‘พิ้งกี้’ แจงปมปลดกำไล EM ยันแม่ไม่เล่นการพนัน เดินหน้าลุยงาน ลั่น ‘เราคือนักสู้คน...

'พิ้งกี้' แจงปมปลดกำไล EM ยันแม่ไม่เล่นการพนัน เดินหน้าลุยงาน ลั่น 'เราคือนักสู้คนหนึ่ง' หลังจากที่ นางเอกสาว พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช ได้ขอปลดกำไลอีเอ็มเพื่อทำงานในวงการบันเทิงต่อ ล่าสุดเช้าวันนี้ (2 ก...

‘พิ้งกี้’ แจงปมปลดกำไล EM ยันแม่ไม่เล่นการพนัน เดินหน้าลุยงาน ลั่น ‘เราคือนักสู้คน...

‘พิ้งกี้’ แจงปมปลดกำไล EM ยันแม่ไม่เล่นการพนัน เดินหน้าลุยงาน ลั่น ‘เราคือนักสู้คนหนึ่ง’

หลังจากที่ นางเอกสาว พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช ได้ขอปลดกำไลอีเอ็มเพื่อทำงานในวงการบันเทิงต่อ ล่าสุดเช้าวันนี้ (2 กุมภาพันธ์) เจ้าตัวก็ได้เดินทางมาร่วมพิธีบวงสรวงภาพยนตร์เรื่อง กุมาร ที่ ศิวาลัยสถาน สวนลุมไนท์บาร์ซา โดย พิ้งกี้ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนพร้อมด้วย ปิ๊ก ทรงพล อันนานนท์ ทนายความ และ หน่อย ณฐพร สิริภัคชรัสมิ์ ผู้สร้างภาพยนตร์

วันนี้เป็นยังไงบ้าง ?
พิ้งกี้ : “ไม่ตื่นเต้นมากค่ะ เรียกได้ว่าปรับตัวมาสักระยะนึงแล้วค่ะ ก็ชินอยู่”

บรรยากาศยังเหมือนเดิมไหม ?
พิ้งกี้ : “เหมือนเดิมค่ะ (ยิ้ม) ทุกคน (สื่อมวลชน) ยังเหมือนเดิม น่ารักค่ะ”

ไฟในการทำงานกลับมาแล้วใช่ไหม ?
หน่อย : “จริงๆ น้องเป็นคนมีไฟมาก ตอนก้าวเท้าเข้าบ้านอยากทำงานแล้ว เป็นคนที่อยากทำงานตลอดเวลา เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นค่ะ”

สภาพจิตใจตอนนี้เต็มร้อยไหม ?
พิ้งกี้ : “ตอนนี้เหรอคะ เขาเรียกว่าไปปฏิบัติธรรมมา มุมมองของพี่หน่อยคิดว่าเราไปปฏิบัติธรรม กี้ไม่ได้คิดว่าปฏิบัติธรรมเพราะตัวกี้เองก็คือตัวกี้เองแหละ เรียกว่าเป็นวัฏสงสารไปเรียนรู้ชีวิต แล้วก็ได้ไปพบเจออะไรบางอย่างในประสบการณ์สุดโต่งค่ะ คิดว่าแบบนั้น”

สิ่งที่เราไปเจอ เราได้เรียนรู้อะไรจากตรงนั้นบ้าง ?
พิ้งกี้ : “เดี๋ยวเล่ายาวเลย มีโอกาสจะเล่าให้ฟังค่ะ”

หลังจากนี้กี้วางแผนในการใช้ชีวิตหรือการทำงานยังไงบ้าง ?
พิ้งกี้ : “จริงๆ วันนี้ถือว่าเป็นการรวม เราไม่ได้ออกสื่อเลยนานมากแล้วนะคะ ตั้งแต่เราถ่ายละครยังไม่ได้มีการมานัดเจอสื่อแล้วได้มาพูดคุยกันตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็นานมากแล้ว ถือว่าวันนี้ก็พูดทีเดียวเลยแล้วกัน พูดให้หมด”

ทนายปิ๊ก-พิ้งกี้-หน่อย

มีความกังวลใจอะไรไหมกลับมาทำงาน ?
พิ้งกี้ : “ไม่ค่ะ ไม่ได้กดดัน เพราะว่าเราก็คือคนทำงานแหละ แล้วก็ตราบใดที่เราศรัทธาและเชื่อมั่นในสิ่งที่เราเป็น กี้เชื่อว่าความจริงมันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่แล้ว ก็ต้องบอกว่าเราคือคนที่เป็นอย่างนี้ค่ะ ทำงานมาตลอด จะพูดว่าเราไม่ใช่คนที่เบียดเบียนใครเพราะฉะนั้นบางทีชะตากรรมมันก็พัดพาสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในชีวิตเราใช่ปะ แต่ว่ามันอยู่มุมมองของการตั้งรับว่าเราจะตั้งรับและมองมัน แล้วก็หาเหลี่ยมของมันว่าเราจะมองมันยังไงให้เป็น ซึ่งวันนี้ก็ถือว่าชีวิตเราก็เหมือนละครเรื่องหนึ่ง”

เราตั้งรับกันมันได้ขนาดไหน ?
พิ้งกี้ : “ตั้งรับยังไง เหมือนทุกคนแหละเจอปัญหาแล้วเราก็ไม่คิดว่าชะตามันจะตกแต่งสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นให้กับเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจริงๆ แล้ว พี่ปิ๊กก็คือคนที่เป็นทนายให้เรา เพราะว่าจริงๆ แล้วตามกฎหมายแล้วพี่ปิ๊กจะพูดได้มากที่สุดค่ะ”

ช่วงที่ผ่านมาทำอะไรบ้าง ?
หน่อย : “เข้าป่า แต่ไม่ได้ไปไกลค่ะ ไปนครนายก จริงๆ เขาฝึกสมาธิอยู่กับตัวเองในแต่ละวันที่เขาอยู่ เราเจอเขาบ้างตั้งแต่เขากลับบ้านมา จริงๆ เขาแทบไม่ได้คุยกับใครเลย คนที่เขาคุยด้วยทุกวันคือทนายค่ะ กับเรา เขายังแทบไม่คุยเลย เราจะคุยกับเขาได้ก็คือผ่านน้องจี้ คุยเรื่องบท มีเจอกันบ้าง ก็ไปหาเขา ถามว่าทำอะไร เขาก็บอกว่านั่งสมาธิ ละหมาดของทางศาสนาเขาด้วย”

พิ้งกี้ : “อย่างที่ทุกคนทราบ เวลาเราเจอปัญหาหนักๆ เราต้องศรัทธาตัวเองก่อน และรักตัวเองให้มากที่สุด มันเป็นความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว เราก็สู้ตามกระบวนการกฎหมายตามที่มันเป็น กฎหมายว่ายังไงเราก็สู้ตามนั้น ก็ฝากชีวิตไว้ที่พี่ปิ๊ก เพราะพี่ปิ๊กช่วยคอยดูแลทั้งหมด เพราะพี่ปิ๊กเป็นทนายที่ให้ความช่วยเหลือได้ดีมาก”

ยังกังวลใจในกระบวนการที่ต้องดำเนินต่อไปยังไง ?
พิ้งกี้ : “พาร์ตการถูกกล่าวหา เราก็ถูกกล่าวหา แล้วเราก็สู้ตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อเราได้ถูกกล่าวหาเราก็ต้องสู้ แล้วเราก็รอความจริงกับสิ่งที่เป็นความยุติธรรม เราเชื่อว่ามันจะรอเราอยู่ปลายอุโมงค์ เราคิดว่ามันรออยู่ตรงนั้น เพราะฉะนั้นทุกคนไม่ต้องแพนิกไม่ต้องตกใจ วันหนึ่งเดี๋ยวมันจะพิสูจน์เอง”

มั่นใจในเรื่องคดีเต็มร้อย ?
พิ้งกี้ : “มั่นใจค่ะ เราเชื่อในความเป็นตัวเองของตัวเอง แล้วศรัทธาในตัวเอง”

พิ้งกี้ฝากชีวิตไว้ที่พี่ที่ทนาย ?
ทนายปิ๊ก : “มันเป็นเรื่องของคดีอาญา มันเป็นเรื่องของเสรีภาพอยู่แล้ว ฝากชีวิตก็หมายความว่าเป็นเรื่องของเสรีภาพ เป็นเรื่องของกระบวนการทางศาล ศาลได้มีการนัดสืบพยาน ที่เหลือรอขั้นตอนกระบวนการพิสูจน์ในทางศาล คดีจะเริ่มพิจารณาปลายเดือนสิงหาคม ปี66 ศาลชั้นต้น แล้วจะจบเดือนกุมภาพันธ์ ปี 67 หลังจากนั้นอีกประมาณ 2-3 เดือน คงจะมีคำพิพากษาออกมา ส่วนจะมีอุทธรณ์ ฎีกาหรือเปล่า ก็คงต้องดูกันอีกที ในระหว่างนี้พิ้งกี้ก็สามารถทำงานได้ปกติ”

ถามถึงคุณแม่พิ้งกี้ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
ทนายปิ๊ก : “ในส่วนของคุณแม่ ทางเราก็รวบรวมพยานหลักฐานข้อมูลเพื่อที่จะเสนอต่อศาลเพื่อขอให้ปล่อยชั่วคราว คุณแม่ก็ไม่ได้เครียดอะไรครับ ก็เหมือนคนทั่วไปถ้าไปอยู่ในสภาวะแบบนั้นมันไม่ใช่สภาวะปกติก็คงมีบ้าง แต่ในเรื่องความเครียดก็คงไม่เท่าไหร่”

พิ้งกี้ : “กำลังใจคุณแม่ดีมากค่ะ ส่งพลังไปให้แม่ เพราะตัวเราต้องเดินหน้าทำงานต่อ คุณแม่ก็เซนซิทีฟโมเมนต์ของคนแก่ ส่วนเราเป็นนักสู้มากกว่า ก็จะสู้ต่อไปค่ะ ขอบคุณมากค่ะกับทุกกำลังใจ คนรอบข้างก็จะบอกเรา ต้องบอกว่าพอเรามาตรงนี้ เราเสพอะไรเยอะมากไม่ได้ มันไม่สามารถตามโซเชียลได้เลย เขาไปถึงไหนกันแล้ว ก็อาจจะดีเลย์นิดนึง ถ้าเกิดพูดช้าก็จะบอกว่าเราช้ากว่าเดิม”

มันหนักขนาดไหนกับสิ่งที่เราเผชิญ ?
พิ้งกี้ : “กี้ว่าคนที่เขาประสบความรู้สึกคล้ายๆ เราที่เขาไม่ได้ออกมาเล่าให้ฟังก็น่าจะเยอะ น่าจะมีหลายร้อยเรื่องที่มีชีวิตแบบนี้แล้วเอามาพูดไม่ได้เล่าไม่ได้ อยากให้มองว่าชีวิตเราก็คือนักสู้คนหนึ่ง อยากให้ดูละครตอนจบว่ามันจะเป็นยังไง”

ให้กำลังใจตัวเองยังไงที่ผ่านมา?
พิ้งกี้ : “ก็ช้าๆ ค่อยๆ เป็นค่อยไป ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ มุมมองของเราเท่านั้นแหละที่จะช่วยเราให้เราตั้งรับกับเรื่องต่างๆ”

มีคนให้กำลังใจก็ย่อมมีคนวิจารณ์เป็นเรื่องปกติ เรารับมือตรงนี้ยังไง?
พิ้งกี้ : “ห้ามไม่ได้หรอกค่ะ มันเป็นธรรมชาติ ธรรมดา ไปห้ามให้เขาผายลมไม่ได้อะ มันเหมือนเราห้ามไม่ให้คนเรอไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่เขาระบายออกมา เราก็เคารพในมุมมองของแต่ละคน มันเป็นธรรมชาติค่ะ”

จะกลับมารับงานในวงการเต็มที่แล้วใช่ไหม มีงานติดต่อมาเยอะหรือยัง?
พิ้งกี้ : “จริงๆ คนนี้เขาไม่ใช่ผู้จัดการนะ แต่เขาจะคุยกับน้องที่ดูแลมากกว่าเราอีก เพราะฉะนั้นเขาจะรู้”

หน่อย : “จริงๆ ก็มีเยอะค่ะ แต่ต้องปรึกษาคุณปิ๊กก่อนว่างานไหนเรารับได้มากน้อยขนาดไหน จริงๆ น้องยังอยู่ในความดูแลอยู่ค่ะ ตอนนี้ก็น่าจะประมาณ 15 งานแล้วค่ะ”

พิ้งกี้ : “หมายถึงงานเดินสายไปตามแต่ละจังหวัดค่ะ ไปไหว้ญาติ ไหว้ผู้ใหญ่ ส่วนงานที่เป็นผลงานเลยตอนนี้มีภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เป็นเรื่องหลักค่ะ แล้วกี้บอกกับพี่หน่อย บอกกับมาดามว่า ตอนนี้ในหัวเรา เราอยากมาช่วยเบื้องหลังเขา และเรารู้สึกว่าเรื่อง กุมาร อาจจะเป็นหนังที่อาจจะได้ไปอยู่เบื้องหลังด้วย และได้อยู่เบื้องหน้าด้วยค่ะ”

ก่อนหน้านี้ด้านธุรกิจก็กำลังสนุกสนาน จะมีโอกาสกลับมาทำอีกไหม ?
พิ้งกี้ : “ไลฟ์สดเหรอ ก็ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปค่ะ ลูกค้าหรือแม้กระทั่งพรีเซนเตอร์ที่เขารัก เขาก็ยังเอ็นดูเราอยู่ ก็ขอบคุณมากๆ นะคะ ยังเหนียวแน่นและยังเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ค่ะ ก็ขอบคุณมากๆ เลย”

ตัวคดียังไม่สิ้นสุด มีผลต่อการรับงานยังไงบ้าง ?
ทนายปิ๊ก : “จริงๆ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีข้อจำกัดในการรับงานอะไร แต่อย่างที่พิ้งกี้บอก เราก็คุยกันเป็นระยะ อาจจะเพื่อความมั่นใจ ความสบายใจ ก็ปรึกษามา แต่ถามว่าเป็นอุปสรรคไหม แม้แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร เพราะศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาหรือตัดสิน ถ้าตามหลักกฎหมายสากลคือยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่แล้ว ส่วนในเรื่องที่จะไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ก็เป็นเรื่องกระบวนการในศาล เป็นเรื่องหลักฐานกันต่อไปครับ”

ในคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก ?
ทนายปิ๊ก : “จริงๆ คงมีผู้เสียหาย และส่วนของคุณพิ้งกี้เองก็เป็นผู้ต้องหาและเป็นจำเลยที่ถูกฟ้อง แต่ทีนี้ก็อยากจะให้รอดูข้อเท็จจริง คือตรงนี้ถ้าเราจะพูดไปก่อนมันก็คงจะไม่เหมาะ หรือคงจะไปสะเทือนในเรื่องของการพิจารณาคดีของศาล ก็อยากให้ใช้วิจารณญาณในการรับฟัง หรือพิจารณาดูนิดนึงว่ามีความเกี่ยวข้องแค่ไหน ยังไง”

ถามถึงเรื่องบ้านที่ก่อนหน้านี้มีการประกาศขายไปแล้ว ตอนนี้เราอยู่ยังไง?
พิ้งกี้ : “ขายไปนานมากแล้วค่ะ หลายข่าวเลยเนอะ (ยิ้ม) อะ ขอเคลียร์เลย คุณแม่ เรื่องการพนัน คุณแม่ไม่ได้เล่น ไม่มีการเล่นการพนันใดๆ บ้านก็คือขายไปนานมากแล้ว และบ้านนั้นก็คือบ้านที่เราซื้อให้คุณพ่อคุณแม่ ขายไปนานมาก จำระยะเวลาของไทม์ไลน์ไม่ได้ อยู่กับปัจจุบันค่ะ”

ทนายปิ๊ก : “ล่าสุด 2-3 วันมานี้มีข่าวเรื่องของการถอดกำไล EM ก็อย่างที่บอกว่าบางทีข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อน ก็ขอความกรุณาศาล เพราะเราติดเรื่องของการจะมาถ่ายทำภาพยนตร์ แต่ว่าข้อมูลทางสื่อบางท่านอาจจะได้ไปคลาดเคลื่อนหรือไม่ครบถ้วนเดี๋ยวพอเสร็จแล้วก็กลับไป”

พิ้งกี้ : “ปกติค่ะปกติ (ยิ้ม)”

คือถอดเฉพาะเวลาที่ถ่ายงาน ?
พิ้งกี้ : “แล้วเดี๋ยวกลับไปใหม่ค่ะ ไม่ต้องกังวลนะ (ยิ้ม)”

คำว่าชั่วคราวมีระยะเวลาเท่าไหร่?
ทนายปิ๊ก : “จริงๆ แล้วก็คือขอศาลไว้จนกว่าจะเสร็จสิ้นภาระกิจครับ เพราะว่าโดยลักษณะตามกฎหรือตามอะไรต่างๆ มันไม่สามารถให้ปรากฏตัวกำไลได้”

เท่ากับว่าถ้าปิดกล้องก็ต้องกลับไป?
หน่อย : “ใช่ๆ จนกว่าจะถ่ายทำภาพยนตร์กุมารเสร็จค่ะ”

ใช้ระยะเวลาในการถ่ายทำเท่าไหร่?
หน่อย : “น่าจะประมาณเกือบ 6 เดือนได้ค่ะ”

ซึ่งกรณีแบบนี้ไม่ใช่เฉพาะแค่พิ้งกี้ใช่ไหม คนอื่นก็มีสิทธิ์?
ทนายปิ๊ก : “ตรงนี้อยู่ที่เหตุผลความจำเป็นของแต่ละกรณีและสุดท้ายก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล”

คุณกำลังดู: ‘พิ้งกี้’ แจงปมปลดกำไล EM ยันแม่ไม่เล่นการพนัน เดินหน้าลุยงาน ลั่น ‘เราคือนักสู้คน...

หมวดหมู่: ความบันเทิง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด