ปู ไปรยา ณ วินาทีปัจจุบัน ชีวิตนี้สั้นนัก-เคยหนีจากวงการและทุกข์ทรมานจากคำบูลลี่

ปู ไปรยา ณ วินาทีปัจจุบัน ชีวิตนี้สั้นนัก-เคยหนีจากวงการและทุกข์ทรมานจากคำบูลลี่

นักแสดงและนางแบบสาว ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก มาเปิดใจในรายการ WOOD FM เผยเรื่องราวในชีวิตที่เคยทั้งการหนีออกจากวงการและครอบครัว เพราะคำบูลลี่ว่าเป็นของเล่นไฮโซ ไม่สวย ตัวดำ และเคยรู้สึกถึงขั้นอยากจบชีวิต

โดยเธอเล่าถึงอดีตรักที่ไม่สมหวังว่า ก่อนหน้านี้ “ปูเลือกคนที่ผิด”

“ตอนนั้นยังรักตัวเอง และยังไม่รู้จักตัวเองพอ” ปู ไปรยา ที่เริ่มเข้าวงการ เป็นดาราตั้งแต่อายุ 13 ปี โดยระหว่างนั้นเธอทั้งเรียนและทำงานไปพร้อมๆกัน

“ปูแย่มากตอนนั้น ยังจำได้เลยว่า มีปมกับคอมเมนต์ในอินเตอร์เน็ต ที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนเลย ช่วงละครเรื่องแรก ตอนนั้นเตะบอล ผิวเลยจะคล้ำๆ หน่อย ปูว่าผิวสีแทนสวยมาก จำได้ละครเพิ่งออก ก็เลยเข้าไปดูในเว็บช่อง 7 มีคนบอกว่าเป็นนางเอกได้ไงตัวดำมากเลย ปูวิ่งออกจากห้องหนังสือ ร้องไห้กองกับพื้น ทุกคนคิดว่าปูขี้เหร่”

“หลังจากนั้นไม่กี่เดือนไปดูบอลช่อง 3 ตอนที่กำลังจะเดินออกจากสนาม มีคนบอกว่า ตัวดำ ไม่เห็นสวยเลย ปูก็กลับมาร้องๆๆ นั่นคือประสบการณ์การโดนคอมเมนต์ของแฟนคลับ ของคนไทย เลยคิดว่าพวกเขาเกลียดปู ไม่ชอบอะไรเลยที่เป็นปู แล้วบอกว่าไม่มีใครแต่งด้วยหรอกของเล่นไฮโซ ปูเลยยิ่งแบบว่าฉันจะต้องหาแฟน ฉันต้องตัวขาวหาผู้ชายก่อน มันบ้ามาก คิดในใจว่าฉันต้องเป็นแบบนี้ ถึงจะถูกยอมรับ”

“แล้วหลังจากนั้นต้องทำตัวเรียบร้อย เป็นหญิงไทยพูดจาเพราะ เอาจริงป่ะ เหมือนเอาเสือไปใส่ชุดแพนด้า” ปู ไปรยา พูดพลางหัวเราะ

แล้วว่า “ปูทำไม่ได้”

“ผู้ชายที่เป็นแฟนกับปูบอกว่าผมว่าคุณไม่ใช่อย่างที่คุณบอกว่าเป็นนะ เหมือนตอนแรกๆ คบกันเป็น แต่ช่วงหลังมันจะเป็นไปเอง ว่าปูจะเริ่มไม่แฮปปี้มาก แล้วปูจะดื้อเงียบ เป็นกับแฟนเก่าทุกคนเลย พอเขาเริ่มอยากให้เราไปในทิศทางที่เราคิดว่าเราจะวางตัวและทำได้ มันก็เริ่มทะเลาะกัน เพราะลึกๆ แล้วปูดื้อสุดๆ ก็เลยไม่ทำ ไม่อยากทำ ไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้”

“ตอนย้ายไปอเมริกา ปูได้ค้นพบตัวตนปูจริงๆ คือปูเป็นคนตรงๆ มีอารมณ์ขันแบบแสบๆ แล้วปูค่อนข้างจะชิลๆ กับเรื่องเพศ ไม่ได้เป็นคนที่ถือตัว ปูชอบส่วนโค้ง ส่วนเว้ารูปร่าง ใส่ชุดว่ายน้ำ ปูชอบการตกหลุมรัก การได้รัก เป็นคนที่แบบมองผู้หญิงสวย ปูก็ว่าเธอเซ็กซี่ เธอสวย มองผู้ชาย ปูค่อนข้างเปิดกว้างเรื่องเพศ แล้วเป็นสิ่งที่เมื่อก่อนปูโดนกดเอาไว้ พูดไม่ได้ พูดแล้วคนด่าว่าแรง ปูอายุมากขึ้น พยายามจะเข้าใจว่ามนุษย์ควรจะอยู่กับคนๆ เดียวทั้งชีวิตหรือเปล่า บางคนทำได้บางคนทำไม่ได้ นี่คือเพื่อถามตัวเองที่อยู่ในช่วงเวลาชีวิต แล้วถ้าเราจะเลือกคนๆ หนึ่งที่เราจะอยู่ด้วยตลอดชีวิต โดยไม่มองและคิดถึงคนอื่น โดยไม่รู้สึกอะไรกับเพศตรงข้าม หรือเพศเดียวกัน ถึงตอนนั้นปูอาจจะได้แต่งงาน แต่คนนั้นจะต้องเป็นคนที่รับได้ถึงตัวปู ในแบบที่ปูเป็น ตอนนี้ปูอยู่ในเฟสที่แบบเปิด ดูทุกอย่าง คุณได้เกิดมาแค่ครั้งเดียว เลยคิดว่าจะใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ”

สำหรับความรักตอนนี้ ปูบอก “แฮปปี้”

“เรียกว่าคุยดีกว่า คุยมาสักพักหนึ่งแล้วค่ะ เกินปีแล้ว”

แต่ “ขอเก็บเป็นเรื่องส่วนตัวเท่านั้น คราวนี้ปูจะไม่พูดแล้ว ไม่มีใครจะได้เห็นรูปที่ปูลง เพราะเวลาโดนเรื่องโซเชียลมันหนักแค่ไหน ปูรู้สึกว่าต้องการปกป้องคนที่คุยด้วย แล้วอีกอย่างคือที่ผ่านมา มันเป็นไปรยา เวอร์ชั่นต้องให้คนนี้รัก ต้องมีแฟน ต้องแต่งงาน เพื่อมีคุณค่า แต่ตอนนี้ปูรู้สึกว่า ชีวิตรักปูเป็นเรื่องของปู เป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าปูยังปกป้องตัวเองในสายตาผู้คนไม่ได้ ซึ่งตอนนี้หลังจากบทสัมภาษณ์นี้ ปูอาจจะโดนด่าหนักมากก็ได้ ปูไม่มีทางเอาคนอื่นที่เป็นคนนอกวงการ ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ปูต้องปกป้องทุกคน มันมีแบบนานๆ ทีปูลงรูปเพื่อนๆ ทุกวันนี้ยังขออนุญาติเพื่อนอยู่เลย เพราะปูก็กลัว ปูเจอมาเยอะ”

ความคิดเรื่องจะไม่เล่นโซเชียล เธอเองก็เคยมี และ “ถ้าวันหนึ่งสามารถมีรายได้เป็นของตัวเอง ในหน้าที่การงานที่แบบพอดีแล้ว ปิดแน่เลยนะ บ๊าย! อินสตาแกรม”

เมื่อพิธีกรถามว่า ในวันที่คุณแบก ปู ไปรยา ว่าต้องเป็นอย่างนี้คนไทยถึงจะชอบ สุดท้ายวันหนึ่งคุณค่อยๆ กระเทาะตัวตน และมองว่าฉันไม่ต้องเป็นอะไร เหลือศูนย์ว่างเปล่า?

“สุดท้ายลมหายใจที่เรามีอยู่จริงที่สุดแล้ว” ปูตอบ

“คนจะมองข้ามความสำคัญของลมหายใจ แต่เป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้ ยิ่งกว่าอาหารหรือน้ำดื่มอีก ฉะนั้นเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าชีวิตมันเกินไป รับไม่ได้ ปูก็อยากจะบอกว่ากลับมาที่ลมหายใจ เราเกิดมาสุดท้ายตาย ไม่ว่าจะเผาหรือฝัง มันหายไปไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป ปูเลยใช้ชีวิตเหมือนทุกวันนี้เป็นเหมือนวันสุดท้ายของปู แล้วสุดท้ายปูอยากทำอะไร ปูอยากอยู่กับครอบครัว โอเคทำเงิน หางาน แต่ทำแล้วรักหรือเปล่า ถ้าไม่รักไม่อยากทำงานนี้ ปูก็จะไม่ทำ อยากทำในสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข พอวินาทีและลมหายใจสุดท้าย ปูอยากจะรู้สึกว่าปูมองกลับไปชีวิตตัวเองและวินาทีนั้น บอกกับตัวเองว่า ฉันทำดีที่สุดแล้ว ฉันพอใจแล้ว นี่สำคัญมากสำหรับปู อะไรที่คนอื่นคิด เอาจริงๆนะ ไม่ใช่ปัญหาของปู เพราะฉะนั้นถ้าปูถามทุกคนวันนี้ คุณอยากทำอะไร ? ไปทำซะ เพราะคุณไม่รู้ว่าคุณจะได้ทำไหม วินาทีนี้จะเป็นวินาทีที่เราเด็กที่สุด เราจะไม่เด็กไปกว่านี้แล้ว”

สำหรับเรื่องหนักที่สุดในชีวิตที่เจอมา ปูบอกเลยว่า “อยากฆ่าตัวตาย ปูเคยคิดสั้น แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาด่าปู แล้วเขาทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ในไอจี ปูเลยโทรไป ร้องไห้ บอกคุณทำอย่างนี้กับฉันได้ยังไง คุณรู้จักฉันเหรอ คุณรู้ไหมว่าคุณทำฉันไม่ไหว แล้วก็กรี๊ด เพื่อนคว้าโทรศัทพ์แล้วบอกว่า No!! เธอโทรหาคนอื่นแบบนี้ไม่ได้ แล้วปูก็กรี๊ด นอนร้องไห้อยู่กับพื้นห้องน้ำ น่าจะเป็นสิบกว่าชั่วโมง แล้วหลังจากนั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้นของสงครามจิตวิทยาและสมองที่จะเกิดขึ้น ที่โฆษณาหายหมด งานหายหมด ทุกอย่างที่ยึดติดว่าเป็นตัวตนปู ว่าถ้ามีสิ่งนี้ทำให้ปูมีค่าหายไปหมดเลย แต่มันเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นเลย”

คุณได้อะไร ?
“ได้เป็นตัวของตัวเองแล้วตอนนี้ จะชอบไม่ชอบก็ไม่ใช่ปัญหาของเรา ปูออกจากตำแหน่งแล้ว มันเป็นส่วนสำคัญของปูเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วบางครั้งชีวิตมันก็เหมือนหนังสือบทนี้มันจบแล้ว คนที่คุณเป็นในช่วงเวลานี้ มันจบแล้ว คนนั้นควรจะตายไป เพื่อคนใหม่เกิดขึ้นและแกร่งกว่าเดิม”

ช่วงที่เครียดหนักๆ เธอบอก “พ่อแม่ปูบอกว่า เธอจะไปแคร์ทำไม ปูก็ร้องไห้บอก คุณไม่เข้าใจจิตใจปู ไม่เข้าใจว่าคนที่เป็นโรควิตกกังวล มีความเศร้ามากๆ พวกที่เก็บมาคิดจริงจัง คุณไม่เข้าใจว่าแบบปูมีคนขู่ฆ่าด้วยนะ ฉันจะไปหาเธอ แล้วฆ่าเธอ มันแย่มากๆ บางคนเอารูปปูที่เคยถ่ายรูปคู่กันมาฉีก แล้ววาด แล้วส่งเข้ามาในอินบ๊อกซ์ มันบ้าบอสุดๆ ปูจะไม่ร้องกับสิ่งที่ไม่ควรได้รับน้ำตาปู สัญญากับตัวเองแล้วว่า เราจะไม่ร้องกับสิ่งที่ไม่ควรได้รับน้ำตาเรา เรื่องนี้ไม่ได้รับน้ำตาปูแล้ว”

“ตอนนั้นก็คุยกับพ่อแม่ แต่พวกเขาไม่เข้าใจ ปูเลยเลือกที่จะวิ่งหนีจากพ่อแม่ วิ่งหนีจากทุกคน ปูเดินพารากอนช่วงหนึ่ง ทุกตาที่ปูมอง แล้วคิดว่าเขาเกลียดฉัน ทุกคนเกลียดปู ปูไม่เดินสยามนะ ทุกคนเกลียดปูที่นั่น เป็นอยู่ 3 ปี บางครั้งปูยังฝันร้ายถึงมันอยู่ มันเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจ บางครั้งนั่งอยู่มันกลับมา บางทีเหมือนปูจะจะสัมภาษณ์กับพี่วู้ดดี้ก็คิดว่าพรุ่งนี้มันต้องกลับมาแน่นอน แต่ปูจะไม่แคร์อีกต่อไปแล้ว เพราะปูเชื่ออย่างหนึ่งว่า มันมีคำที่ Brene Brow เคยพูด แบบมันเหมือนสนามมวยมีนักชก 2 คน มีคนดู คนชม พวกที่ชมออกความคิดเห็น เราต้องอย่าไปใส่ใจสิ่งที่เขาพูดกัน เพราะคุณไม่ได้ลงมาสู้ด้วย คุณไม่ได้มาเจ็บหน้า ซ้อม ปวดตัว เมื่อไหร่ที่คุณอยู่ในจุดเดียวกันกับปู เมื่อนั่นปูถึงจะเลือกที่จะฟังคำพูดของคุณ แล้วปูเชื่อว่า นักวิจารณ์ก็ทำได้แต่วิจารณ์นั่นแหละ เราควรวิเคราะห์ตัวเอง ว่าแทนที่เราจะไปนั่งด่าคนอื่น เราควรจะพัฒนาตัวเองยังไงบ้าง ก็เลยคิดในใจว่าต่อไปนี้เวลาอ่านข่าวดาราหรืออ่านอะไร แม้แต่เพื่อนจะนินทา จะบอกว่าอย่าไปนินทาเขาเลย เพราะเจอด้วยตัวเอง เลยมองว่าเราไม่สามารถตัดสินใครได้จนกว่าเราได้ไปจนจุดนั้น ชีวิตมันสั้นนัก เราแค่ยกภูเขาแล้ววางลง คุณจะรักหรือไม่รัก แต่ฉันรักตัวเอง ถ้าคุณไม่รักไม่เป็นไร จากวินาทีนี้เป็นต้นไป ถ้าเลือกที่จะหันหลังตลอดไปหรือเลือกที่จะเดินหน้า ปูสามารถทำด้วยความภูมิใจ ปูจะไม่ต้องพูดถึง 3 ปี 6 ปีที่ผ่านมาอีกแล้ว เพราะปูพร้อมมากตอนนี้ พร้อมสำหรับบทใหม่ พร้อมที่จะมีความสุข”

อยากทำอะไรในเมืองไทย ?
กับคำถามนี้ เธอบอก “ไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากกลับมาช่วยคน เวลาออกจากกรุงเทพฯ มีความสุข อยู่ต่างจังหวัด ไปวัด ไปเจอผู้คนมีความสุขมาก นี่เป็นความทรงจำที่เกี่ยวกับเมืองไทยที่ปูชอบมาก แต่อย่างอื่น อยากจะทำอะไรในวงการบันเทิง เอาจริงไม่มีแล้ว ปูดูทุกอย่างแล้วรู้สึกเหนื่อย ไม่อยากแข่งขัน ต้องปีน ทำมาหมดแล้ว ปูแค่อยากจะชิลๆ มีรายได้ผ่อนบ้านให้จบซะ ปิดบ้านหลังนี้ ปูพอแล้ว ตอนนี้การโฆษณาก็ยังมีทำงาน แล้วก็รู้สึกปลื้มใจที่ได้ทำอะไรที่เข้ามา แล้วยังอยากร่วมงานกับเรา เราก็จะทำมันด้วยความสุข ด้วยความภาคภูมิใจ ตอนนี้ปูจะใช้ชีวิตแบบเป็นตัวเองที่สุด อะไรที่ไม่ใช่ตัวเรา อะไรที่มันปลอมเพื่อเอาใจคนอื่น อะไรที่ทำเพื่อแข่งขัน ปูว่าเวลาเป็นสิ่งที่แพงที่สุด และมีคุณค่ามากที่สุด ต่อไปนี้ชีวิตปูจะใช้กับใครทำอะไร ปูจะต้องแน่ใจว่าวินาทีนี้ที่ปูคุยอยู่ เป็นวินาทีที่ปูจะไม่เสียดาย คุ้มค่าแล้ว เพราะฉะนั้นลูกค้าคนไหนที่ปูเหยียบกองแล้ว ปูทุ่มให้ 100% เพราะปูทำเพื่อพวกเขาและปูอยากทำ นั่นคือชีวิตที่ควรเป็น”

ส่วนที่อเมริกา เธอบอก “อยู่ต่อ ถ้าได้หนังก็เล่น ถ้าได้ซีรีส์ก็เล่น พัฒนาฝีมือการแสดง ได้เป็นตัวของตัวเอง อยู่กับเพื่อนๆ กลุ่มใหม่ เลี้ยงหมา 3 ตัว”

“วันหนึ่งหวังว่าจะมีครอบครัว แต่อาจจะไม่แบบธรรมชาติ ไม่เห็นภาพตัวเองอุ้มท้องเลย ไม่อยากกดดันให้ใครต้องมาแต่งงานกับเรา ปูค่อนข้างเปิดกว้างจะในรูปแบบไหนก็แล้วแต่”

แต่ที่แน่ๆ จะไม่มีรูปลงในอินสตาแกรมให้ได้เห็นอีกแน่นอน

คุณกำลังดู: ปู ไปรยา ณ วินาทีปัจจุบัน ชีวิตนี้สั้นนัก-เคยหนีจากวงการและทุกข์ทรมานจากคำบูลลี่

หมวดหมู่: ความบันเทิง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด