเอง และด้วยความที่เธอกำลังป่วยเป็นซึมเศร้าเลยต้องทำตาม เพียงเพราะเหตุผลกลัวคนอื่นจะไม่รัก แต่แล้วชีวิตก็เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง ได้เป็นตัวเองมากขึ้น หลังจากตัดสินใจเปลี่ยนผู้จัดการคนใหม่
ใช้ชีวิตอยู่กับซึมเศร้าตั้งแต่ 5 ขวบ ดิ่งสุดคือคิดสั้น
"ตั้งแต่ช่วงวัยเด็กเลย ประมาณ 5 ขวบ ด้วยความที่เราเป็นเด็กที่เซนซิทีฟ แต่ว่าก็เป็นเด็กที่ซนมาก และเราดันเป็นเด็กที่รับรู้ไวมาก เวลาโดนดุโดนอะไรมามันเลยสะเทือนใจเยอะกว่าปกติ ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่มั่นใจว่าเราเป็นอะไร เพราะว่าพอเริ่มมีอาการเราก็เริ่มศึกษาหนังสือจิตวิทยา เริ่มอ่านหนังสือเกี่ยวกับอะไรมากมาย และก็เหมือนจับทางได้ว่าเราน่าจะเป็นซึมเศร้า
เราก็เลยเริ่มอ่านเกี่ยวกับซึมเศร้าทั้งของเมืองไทยและของเมืองนอกศึกษาหมดเลย จนเราพบว่าเราเป็นแล้วเลยคิดว่าถ้าอย่างนี้เราลองบำบัดด้วยวิธีแบบของเมืองนอกก็คือทำหลายกิจกรรมมาก จนช่วงที่มันหนักที่สุดตอนโควิดที่ผ่านมามันแย่มาก จนถึงขั้นที่เรารู้สึกใจตัวเองบำบัดตัวเองไม่ได้ แล้วเราก็เลยตัดสินใจไปหาหมอ ซึ่งเป็นอีกครั้งหนึ่งที่รู้สึกว่าอาการนี้มันหายไปนานแล้ว แล้วมันกลับมาเป็นอีกครั้งหนึ่งจึงตัดสินใจอยากจะคิดสั้นอีกครั้ง รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ไม่ชอบความคิดนี้เลย
เหตุการณ์ที่เคยดิ่งลงไปมากที่สุดเลยคือตอนที่เรากำลังรู้สึกแย่ เราก็จะเป็นคนคิดมาก อย่างเช่นตอนที่คุณพ่อเสียก็จะนึกถึงแต่คุณพ่อ และเวลาใครพูดอะไรนิดนึงเราก็พยายามไม่รับฟัง แต่พอได้ยินมันก็เลยจุก ซึ่งเราไม่ได้แค่ถามตัวเองว่าเป็นอะไรแต่อารมณ์มันก็จะไปแล้ว เหมือนเราเห็นภาพประมวลผลต่างๆ มากมาย เป็นเคมีทางสมองที่ไม่สามารถหลุดออกจากภวังค์ตรงนั้นได้
คิดหนักถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเราเล่นละครเรื่องดอกโศกเริ่มดังแล้ว อายุประมาณ 19 ปี ช่วงที่เราเข้าวงการแรกๆ เลย เป็นเรื่องแรกเลยที่ออกสื่อไปและได้รับรางวัล เราก็เลยตัดสินใจตอนนั้นถ้าคนไม่เข้าใจเค้าก็จะมองว่าชีวิตเราดีทุกอย่างแล้ว และทำไมยังคิดที่จะตัดสินใจคิดสั้น แต่ถ้าคนเป็นโรคซึมเศร้าก็จะเข้าใจว่ามันมีอะไรที่อยู่ข้างใน ยังมีปมอะไรที่มันแก้ไม่ได้ ซึ่งถามว่าจะแก้ที่ไหนก็แก้ที่ตัวเอง เพราะเหมือนเราไม่เคยเรียนรู้ที่จิตใจตัวเอง ไม่เคยฝึกสมาธิไม่เคยฝึกอารมณ์ความคิดตามสติของเราให้ทัน
ซึ่งการไปหาคุณหมอคือช่วยปรับเคมีได้แล้ว และเราต้องเริ่มทำสมาธิมากขึ้นเพื่อให้รู้อารมณ์ตัวเอง ทางคุณหมอเขาก็เริ่มรู้แล้วว่าหนูเป็นซึมเศร้า แต่เราไม่คิดว่าจะเป็นแบบเรื้อรังที่มันไม่หายได้แค่กินยาให้มันดีขึ้น และเราต้องฝึกสมาธิฝึกสติตัวเองให้รู้ตัวรู้อารมณ์ตัวเอง รู้ความรู้สึกตัวเองตลอดเวลา ซึ่งคุณหมอก็แนะนำว่าถ้าดีขึ้นก็ให้หยุดยา แต่ถ้าคิดมากถึงเลเวลที่เรารับมือของเราไม่ไหวแต่เมื่อไหร่ก็กลับมาทานยา ซึ่งตอนนี้ก็ยังทานยายาวมาอยู่ แต่ในช่วงโควิดที่ผ่านมาเราก็ลดจำนวนเม็ดที่ทานลง แต่ถ้าอาการหนักกว่านั้นเราก็ต้องเปลี่ยนยาให้แรงขึ้น
หลายปมที่ทำให้เราคิดสั้น หลายเรื่องเลยเหมือนเราประสบความสำเร็จอะไรในชีวิตแล้ว แต่ทำไมเรายังรู้สึกไม่มีความสุขมันเหมือนเรายังไม่โอเค ยังไม่เป็นอย่างที่คิดไว้หวังไว้ มันมีบางจุดที่เรารู้สึกสะเทือนใจซึ่งเราทำมาขนาดนี้แล้วทำไมเรายังถึงไม่โอเคเลย ซึ่งช่วงโควิดมันกลับมาเป็นเพราะว่าเราเครียด พอเราเริ่มเครียดแล้วเรานอนน้อย พอเรานอนน้อยเค้าเลยกลับมา ซึ่งการพักผ่อนก็มีผลมากสำหรับคนที่มีภาวะซึมเศร้า เราอาจจะไม่ได้รู้สึกแต่ร่างกายเรารู้สึก เราก็เลยรู้สึกว่าต้องกลับมารักษา ค่อยๆ กลับมาดูแลตัวเองให้ดีขึ้น"
ตลอด 10 ปีในวงการ ถูกบงการมาทั้งชีวิต จนคนเกลียด
"ในความที่เราเป็นคนเซนซิทีฟ อารมณ์แบบว่าถ้าเป็นเด็กขาดความรักเราก็อยากให้ทุกคนรักเรา และอยากให้ทุกคนมาพูดมาสอนเรา ซึ่งเราก็อยากจะเชื่อฟังเขาหมด แต่ว่าบางทีการสอนของแต่ละคนมันก็มีผลประโยชน์หรืออะไรของเค้าซึ่งเราก็ตามเขาไม่ทัน ด้วยความที่เราเป็นเด็กและทีนี้พอเรามารู้ที่หลัง เรารู้สึกเสียใจเรารู้สึกแย่มันก็เลยเหมือนกับเราไม่ได้ไปโทษคนอื่น แต่เราโทษตัวเองว่าทำไมเราถึงรู้ไม่ทัน ทำไมเราถึงทำแบบนี้ไป และยิ่งเวลาเราตอบนักข่าวไปแล้วโดนกระแสตีกลับมา
ซึ่งเป็นคำตอบที่คนอื่นคิดให้เรา แต่เราเป็นคนที่โดนตีกลับมาแบบนี้ เราเลยรู้สึกเสียใจว่าเราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นแต่เขาบอกให้เราพูดแบบนั้น เราก็เลยพูดตามที่เค้าบอก มันทำให้เรารู้สึกแย่ว่าทำไมโดนคนที่ไม่รู้ความจริงมาด่าเราขนาดนี้ว่าเราขนาดนี้ แต่พอเวลาผ่านไปเราก็เริ่มโอเคกับวงการบันเทิงก็เริ่มปรับตัวได้ไม่สนใจมากขึ้น ก็ต้องทำความเข้าใจว่าเราไม่สามารถเป็นที่รักของคนทั้งโลกได้ และเราก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนความคิดใครได้ด้วย
ถึงขั้นโดนขู่เลย โดนหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยในระบบไทยกับเมืองนอกมันก็จะไม่เหมือนกัน ซึ่งคนไทยก็จะพูดอีกแบบนึง ส่วนของฝรั่งก็จะเป็นความตรงๆ บอกเหตุและผล อย่างเช่นอยากให้เราเปลี่ยนแบบนี้ก็บอกมา แต่ว่าของคนไทยเราจะติดการที่ว่าไปก่อนแต่ไม่ให้เหตุผลว่ามันไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเราก็ถามกลับไปว่าทำไมหรอ เค้าก็บอกกับเราว่าเออน่ะก็บอกว่าไม่ดี ซึ่งมันไม่มีเหตุผลเพราะถ้ามีเหตุผลให้เรา เราก็เต็มใจที่จะเปิดรับอยู่แล้ว แต่พอเราเจอเอะอะว่าไว้ก่อนต้องใส่ประโยครุนแรงไว้ก่อนมันเป็นอะไรที่แบบไม่มีเหตุผล"
ทำไมกล้าออกมาพูดเบื้องลึกของวงการบันเทิง ?
"อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าการเป็นนักแสดงไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายคนคิด ซึ่งมันมีหลายอย่างด้วยมันมีทั้งภาพลักษณ์ และอะไรที่เราต้องคอยคีพลุคไว้ เหมือนที่แบบดาราจะชอบโดนว่าทำไมต่อหน้าสื่อเรียบร้อยแต่ตัวจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น คือมันเป็นการวางภาพลักษณ์ของการทำงานของบริษัทและอะไรหลายอย่าง เรื่องนี้มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ดาราเองก็โดนเกลียดทั้งที่เค้าไม่ได้เป็นคนกระทำ แต่เค้าถูกบงการถูกสั่งให้ทำแบบนั้นมามันก็เลยทำให้รู้สึกว่าอยากให้คนข้างนอกเข้าใจมากขึ้น
คือเราไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนระบบผู้ใหญ่ได้อยู่แล้วว่าจะให้เด็กออกมาเป็นยังไง เราต้องเข้าใจว่าเรา คือ สินค้าของทางบริษัทเค้าจะต้องทำเงินกับเราให้ได้มากที่สุด แต่เราอยากให้คนทางบ้านที่คอยคอมเมนต์และไม่ได้คิดอะไรหรือไม่ได้ใช้ความคิด รู้มั้ยว่ามันทำร้ายจิตใจคนอื่นมากๆ โดยเฉพาะคนที่เค้าไม่ได้ตั้งใจจะเป็นอย่างที่คุณคิด โดยที่เค้าโดนชักใหญ่อยู่ข้างหลังหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เค้าต้องรับผลอะไรแบบนี้ และคนที่ไม่ได้อยากทำอะไรแบบนั้นเลยและมาโดนกระแสตอบรับด้านลบอีก มันเลยรู้สึกแย่มันไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้น"
ไม่กลัวกระแสตีกลับนักแสดงคนอื่น ?
"ถามว่ากลัวไหมก็กลัว แต่ว่าถ้าเราไม่ใช่คนที่เริ่มต้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องอีกกี่ยุคสมัยที่นักแสดงจะต้องโดนแบบนี้อีก และมันไม่จบไม่สิ้นคือมันมีผลต่อสภาพจิตใจ ซึ่งเราก็สังเกตว่านักแสดงเป็นโรคซึมเศร้าเยอะมาก เราก็เลยอยากจะทำให้โอเคและสบายขึ้นหน่อย คือเน้นการทำงานเป็นหลัก ชีวิตส่วนตัวถ้าเขาไม่ใช่คนแย่มากมันก็ไม่มีอะไรที่จะเสียหายค่ะ
จริงๆ แล้วทุกคนมีความเป็นมนุษย์มีทั้งข้อดีข้อเสียรวมกัน มันไม่ได้มีคนที่ดีแสนดีมากขนาดนั้น เพราะถ้าดีขนาดนั้นก็ไปอยู่วัดดีกว่า เราก็ต้องเข้าใจด้วยว่าคนมันไม่ได้มีดีสุดหรือแย่สุด คือถ้าตัดความเป็นคนปกติออกไปจากตัวเรา อย่าลืมว่าเราก็คืออาชีพนักแสดง แต่ถามว่าเราสามารถทำภาพลักษณ์ได้ไหมเราก็ทำได้ แต่อยากให้มีความเข้าใจด้วยว่าเขามีความเป็นมนุษย์ ซึ่งรัก โลภ โกรธ หลง มันมีหมดอยากให้มีเหตุผลมากกว่านั้น"
ชีวิตฟ้าหลังฝน เมื่อเปลี่ยน ผจก. มีความสุข เป็นอิสระมากขึ้น
"รู้สึกว่าชีวิตตอนนี้เป็นอิสระมากขึ้น เหมือนคนรอบข้างเข้าใจเรามากขึ้น และคนรอบข้างเข้าใจเราเปลี่ยนไปเค้าไม่ได้บอกว่าถ้าเรามาแล้วต้องตอบแรง เราก็ดีใจมากที่นักข่าวเข้ามาคุยในงานประกาศรางวัลล่าสุด คือวันนั้นหนูกลับไปแล้วหนูร้องไห้เลย พอหนูกลับไปหนูบอกผู้จัดการว่าหนูดีใจมากที่ทุกคนเข้าใจหนู และไม่ได้เข้าใจผิดมาตลอดว่าในวงการที่หนูทำตัวแบบนั้นมันไม่ใช่มาจากตัวตนของหนูจริงๆ ซึ่งหนูดีใจมากที่คนเห็นตัวตนข้างในจากการที่หนูตอบคำถาม กลับไปคือร้องไห้เลย ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่ได้หวังให้ทุกคนเข้าใจ แต่วันนั้นพี่นักข่าวเข้าใจเรา เราเลยรู้สึกว่านี่คือคนใกล้ตัวเราที่เค้าเห็นเราเป็นเราจริงๆ ที่ไม่ใช่สิ่งที่เราตอบไปและประชาชนคนอื่นเข้าใจผิดมาตลอด
(ร้องไห้) เมื่อถามว่าทำไมถึงร้องไห้ เธอบอกว่ามันอัดอั้น เพราะว่าเราไม่อยากให้คนเข้าใจผิดว่าเราเป็นคนแบบนั้น เราอยากให้ทุกคนรักเราแต่บางทีผลกระทบมันกลับมาเป็นที่เราคนเดียวเพียงเพราะเราถูกบงการ ซึ่งคนนั้นเค้าไม่ได้มารับข้อเสียไปกับเราเลย เค้าลอยตัวไปเลยเค้าเดินเชิดหน้าลอยตัวแฮปปี้ไปเลย แต่คนที่รับทั้งหมดคือเรา ซึ่งทุกวันนี้ที่เราผ่านมาได้นั้น อยากบอกว่าภูมิใจในตัวเองมากค่ะ"
หลังจากนี้ก็ขอฝากติดตามผลงาน และคอยซัพพอร์ตสาว เฌอเบลล์
ต่อไปในฐานะนักแสดงคุณภาพมากฝีมือ และตอนนี้สามารถติดตามผลงานได้
ซึ่งจะมีละครเรื่อง "พิศวาสข้ามภพ" และ "วิญญาณแพศยา" กับทางช่อง 8
รวมไปถึงซีรีส์ "The psycho จิตปรุงแต่ง" ที่กำลังถ่ายทำอยู่
คาดว่าแฟนๆ จะได้ชมกันภายในปีนี้อย่างแน่นอน.
เรื่อง : ตุ๊ดเตาะแตะ
กราฟิก :Jutaphun Sooksamphun
คุณกำลังดู: เฌอเบลล์ แฉเบื้องหลังวงการบันเทิง ถูกบงการชีวิตมากว่า 10 ปี จนคนเกลียด
หมวดหมู่: ความบันเทิง