"ไขมันพอกตับ" ภัยเงียบของทุกเพศทุกวัย เสี่ยงเป็นมะเร็งตับ-เสียชีวิต
ไขมันพอกตับปัญหาสุขภาพใกล้ตัวที่ทุกคนสามารถเป็นได้ หากปล่อยไว้อาจลุกลามจนทำให้เกิดโรคมะเร็งตับและรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
อธิบดีกรมการแพทย์ เผย ไขมันพอกตับเป็นปัญหาสุขภาพใกล้ตัวที่ทุกคนสามารถเป็นได้ หากปล่อยไว้อาจลุกลามจนทำให้เกิดโรคมะเร็งตับและรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ แนะเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่ไม่จำเป็นและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ป้องกันควบคุมรักษาโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดสูงให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคได้
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์
กล่าวว่า
ไขมันพอกตับคือภาวะสะสมไขมันซึ่งส่วนมากอยู่ในรูปแบบของไตรกลีเซอไรด์ในเซลล์ตับ
สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น
ดื่มสุราเป็นประจำ มีรูปร่างอ้วน เป็นเบาหวาน มีไขมันในเลือดสูง
และความดันโลหิตสูง จากการศึกษาพบว่าผู้ที่มีภาวะไขมันพอกตับกว่า 50
เปอร์เซ็นต์ ในระยะแรกมักไม่แสดงอาการใดๆ
แต่ในรายที่มีการอักเสบของตับร่วมด้วยอาจมีอาการ เช่น อ่อนเพลีย
เหนื่อยง่าย รู้สึกอึดอัด ปวดแน่น
เจ็บบริเวณชายโครงด้านขวาในตำแหน่งที่อยู่ของตับ
จากการมีตับโตและมักคลำพบได้ เบื่ออาหาร รู้สึกท้องอืด ท้องเฟ้อ
คล้ายอาหารไม่ย่อยท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำ แน่นท้อง อึดอัดท้อง
อาจผอมลงโดยไม่ได้เกิดจากการอดอาหารหรือลดน้ำหนัก
หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาภาวะไขมันพอกตับจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ส่งผลทำให้เกิดภาวะตับแข็งและอาจลุกลามเป็นโรคมะเร็งตับจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงต่อภาวะไขมันพอกตับ
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาแนวทางการป้องกันและรักษาต่อไป
การรักษาไขมันพอกตับทำได้ด้วยการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี
โดยการควบคุมปริมาณและคุณภาพอาหารหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น
นม เนย กะทิ ชีส กุ้ง ปู ไข่แดง
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลมากเกินไป
ควรลดปริมาณอาหารโดยเฉพาะมื้อเย็น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
แต่พึงระวังไม่ควรหักโหมลดน้ำหนักด้วยการงดอาหารและเร็วจนเกินไป
เพราะอาจก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบอย่างรุนแรงได้ ควรลดน้ำหนักเดือนละ
1-2 กิโลกรัมต่อเดือน หรือลดเดือนละ 15%
ของน้ำหนักเริ่มต้นจนน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
และควรรักษาระดับน้ำตาลและควบคุมไขมันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
จะช่วยสลายไขมันจากตับได้ดี
อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่กำลังมาถึง
เป็นช่วงเวลาแห่งการฉลองพบปะสังสรรค์
ส่วนใหญ่ในงานเลี้ยงมักมีอาหารที่ให้พลังงานสูง รสชาติอร่อย
และสีสันสวยงาม ดังนั้น ควรเลือกบริโภคอาหารให้เหมาะสมถูก สุขลักษณะ
จำกัดประเภท และปริมาณอาหารพลังงานสูงโดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตและไขมัน
หลีกเลี่ยงการดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ เป็นต้น
นอกจากเรื่องอาหารการกินแล้ว ควรออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ
ทำจิตใจให้แจ่มใส โดยใช้โอกาสนี้ในการเริ่มต้นใส่ใจดูแลสุขภาพ
เพราะการมีสุขภาพดีห่างไกลโรค
ถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่ล้ำค่าที่สุดสำหรับตัวเอง
คุณกำลังดู: "ไขมันพอกตับ" ภัยเงียบของทุกเพศทุกวัย เสี่ยงเป็นมะเร็งตับ-เสียชีวิต
หมวดหมู่: รู้ทันโรค