เด็กผู้ชายกับการขริบหนังหุ้มปลาย (Circumcision)
เด็กผู้ชายทุกคนเมื่อเกิดมาจะมีหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เป็นส่วนที่ต้องดูแลและรักษาความสะอาด หากดูแลไม่ดีเป็นสาเหตุให้มีการหมักหมม การขริบหนังหุ้มปลายจึงเหมาะที่จะทำตั้งแต่เด็กโดยทำได้ตั้งแต่แรก
- เด็กผู้ชายทุกคนเมื่อเกิดมาจะมีหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เป็นส่วนที่ต้องดูแลและรักษาความสะอาด หากดูแลไม่ดีเป็นสาเหตุให้มีการหมักหมม การขริบหนังหุ้มปลายจึงเหมาะที่จะทำตั้งแต่เด็ก โดยทำได้ตั้งแต่แรกเกิด 2 วันแรก หรือช่วง 2-6 ปี
- การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ จะลดโอกาสเกิดการติดเชื้อที่หนังหุ้มปลาย ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ลดการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตอนโต และลดโอกาสการเกิดมะเร็งอวัยวะเพศ
การขริบอวัยวะเพศคืออะไร
การขริบอวัยวะเพศ คือ การผ่าตัดเพื่อตัดหนังหุ้มปลายส่วนที่ยาวของอวัยวะเพศชายออก
อายุที่เหมาะสมในการขริบ
- เด็กในช่วงอายุ 2-6 ปี จะเป็นช่วงอายุที่เหมาะสม หรือควรขริบ เนื่องด้วยถ้าพบข้อบ่งชี้บางอย่าง เช่น มีการอักเสบติดเชื้อของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ (Balanoposthitis) หรือรูดเปิดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศไม่ได้ (Phimosis) แพทย์จะทำการตรวจและวางแผนอีกครั้งหนึ่งว่าควรขริบหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วเด็กวัยดังกล่าวจะสามารถรูดเปิดหนังหุ้มปลายได้เกือบทั้งหมด
- ทารกแรกเกิดอายุ 1-2 วัน ที่ครอบครัวมีความเชื่อหรือธรรมเนียมปฏิบัติกันมาว่าต้องขริบหนังหุ้มปลาย ก็สามารถทำการผ่าตัดได้ตั้งแต่แรกคลอด แต่ทั้งนี้หลังคลอดทารกจะต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง และไม่ใช่ทารกที่คลอดก่อนกำหนด
ประโยชน์ของการขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
ปกติผิวหนังส่วนนี้ จะมีการลอกของเซลล์ผิวหนังที่เรียกว่าขี้เปียก ซึ่งอาจมีการหมักหมมก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนังส่วนปลายอวัยวะเพศได้ง่าย การขริบหนังหุ้มปลายจึงมีข้อดีดังนี้
- ทำให้การดูแลรักษาความสะอาดทำได้ง่าย
- ลดโอกาสเกิดการติดเชื้อที่หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศและติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- ลดการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เมื่ออยู่ในวัยเจริญพันธุ์
- ลดโอกาสการเกิดมะเร็งอวัยวะเพศ
แต่ปัญหาเหล่านี้ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลรักษาความสะอาดของอวัยวะเพศอย่างถูกต้อง
ข้อเสียของการขริบหนังหุ้มปลาย(Circumcision)
- มีความเสี่ยงที่ความรู้สึกส่วนปลายองคชาตจะลดลง เนื่องจากส่วนปลายขององคชาตที่ไม่มีผิวหนังปกคลุมจะเสียดสีกับเสื้อผ้าหรือกางเกงชั้นในบ่อยจนอาจทำให้การตอบสนองลดลง
- ผลลัพธ์หลังผ่าตัดอาจไม่เป็นที่พึงพอใจด้านความงาม
- ปัญหาจากการตัดหนังออกมากหรือน้อยเกินไป
- หากขริบมากเกินไป อาจรู้สึกเจ็บเวลาอวัยวะเพศแข็งตัว
- หากขริบน้อยเกินไป อาจทำให้หนังติดกับอวัยวะเพศตามเดิม ทำให้ต้องมาขริบเพิ่ม
- รูเปิดท่อปัสสาวะที่ไม่มีผิวหนังปกคลุม จะเสียดสีกับผ้า เกิดการอักเสบและตีบลงได้
ช่วงเวลาการขริบหนังหุ้มปลาย
ขริบตั้งแต่แรกคลอด
- ในทารกแรกเกิด ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ แต่จะระงับปวดด้วยการฉีดยาชาเฉพาะที่ จึงไม่จำเป็นต้องงดน้ำและอาหาร
- ทารกจะได้รับยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ป้อนทางปากก่อนผ่าตัดประมาณ 30 นาที-1 ชั่วโมง เมื่อถึงเวลาผ่าตัดทารกจะถูกทำให้อยู่นิ่งโดยการผูกตรึงอย่างนิ่มนวลกับแผ่นรองเฉพาะระหว่างทำหัตถการ
- แพทย์จะฉีดยาชาบริเวณรอบโคนองคชาต ทำให้ชา และสามารถผ่าตัดได้โดยไม่เจ็บ จากนั้นจึงเริ่มทำการผ่าตัดเพื่อขริบหนังหุ้มปลายออก ทำการห้ามเลือดและเย็บแผลด้วยไหมละลาย
- ทารกต้องพักสังเกตอาการในห้องทารกแรกเกิดต่ออีก 1 วัน เพื่อให้แพทย์ตรวจติดตามอาการของบาดแผลและอาการเลือดออก พร้อมทั้งแนะนำบิดามารดาในการดูแลแผลก่อนกลับบ้าน
ขริบหลังคลอด
- ในเด็กที่อายุ 2 เดือนขึ้นไป หากทำการขริบจำเป็นต้องระงับปวดด้วยการดมยาสลบ ต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนถึงเวลาผ่าตัด
- เมื่อถึงเวลาผ่าตัด วิสัญญีแพทย์จะพูดคุยทำความคุ้นเคยกับเด็ก และค่อยๆ ให้ยาระงับความรู้สึก
- เมื่อเด็กหลับแล้วจึงจะเริ่มทำการผ่าตัดขริบหนังหุ้มปลายออก ห้ามเลือดด้วยการจี้ไฟฟ้า และเย็บแผลด้วยไหมละลาย
- เมื่อผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว แพทย์ต้องสังเกตอาการหลังการผ่าตัดภายในห้องพักฟื้นต่อ 2 ชั่วโมง
- เมื่อแพทย์สังเกตอาการเรียบร้อยแล้ว ผู้ป่วยสามารถกลับไปสังเกตอาการที่บ้าน หรือจะสังเกตอาการที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 1 วันก็สามารถทำได้
ผู้ปกครองควรเตรียมตัวอย่างไร
- ผู้ปกครองจะได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ที่จะทำการผ่าตัดเกี่ยวกับวิธีการ ข้อดี ข้อเสียและทางเลือกอื่นในการรักษา
- เด็กที่ต้องดมยาสลบ จะต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- ก่อนมาผ่าตัดให้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย งดทาแป้งและครีมบริเวณอวัยวะเพศ
วิธีการดูแลแผลหลังทำหัตถการ
- หลังทำหัตถการจะมีผ้าก๊อซพันแผลไว้ 1 วัน เช้าวันถัดมาจะให้แช่แผลในน้ำอุ่นประมาณ 5-10 นาที โดยสามารถนั่งแช่ในกะละมังหรืออ่างอาบน้ำได้ปกติ ก่อนขึ้นจากอ่างใช้ก๊อซชุบน้ำเช็ดที่แผลเบาๆ เมื่อขึ้นจากน้ำแล้ว ให้ป้ายแผลด้วยยาฆ่าเชื้อ (ผู้ปกครองสามารถใช้น้ำเกลือล้างแผลแทนน้ำประปาได้)
- โดยปกติหลังผ่าตัดประมาณ 1-2 วัน จะมีคราบน้ำเหลืองเกาะที่บริเวณแผล และจะค่อยๆ หลุดออกเองในเวลา 1-2 สัปดาห์ จึงไม่ควรแกะ เกาหรือเช็ดถูรุนแรงที่บริเวณแผล เพราะอาจทำให้มีเลือดออกได้
- ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำทุกครั้งหลังเด็กปัสสาวะ เพื่อไม่ให้สกปรก หรือเกิดการหมักหมมของเชื้อโรค
- หากเด็กมีอาการปวดให้กินยาพาราเซตามอลได้
- ห้ามใช้แป้งหรือโลชั่นทาจนกว่าแผลจะหาย
- ไหมละลายจะหลุดหมดในระยะเวลา 7-10 วัน
- ต้องระวังดูแลแผลผ่าตัดประมาณ 14 วัน เพื่อลดปัญหาเลือดออก แผลบวมและอักเสบ โดยงดเล่นกีฬาทุกชนิด งดว่ายน้ำ และควรมาตรวจแผลผ่าตัดตามนัด ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้แนะนำอีกครั้ง
- หากแผลมีเลือดออกมาก บวมแดง มีหนอง มีไข้ เจ็บปวดมาก ควรพามาพบกุมารศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจรักษาโดยเร็ว
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
การขริบหนังหุ้มปลายเป็นการผ่าตัดเล็ก มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยมาก แต่อาจจะพบอาการดังต่อไปนี้ได้
- มีเลือดออก
- แผลผ่าตัดติดเชื้อ
- แพ้ยาชา
- บาดเจ็บต่อปลายองคชาต
- ผลลัพธ์การผ่าตัดอาจมีแผลเป็นบวมนูน หรือไม่น่าพึงพอใจในด้านความสวยงาม
หลักการดูแลอวัยวะเพศชาย
กรณีที่หนังหุ้มปลายปกติรูดหนังหุ้มปลายได้เอง
- ล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศด้วยน้ำสะอาดทุกวันขณะอาบน้ำ
- ถ้าสามารถรูดหนังหุ้มปลายได้แล้ว ให้รูดหนังหุ้มปลาย และล้างส่วนปลายองคชาตด้วยน้ำสะอาดด้วย จากนั้นให้ดึงหนังหุ้มปลายกลับมากคลุมไว้ตามเดิม
- ขณะปัสสาวะควรรูดหนังหุ้มปลายขึ้นให้พ้นรูปัสสาวะ เพื่อปัสสาวะจะได้ไม่สัมผัสกับหนังหุ้มปลาย และควรรอให้ปัสสาวะออกจนหมด จึงดึงหนังกลับมาหุ้มตามเดิม
- หลีกเลี่ยงการใช้แป้งหรือโลชั่นทาบริเวณอวัยวะเพศ เพราะอาจเกิดการระคายเคืองต่อองคชาตได้
กรณีที่ผ่านการขริบ
- ในกรณีที่ผ่านการขริบแล้ว ควรดูแลความสะอาดเช่นเดียวกับกรณีที่ไม่ขริบ แต่จะรูดทำความสะอาดได้ง่ายกว่า
บทความโดย : พญ.กุลศิริ เตียนศรี รพ.เด็กสมิติเวช ศรีนครินทร์
คุณกำลังดู: เด็กผู้ชายกับการขริบหนังหุ้มปลาย (Circumcision)
หมวดหมู่: แม่และเด็ก