ภาวะสมองฝ่อในผู้สูงอายุ (Cerebral atrophy)

ภาวะสมองฝ่อ (Cerebral atrophy หรือ Brain atrophy) หมายถึง ภาวะสูญเสียเซลล์สมองและการเชื่อมกันของเซลล์สมอง อาจเกิดทั่วทุกบริเวณของสมอง หรือแค่เฉพาะบางส่วนก็ได้

ภาวะสมองฝ่อในผู้สูงอายุ (Cerebral atrophy)
  • ภาวะสมองฝ่อมักเป็นความเปลี่ยนแปลงตามปกติของอายุ ทำให้พบได้มากในผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถพบในช่วงอายุอื่นได้เช่นเดียวกัน โดยจะเกิดจากสาเหตุอื่นๆ
  • มีงานวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุที่ได้รับวิตามิน B เสริม มีอัตราการเกิดสมองฝ่อน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับวิตามิน B เสริม ดังนั้นการได้รับวิตามิน B เสริมจึงอาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการชะลอภาวะสมองฝ่อได้
  • วิธีที่จะช่วยป้องกันหรือชะลอภาวะสมองฝ่อให้เกิดช้าลงหรือลดความรุนแรงลงได้ เช่น การทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด เช่น การเล่นหมากรุก การคิดเลข ปัญหาเชาว์ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

สมองฝ่อคืออะไร

ภาวะสมองฝ่อ (Cerebral atrophy หรือ Brain atrophy) หมายถึง ภาวะสูญเสียเซลล์สมองและการเชื่อมกันของเซลล์สมอง อาจเกิดทั่วทุกบริเวณของสมองหรือแค่เฉพาะบางส่วนก็ได้ แม้โดยทั่วไปภาวะสมองฝ่ออาจเกิดจากความเสื่อมตามอายุ แต่ในทางการแพทย์ ภาวะสมองฝ่อมักหมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่มากกว่าการเปลี่ยนแปลงที่ควรจะเป็นตามอายุ

สมองฝ่อแตกต่างจากสมองเสื่อมอย่างไร

ภาวะสมองฝ่อ (Cerebral atrophy) และสมองเสื่อม (Dementia) มีความสัมพันธ์กันอย่างมาก โดยภาวะสมองเสื่อมทำให้เกิดการตายของเซลล์สมอง และทำให้เกิดภาวะสมองฝ่อได้ ภาวะสมองเสื่อมทำให้มีความผิดปกติในหลายด้านนอกจากระบบประสาทและสมอง โดยจะมีผลทั้งด้านความคิด ความจำ การเคลื่อนไหว พฤติกรรม อารมณ์ ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้

อาการของภาวะสมองฝ่อ   

อาการของภาวะสมองฝ่อมีได้หลายอาการและความรุนแรง ขึ้นอยู่กับบริเวณที่มีการสูญเสียเซลล์สมอง เช่น

  • สมองเสื่อม คือ มีการสูญเสียความทรงจำ คิดได้ช้า ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่สามารถคิด วางแผน และจัดการอย่างเป็นระบบ มีปัญหาด้านการพูด การเคลื่อนไหว อารมณ์ ซึ่งส่งผลต่อการดำรงชีวิตประจำวัน
  • อาการชัก อาจมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง การกลอกตาผิดปกติ กล้ามเนื้อเกร็งกระตุก อาการชัก การสูญเสียความรู้สึกตัว
  • ความผิดปกติด้านการพูด เช่น การพูดลำบาก พูดคำซ้ำๆ เลือกใช้คำไม่ถูกต้องกับสถานการณ์ พูดไม่ปะติดปะต่อ พูดประโยคที่ไม่สัมพันธ์กัน หรือไม่สัมพันธ์กับเหตุการณ์ พูดไม่จบประโยค หรือสูญเสียความเข้าใจด้านภาษา

ภาวะสมองฝ่อพบได้ในวัยใด

แม้ภาวะสมองฝ่อจะเป็นความเปลี่ยนแปลงตามปกติของอายุ ทำให้พบได้มากในผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้ ทำให้พบในช่วงอายุอื่นได้เช่นเดียวกัน

ใครที่มีความเสี่ยงต่อภาวะสมองฝ่อ

  • ผู้ที่มีอายุมาก
  • มีประวัติโรคทางพันธุกรรมในครอบครัว เช่น Huntington’s disease
  • มีประวัติโรคทางระบบประสาทในครอบครัว เช่น โรคอัลไซเมอร์
  • ผู้มีการบาดเจ็บของศีรษะและสมอง
  • มีประวัติดื่มสุรามาก
  • ผู้ที่สูบบุหรี่

สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะสมองฝ่อ

เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • ความเสื่อมตามอายุ อาการจะค่อยเป็นค่อยไปเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น
  • การบาดเจ็บทางสมอง ทั้งภาวะสมองขาดเลือด เช่น หลอดเลือดสมองตีบ แตก ตัน การบาดเจ็บโดยตรงต่อสมอง ทำให้เซลล์สมองขาดเลือดและตายในที่สุด
  • โรคและความเจ็บป่วยอื่นๆ เช่น อัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมชนิดต่างๆ ความผิดปกติของการเจริญเติบโตทางสมองแต่กำเนิด โรคทางกรรมพันธุ์ เช่น Huntington’s disease หรือ Leukodystrophies และโรคทางภูมิคุ้มกัน เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis)
  • การติดเชื้อ เช่น โรคเอดส์ โรคไข้สมองอักเสบ และโรคซิฟิลิสระบบประสาท
  • การมีสารบางชนิด เช่น สารโฮโมซิสเทอีน (Homocysteine) มากเกินไป

การวินิจฉัยภาวะสมองฝ่อ

แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และส่งตรวจตามภาวะที่สงสัย เช่น การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (Computerized tomography – CT) การตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic resonance imaging - MRI) หรือตรวจเลือดเพื่อหาสารเคมีบางอย่างก่อนการเกิดภาวะสมองเสื่อม ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้

การป้องกันภาวะสมองฝ่อ

มีหลายวิธีที่จะช่วยป้องกัน หรือชะลอภาวะสมองฝ่อให้เกิดช้าลงหรือลดความรุนแรงลงได้ เช่น

  • การทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด เช่น การเล่นหมากรุก การคิดเลข ปัญหาเชาว์
  • ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
  • งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • หากมีอาการที่สงสัย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายหรือตรวจเพิ่มเติม

กิจกรรมที่ช่วยป้องกันและชะลอภาวะสมองฝ่อ เช่น

  • ฝึกความจำ การคิดทบทวนเรื่องต่างๆ เช่น การเขียนไดอารี่ชีวิตประจำวัน การร้องเพลงโดยไม่ดูเนื้อเพลง การสวดมนต์โดยไม่อ่านจากหนังสือ
    ฝึกการคิดคำนวณ โดยใช้สมองคิดเองมากขึ้น คิดในใจ นับนิ้ว ใช้กระดาษทด ลดการใช้เครื่องคิดเลข
  • ฝึกการใช้ภาษา โดยการเข้าสังคม พูดคุยกับผู้อื่น หรือการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ
  • ฝึกความคิดสร้างสรรค์ เช่น การวาดภาพจากจินตนาการ การจัดดอกไม้ การแต่งกลอน ทำอาหารเมนูใหม่ๆ ทำสิ่งที่ไม่เคยทำ เป็นต้น
  • ฝึกการวางแผนและแก้ปัญหา อาจฝึกจากสถานการณ์จริง เช่น การวางแผนจ่ายตลาด หรือสถานการณ์สมมติ เพื่อให้แก้ไขสถานการณ์ที่เหมาะสมได้ เป็นต้น
  • ฝึกการใช้งานสมองทั้งสองซีก เคลื่อนไหวร่างกายทั้งสองข้างให้ประสานกัน เช่น การเต้นลีลาศ รำมวยจีน ทำงานประดิษฐ์ เล่นดนตรี เป็นต้น

วิตามิน B  ช่วยชะลอภาวะสมองฝ่อได้จริงหรือไม่ 

สาเหตุของภาวะสมองฝ่อมีหลายสาเหตุ สาเหตุหนึ่งคือการมีสารโฮโมซิสเทอีน (Homocysteine) ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการย่อยสลายโปรตีนชนิดหนึ่งมากเกินไป โดยปกติร่างกายจะพยายามกำจัดสารโฮโมซิสเทอีนให้กลายเป็นสารซิสทีนซึ่งไม่เป็นอันตรายแก่ร่างกายแทน แต่อาจมีบางปัจจัยที่ทำให้การกำจัดสารโฮโมซิสเทอีนผิดปกติไป ส่งผลให้มีสารนี้ในปริมาณมาก เช่น

  • พันธุกรรมที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องของเอนไซม์ ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนสารโฮโมซิสเทอีนให้กลายเป็นสารซิสทีนได้
  • การขาดวิตามิน เช่น วิตามิน B และกรดโฟลิก
  • การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนบางชนิดมากเกินไป
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

มีงานวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุที่ได้รับวิตามิน B เสริมมีอัตราการเกิดสมองฝ่อน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้รับวิตามิน B เสริม ดังนั้นการได้รับวิตามิน B เสริมจึงอาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการชะลอภาวะสมองฝ่อได้

การรักษาภาวะสมองฝ่อ

หากภาวะสมองฝ่อเกิดจากสาเหตุที่รักษาได้ เช่น จากโรคต่างๆ การรักษาตัวโรคสามารถทำให้อาการของสมองฝ่อดีขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม อาการอาจไม่หายขาด ซึ่งปัจจุบันมียาที่ใช้รักษาภาวะสมองฝ่อ และสมองเสื่อม ที่มีการรับรองว่าได้ผล โดยเฉพาะถ้าได้รับการรักษาเร็ว

ที่สำคัญคือการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และการทำกิจกรรมที่ใช้ความคิด สามารถช่วยชะลออาการของภาวะสมองฝ่อได้

บทความโดย : ผศ.นพ. พินิจ ลิ้มสุคนธ์ อายุรแพทย์สาขาประสาทวิทยา รพ. สมิติเวช สุขุมวิท

คุณกำลังดู: ภาวะสมองฝ่อในผู้สูงอายุ (Cerebral atrophy)

หมวดหมู่: สุขภาพ

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด