ขับยังไงไม่ให้เกียร์ออโต้พังเร็ว อ่าน....วิธีใช้งานเกียร์อัตโนมัติที่ถูกต้อง

วิธีขับใช้งานเกียร์ออโต้เพื่อยืดอายุการใช้งาน

ขับยังไงไม่ให้เกียร์ออโต้พังเร็ว อ่าน....วิธีใช้งานเกียร์อัตโนมัติที่ถูกต้อง

การขับรถเกียร์อัตโนมัติ ถ้าเป็นการใช้งานตามปกติทั่วไป ก่อนใส่เกียร์เพื่อเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ D เดินหน้า หรือเกียร์ R ถอยหลัง ต้องเหยียบเบรกทุกครั้ง รถเกียร์ออโต้รุ่นใหม่บางยี่ห้อถ้าไม่เหยียบเบรกก็จะไม่สามารถเลื่อนคันเกียร์ได้ เป็นการออกแบบการใช้งานเพื่อความปลอดภัย

1. เข้าเกียร์ถอยหลัง รถต้องหยุดนิ่ง
การเลื่อนคันเกียร์จาก D ไป R หรือจากตำแหน่งเดินหน้า ไปที่ตำแหน่งเกียร์ถอย ต้องเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่งสนิทซะก่อน แล้วค่อยเลื่อน หรือกดคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง R ถ้ารถกำลังไหลไปข้างหน้าช้าๆ เนื่องจากไม่ได้เหยียบเบรกจนรถหยุดนิ่ง จะทำให้เฟืองเกียร์สึกหรอเร็วกว่าปกติ

2. อย่าเข้าเกียร์ว่างขณะที่รถกำลังวิ่ง
เมื่อใส่เกียร์ว่างขณะที่รถกำลังวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นทางตรงยาว หรือทางลงเนิน ชิ้นส่วนท่ีเคลื่อนไหวของระบบเกียร์กำลังหมุนอยู่ แต่ไม่มีแรงดันของน้ำมันหล่อลื่นในระบบเข้าไปหล่อเลี้ยงจากการยัดเกียร์ N ซึ่งเป็นเกียร์ที่ใช้จอด เกียร์จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจเกิดความเสียหายตามมา ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีคำเตือนไม่ให้ลากรถเกียร์ออโต้ด้วยเกียร์ว่างหรือเกียร์ N หากมีความจำเป็นจะต้องลากจริงๆ เพราะหารถรถสไลด์ไม่ได้ก็ควรจะใช้ความเร็วต่ำในการลากจูง ควรลากในระยะทางสั้นๆ เท่านั้นและควรเติมน้ำมันเกียร์ลงไปเพิ่มก่อนลงมือลากจูง ซึ่งเป็นเรื่องที่วุ่นวายมาก วิธีลากที่ปลอดภัยคือ ยกส่วนที่ล้อขับเคลื่อนให้ลอยพ้นจากผิวถนน รถเกียร์ออโต้ขับหน้าก็ให้ยกส่วนหน้า รถเกียร์ออโต้ขับหลังก็ยกส่วนหลังขึ้นให้พ้นจากพื้น เพื่อป้องกันเกียร์อัตโนมัติสึกหรอเสียหายขณะทำการลากจูงไปอู่หรือศูนย์บริการ ทุกวันนี้ บริการรถสไลด์มีทั่วเกือบทุกจังหวัด ช่วยป้องกันเกียร์พังได้หากรถเกิดปัญหาขับเคลื่อนด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องยกหรือลากจูงไปอู่อย่างเดียวก็ควรพึ่งพาบริการรถยกจะดีที่สุด

3. อย่าลดตำแหน่งเกียร์ลงต่ำ หรือเชนเกียร์ลงไปที่เกียร์ต่ำเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง
การขับบนเส้นทางภูเขาที่ต้องมีการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เพื่อให้รถมีกำลังในการวิ่งขึ้นเนินเขาที่สูงชันหรือขับลงมาจากเนินสูง ตำแหน่งเกียร์ออโต้บนภูเขา ควรอยู่ในช่วงเกียร์ต่ำ เกียร์อัตโนมัติ ในตำแหน่งเกียร์ 3-4 จะหน่วงความเร็วช่วยเมื่อรถวิ่งลงเนิน บางเนินสูงชันมาก อาจต้องเปลี่ยนลงมาถึงเกียร์สอง แต่ก็ไม่บ่อยครั้งนักที่ต้องใช้งานเกียร์ต่ำวิ่งลัดเลาะลงจากเส้นทางภูเขา เมื่อขับลงเนินแล้วรถเริ่มมีความเร็วเพิ่มขึ้น ไม่ควรเปลี่ยนลงไปยังตำแหน่งเกียร์ที่ต่ำมาก ให้ใช้เบรกช่วยและขับด้วยความเร็วที่ไม่สูงมากจนเกินไป การเปลี่ยนลงเกียร์ต่ำในขณะที่ใช้รอบสูง อาจเกิดความเสียหาย นอกจากนั้นยังป้องกันเรื่องของแรงบิดสูงในเกียร์ต่ำที่อาจทำให้รถเกิดอาการลื่นไถล

4. จะเข้าเกียร์ P รถต้องหยุดนิ่งสนิทเท่านั้น
เช่นเดียวกับเกียร์ R หรือเกียร์ถอย เมื่อจะเข้าเกียร์ P เพื่อจอดรถ ต้องเหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่งซะก่อน ถึงจะเลื่อนคันเกียร์จาก D หรือ R ไปที่ P หากรถยังไหลอยู่แล้วไม่เหยียบเบรกให้จอดนิ่งๆ ก่อน เล่นยัดเกียร์ P สวนลงไปในขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวช้าๆ คุณจะได้ยินเสียงเฟืองเกียร์ดังกึก นั่นหมายถึงความสึกหรอที่เกิดขึ้นกับเฟืองเกียร์ ที่อาจตามมาด้วยความเสียหาย ต้องจ่ายค่าซ่อมโดยไม่จำเป็น

5. ไม่ขับแบบลากเกียร์
ยอมรับว่า สมัยวัยรุ่นเริ่มขับรถใหม่ๆ ก็จะมีความมันในอารมณ์ โดยเฉพาะการขับลากรอบลากเกียร์ ไปที่รอบเครื่องสูงๆ โดยไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์ขึ้นไปสู่ตำแหน่งที่สูงกว่า ในการใช้การปกติ โหมด D หรือ โหมดออโต้ เกียร์จะทำให้ทุกอย่างตามซอฟต์แวร์ที่ควบคุมการทำงานของระบบเกียร์อัตโนมัติอยู่แล้ว การเลื่อนคันเกียร์ไปตามจังหวะที่ตัวเองต้องการ ในจังหวะที่รอบเครื่องยนต์สูงสุด เพื่อหวังผลในด้านอัตราเร่ง การใช้เกียร์อัตโนมัติในลักษณะดังกล่าวจะทำให้เกียร์ออโต้สึกหรอเร็วกว่าปกติ ตอนยังไม่พังก็สนุกดีอยู่หรอก แต่พอตอนที่เกียร์พังแล้วเห็นบิลค่าซ่อมเกียร์ ความสนุกแบบสะใจนั้นก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว

6. ไม่กดคันเร่งเพื่อคิกดาวน์บ่อยครั้ง
การคิกดาวน์หรือการใช้คันเร่งกดลงจนสุดในรถเกียร์อัตโนมัติ เพื่อให้เกียร์ลดตำแหน่งลงไปสำหรับเร่งความเร็วเพื่อแซง เหมาะสมกับการใช้งานเมื่อจะแซงรถช้าเท่านั้น เอาเป็นว่า เมื่อจะแซงรถบรรทุกหรือรถพ่วง ก็ไม่ควรอ้อยอิ่งใช้คันเร่งแบบค่อยเป็นค่อยไป อันนั้นจะเป็นวิธีการขับแซงรถใหญ่ที่อันตราย เมื่อจะแซงรถช้า ต้องควรแซงให้ขาด ให้การแซงพ้นรถช้าอย่างรวดเร็ว นั่นก็คือ รีบแซง แล้วกลับมาใช้ความเร็วรวมถึงช่องทางหลังจากการแซงผ่านพ้นไปแล้วตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อแซงพ้นไปแล้ว ก็ให้ใช้ความเร็วปกติ การคิกดาวน์เล่นบ่อยครั้ง เกียร์จะทำงานหนักและทำให้มีอุณหภูมิสูงเกินขีดจำกัดของเกียร์ ตามมาด้วยความสึกหรอของชุดคลัตช์ภายในและค่าซ่อมที่แพงจนสะดุ้งละครับ

7. สายพ่วงแบตเตอรี่ ของจำเป็นสำหรับรถยนต์เกียร์ออโต้ (ยกเว้นรถยนต์ไฟฟ้า)
รถเกียร์ออโต้ ถ้าแบตเตอรี่เกิดปัญหาไฟไม่พอ ไฟหมด จะเข็นเพื่อทำการสตาร์ทไม่ได้เหมือนรถเกียร์ธรรมดา คุณต้องเข็นจนความเร็วเกินกว่า 15 กิโลเมตร หรือมากกว่านั้น สุดวิสัยที่จะทำได้ ควรหาสายพ่วงแบตเตอรี่ที่ได้มาตรฐาน สายต้องมีขนาดใหญ่ เพื่อให้ไฟไหลผ่านได้สะดวกกว่าสายพ่วงแบตฯ ที่มีขนาดเล็กเกินไป เคราะห์ร้ายรถไฟหมดกลางทางยังของพ่วงแบตฯ เพื่อสตาร์ทเครื่องได้ สตาร์ทได้แล้วก็ควรวิ่งไปร้านแบตเตอรี่ หาแบตฯ ใหม่ใส่ซะให้เรียบร้อย มีแต่เรื่องเสียเงินทั้งนั้นละครับ

8. น้ำมันเกียร์
ของสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบส่งกำลังนั่นก็คือน้ำมันเกียร์ ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เมื่อวิ่งใช้งานถึง 40,000 กิโลเมตร ประเภทที่เคลมว่า ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตลอดอายุการใช้งาน พอหมดการรับประกันก็เห็นว่าเกียร์พังกันเยอะ เลือกเอาว่าจะเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะทางที่บอก หรือขับไปเรื่อยๆ จนเกียร์พังต้องส่งซ่อม ซ่อมเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ก็ดีไป แต่ถ้าพังทั้งลูกแล้วต้องยกเกียร์ใหม่ ราคามันไม่ใช่แค่แสนสองแสนนะครับ รถยุโรปบางรุ่นเกียร์มีราคาทะยานไปถึง 5-6 แสนบาท ถึงกับต้องควักเงินเปลี่ยนเกียร์ใหม่ รวยยังไงก็เสียดายเงินครับ.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

คุณกำลังดู: ขับยังไงไม่ให้เกียร์ออโต้พังเร็ว อ่าน....วิธีใช้งานเกียร์อัตโนมัติที่ถูกต้อง

หมวดหมู่: เคล็ดลับยานยนต์

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด