แกะเปลือก BMW M4 Competition Coupe

BMW M4 Competition Coupe รถ M สายพันธุ์โหดแห่งยุค เครื่องเบนซิน 3.0 ลิตร เทอร์โบ 510 แรงม้า 650 นิวตันเมตร 0-200 ใน 12 วินาที!! ราคา 9,999,000 บาท

แกะเปลือก BMW M4 Competition Coupe

Bemmer คือคนที่ชอบรถ BMW โดยเฉพาะการทำตัวเป็นแฟน BMW ขนานแท้ และบูชาลัทธิ M Power ในรถตระกูล M ที่ส่งตรงออกมาจาก BMW M GmbH การถือกำเนิดของ BMW M3 E30 ในปี 1986 กลายเป็นแรงดึงดูดสำคัญของคนที่รักการขับ M3 คันแรก เป็นรถคูเป้ประสิทธิภาพสูง ผลิตออกมาขายให้กับคนรักความแรง และเพื่อเป็นการทำตามกฎโฮโมโลเกชันของการแข่งรายการ Deutsche Tourenwagen Meisterschaft (DTM) กับรายการ Group A Touring โดยกติกาของการแข่งขันในรายการดังกล่าว บริษัทผู้ผลิตต้องส่งรถแบบเดียวลงสู่ตลาดให้ได้อย่างน้อย 5,000 คันเสียก่อน เพราะนอกจากความรู้สึกของการได้ครอบครองรถแข่งจากสนามที่มาอยู่ในชีวิตจริง วิ่งบนถนนจริงแล้ว M Car คันแรกของแบรนด์ตราใบพัด ยังเป็นรถสปอร์ตคูเป้หน้าตาเรียบๆ ที่มี 4 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถสองประตู สี่ที่นั่งที่พาครอบครัวเล็กๆ เดินทางท่องเที่ยว แต่มีขุมพลังที่รุนแรงเมื่อเทียบกับรถทั่วไปในยุค 80' 35 ปีผ่านไป ปัจจุบัน ในปี 2021 ก็มีรถ M ดีๆ ออกมาขาย นั่นก็คือ BMW M4 Competition ทายาทรุ่นที่ 5 มาพร้อมกับไดนามิกส์สไตล์ M Car พร้อมระบบขับเคลื่อนที่มีความก้าวล้ำ มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ M XDrive

รูปลักษณ์ของ M4 ตั้งแต่ในช่วงที่ยังเป็นแค่รถต้นแบบแนวคิดโดน
วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากการออกแบบกระจังหน้าไตคู่ขนาดเขื่องในแนวตั้ง รูปทรงของกระจังที่เคยใช้ในรถ BMW รุ่น 2000CS และอีกหลายๆ รุ่นถูกนำมาดัดแปลงและออกแบบรายละเอียดใหม่ อย่างเช่นซี่กระจังแนวนอนและการไม่มีกรอบล้อมรอบ และเมื่อ M4 ตัวจริงถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ค่อยๆ เบาลง เมื่อได้เห็นตัวจริงกับกระจังหน้าแบบใหม่ ซึ่งกลายเป็นจุดเด่นที่จะพบเจอได้ในเฉพาะ BMW M3 และ BMW M4 เท่านั้น มันอาจจะดูไม่ค่อยเป็นมิตรกับสายตาหน่อยในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป กระจังหน้าแบบใหม่ดูลงตัวและเข้ากับทรงแบบคูเป้ที่ดุดันของ New M4 นอกจากนี้ สิ่งที่แตกต่างจาก BMW 4 Series รุ่นปกติ ก็คือ ระบบส่องสว่างแบบบใหม่ที่ใช้ไฟหน้า Laser light เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน (เหมือนกับไฟของ BMW M340i แต่ใช้ไฟหน้าคนละทรงกัน) ช่องรีดอากาศไปเป่าซุ้มล้อ (Air Curtain) ที่ปลายกันชนด้านซ้ายขวามีแผ่นจัดเรียงกระแสลมรวมเข้าไปเป็นส่วนเดียว เพื่อพัฒนาแอโรไดนามิกส์ให้ดีขึ้นในย่านความเร็วสูง ซุ้มล้อขยายขนาดเพื่อโชว์มัดกล้าม โป่งปกคลุมล้อที่ขนาดใหญ่ หลังคาวัสดุน้ำหนักเบา CFRP พร้อมครีบสองฝั่งตามแนวยาวของรถ สปอยเลอร์หลังท้ายและแผงดิฟฟิวเซอร์ด้านล่างกันชน ปลายท่อไอเสียสีดำโครเมียมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางท่อละ 100 มม. จำนวน 4 ท่อ แผ่น Flap ปรับระดับเสียงของท่อไอเสียที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าอยู่ด้านใน แนวคิดก็ไม่ได้แตกต่างจากตอนที่ BMW M ทำ M3 E30 ในยุค 80s มากนัก เพียงแต่ทุกอย่าง ถูกยกระดับขึ้นตามยุคสมัยและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ทุกรายละเอียดถูกปรับแต่งเพื่อการทำความเร็วและความสะดวกสบาย

ซับเฟรมด้านหน้ามีค้ำอลูมิเนียมติดตั้งเพื่อความแข็งแรง ชุดค้ำตัวถังแบบตัว X ใต้พื้นห้องโดยสาร และซับเฟรมหลังที่เพิ่มความแข็งแรงให้กับจุดยึดเข้ากับตัวถังสำหรับ BMW M4 โดยเฉพาะ จุดที่ BMW M4 ใหม่ มีการพัฒนาด้านโครงสร้างตัวรถอย่างมาก เป็นผลมาจากการที่ BMW M GmbH ตัดสินใจพัฒนา BMW M4 เวอร์ชันถนน ควบคู่กับตัวแข่ง BMW M4 GT3 ซึ่งเป็นทางเดินเดียวกันกับตอนที่พวกเขาพัฒนา BMW M8 ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นรถตัวแรงเวอร์ชันถนน ที่มีแชสซีแข็งแกร่ง พร้อมรับช่วงล่างและชุดเบรกที่จะสามารถรีดสมรรถนะของมันออกมาได้เต็มที่ยิ่งขึ้น ซึ่งวิศวกรบอกว่ามันทำให้รถมีอาการเป็นกลางอยู่ตลอดเวลาแม้ในตอนที่กำลังขับจนถึงขีดจำกัด

การจะทำแบบนั้นได้ก็ต้องได้รับความช่วยเหลือจากช่วงล่าง Adaptive M Suspension ที่ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ BMW M4 Competition ช่วงล่าง สามารถปรับความแข็งได้ตามโหมดการขับที่เลือกเอาไว้จากปุ่ม Driving Experience Control ระบบรองรับของมัน จับคู่กับพวงมาลัยไฟฟ้า M Servotronic สามารถปรับอัตราทดแปรผันไปตามสถานการณ์ได้ เพื่อแฮนด์ลิงการขับที่ดุดันและเฉียบคม จากนั้นก็มีเบรก M Compound เพื่อหยุดม้ากล้ามโตฝูงใหญ่ คาลิปเปอร์ M สีน้ำเงินแบบหกสูบด้านหน้าและหนึ่งสูบด้านหลัง จานเบรกหน้าขนาด 380 มิลลิเมตร จานหลัง 370 มิลลิเมตร น้ำหนักแป้นเบรกยังมีลูกเล่นมาให้ปรับได้ตามสถานการณ์และสไตล์การขับที่แต่ละคนชื่นชอบได้ 2 โหมด คือ COMFORT ที่ตอบสนองของเบรกแบบค่อยเป็นค่อยไป และ SPORT ที่ตอบสนองรวดเร็ว รวมถึงสิ่งที่ครอบเบรกเหล่านั้นไว้อย่างล้ออัลลอยน้ำหนักเบา M forged ขนาดด้านหน้า 19 นิ้ว และหลัง 20 นิ้ว แบบสลับสี เพื่อการยึดเกาะในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะออกตัวบนทางตรง หรือพุ่งเข้าหาโค้ง

รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามดุดัน แต่ใต้เปลือกตัวถังนั้น มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า วิศวกรติดตั้งชุดค้ำและดามตัวถังตั้งแต่บนลงล่างและหน้าจรดท้ายเพื่อเพิ่มความแกร่งของตัวถัง ให้ทนต่อแรงบิดทั้งแนวยาวและแนวเฉียง สอดรับกับแรงม้า 510 ตัว ซึ่งมากกว่ารุ่นปกติอยู่เกือบเท่าตัว เบ้าโช้คอัพหน้า มีค้ำเชื่อมระหว่างเบ้าทั้งสองฝั่ง และยังมีอีกสองชุดเพื่อยึดมันเข้ากับคานหน้ารถและแผงไฟร์วอลล์ ค้ำห้องเครื่องกับซับเฟรมหน้าในแนวดิ่ง ส่วนซับเฟรมด้านหน้ามีค้ำอลูมิเนียมติดตั้งเพื่อความแข็งแรง ชุดค้ำตัวถังแบบตัว X ใต้พื้นห้องโดยสาร และซับเฟรมหลังที่เพิ่มความแข็งแรงให้กับจุดยึดเข้ากับตัวถังสำหรับ BMW M4 โดยเฉพาะ ส่วนหนึ่งที่ BMW M4 ใหม่นี้มีการพัฒนาด้านโครงสร้างตัวรถอย่างมากมาย เป็นผลมาจากการที่ BMW M GmbH ตัดสินใจพัฒนา BMW M4 เวอร์ชันถนนไปควบคู่กับตัวแข่ง BMW M4 GT3 ซึ่งเป็นทางเดินเดียวกันกับตอนที่พวกเขาพัฒนา BMW M8 ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นรถตัวแรงเวอร์ชันถนนที่มีตัวถังแข็งแกร่งพร้อมรับช่วงล่างและชุดเบรกที่จะสามารถรีดสมรรถนะของมันออกมาได้เต็มที่ยิ่งขึ้น ซึ่งวิศวกรบอกว่ามันทำให้รถมีอาการเป็นกลางอยู่ตลอดเวลาแม้ในตอนที่กำลังขับจนถึงขีดจำกัด

BMW M4 Competition ใช้เครื่องยนต์ S58 แบบหกสูบเรียง เบนซิน เทอร์โบคู่ พร้อมเทคโนโลยี TwinPower Turbo ที่ผลิตแรงม้าออกมาได้สูงถึง 510 ตัว กับแรงบิด 650 นิวตันเมตร ที่มีบุคลิกเด่นด้วยการที่มันชื่นชอบตวัดไปที่รอบสูง ระบบโดยรอบได้รับการปรับปรุงมาไม่น้อยเช่นเดียวกัน ทั้งระบบระบายความร้อนที่มีหม้อน้ำย่อยอีก 2 ชุดแยกออกมาจากหม้อน้ำหลัก ซ่อนอยู่ในซุ้มล้อหน้าด้านละฝั่ง เพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้นแม้กำลังถูกหวดอย่างหนักรอบแล้วรอบเล่าในสนามแข่ง และในรุ่น Competition จะมีออยล์คูลเลอร์เครื่องยนต์และออยล์คูลเลอร์เกียร์แยกออกมาต่างหากอีกด้วย อ่างน้ำมันเครื่องออกแบบใหม่ให้มีห้องสำรองเล็กๆ ไว้เก็บน้ำมันเครื่องในเวลาที่เครื่องยนต์ต้องการน้ำมันหล่อลื่นมากเป็นพิเศษ โดยปั๊มน้ำมันเครื่องที่ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์จะถูกสั่งให้ปั๊มน้ำมันจากห้องสำรองนี้ในตอนที่รถถูกเร่งไปข้างหน้าหรือเข้าโค้งอย่างรุนแรง และอาจทำให้น้ำมันเครื่องในอ่างไหลเทรวมกันไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่งจนทำให้เครื่องขาดน้ำมันหล่อลื่นไปชั่วขณะ ซึ่งนั่นก็จะทำให้ BMW M4 Competition มีชีวิตอยู่กับเจ้าของที่ชื่นชอบการพารถไปจิบกาแฟและลงแทร็กเดย์ได้ยาวนานขึ้น โดยที่เครื่องยนต์ไม่โบกมือลาไปเสียก่อน

เครื่องยนต์จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 จังหวะพร้อมฟังก์ชัน Drivelogic ที่เลือกความดุดันในจังหวะเปลี่ยนเกียร์ได้ 3 ระดับ ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายใน 3.9 วินาที และ 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 12.5 วินาที (BMW M4 รุ่นปกติทำได้ 4.2 และ 13.7 วินาที ตามลำดับ) นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับโหมดการขับที่เป็นฟีเจอร์เฉพาะสำหรับ BMW M อย่าง M Dynamic Mode (MDM) ที่ยอมปล่อยให้ล้อหลังหมุนฟรีในระดับที่จำกัด M Traction Control เลือกระดับการตอบสนอง ด้วยความว่องไวของระบบป้องกันล้อหมุนฟรีได้ถึง 10 ระดับ ซึ่งมีเป็นมาตรฐานสำหรับรุ่น Competition เท่านั้น และ M Mode ไว้คอยปรับระบบช่วยเหลือการขับต่างๆ ให้ลดบทบาทการเข้ามาควบคุมลงและปรับการแสดงผลหน้าจอต่างๆ ในรถตามโหมด ROAD, SPORT หรือ TRACK ที่เลือกเอาไว้ ระบบต่างๆ สามารถเซตค่าที่ชื่นชอบแล้วบันทึกไว้ในปุ่ม M1 และ M2 สีแดงบนพวงมาลัย เพื่อที่จะสามารถเรียกการตั้งค่านั้นขึ้นมาใช้งานอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องไล่ปรับทีละจุดให้เสียอรรถ และเมื่อพูดถึงอรรถรสวิศวกรก็จัดหา M Drive Professional Drift Analyzer ติดตั้งมาให้รถประเมินคะแนนการดริฟต์ของคุณด้วยซะเลย เหมือนกับมีเพื่อนคู่ใจที่คอยเชียร์ให้คุณฮึกเหิมขึ้นตอนดริฟต์สวย แต่ก็ตรงไปตรงมาพอจะบอกว่าดริฟต์ห่วยๆ แบบนี้เลิกเสียเถอะ มันยังมาพร้อม M Laptimer เพื่อการจับเวลาต่อรอบด้วย

ภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งพิเศษตามแบบฉบับ BMW M ซึ่งคงไม่ต้องพูดกันให้มากความสำหรับแฟน M มาแต่อ้อนแต่ออก จุดเด่นอยู่ที่มาตรวัดแบบ BMW LiveCockpit Professional ที่มีกราฟิกสำหรับ M โดยเฉพาะ ระบบการแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า Head-up display เบาะนั่ง M carbon ทรงบักเก็ตซีทหุ้มด้วยหนัง Merino ผิวละเอียด พร้อมโลโก้ M4 บนพนักพิงศีรษะเรืองแสง เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M เครื่องเสียง Harman Kardon แป้นแพดเดิลชิฟท์คาร์บอนด้านหลังพวงมาลัย ปุ่มการเลือกโหมดการขับแบบเฉพาะ BMW M เท่านั้น และโลโก้ M4 อีกเต็มคันเพื่อให้รู้ว่ารถคันนี้มี DNA ของตัวอักษรที่ทรงพลังที่สุดในโลกอยู่เต็มเปี่ยม

35 ปีผ่านไป BMW M ยังเปิดโอกาสให้คนที่รักความเร็วได้สัมผัสรถที่มีจิตและวิญญาณสำหรับนักขับอยู่อย่างเต็มสูบ ไม่ว่าจะเป็น M2 M3 M4 M5 M760IL M8 รวมถึงรถ M ในกลุ่มเอสยูวี อย่าง X3M X4M X5M X6M รวมถึง X7M50d ถือเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ของรถสปอร์ตหลากหลายรูปแบบพร้อมเครื่องยนต์และชุดส่งกำลังสมรรถนะสูง ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในรถ M Electric ที่จะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้.

ข้อมูลจาก https://www.bmw.co.th/th

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

คุณกำลังดู: แกะเปลือก BMW M4 Competition Coupe

หมวดหมู่: รีวิวรถใหม่

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด