ปวดท้องแบบไหน ถึงเป็น “กระเพาะอาหารอักเสบ”
กระเพาะอาหารอักเสบ มีอาการเฉพาะที่ไม่เหมือนกับอาการปวดท้องทั่วไป
ปวดท้องทีไร เอะอะๆ ก็คิดว่าน่าจะมาจากโรคกระเพาะอาหารอักเสบกันหมด ไปหายาเคลือบกระเพาะอาหารมาทานกันใหญ่ ทั้งที่จริงแล้วบางคนยังไม่เคยไปตรวจกับหมอเลยด้วยซ้ำว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบจริงหรือเปล่า
อาการปวดท้องของโรคกระเพาะอาหารมีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนอาการปวดท้องของโรคอื่นๆ จะมีอะไรบ้าง Sanook! Health มาบอกให้เพื่อนๆ ได้รู้เอาไว้ ปวดท้องคราวหน้าจะได้ไม่ทึกทักเอาเองว่าเป็นโรคกระเพาะเนอะ
โรคกระเพาะอาหารอักเสบ เกิดจากอะไร?
การเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
-
สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีน ไม่ว่าจะเป็น ชา
กาแฟ โคลา หรือเครื่องดื่มชูกำลัง
ซึ่งเครื่องดื่มเหล่านี้มักจะไปกระตุ้นอาการของโรคกระเพาะอักสับให้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
โดยจะมีการเข้าไปทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อเมือกกระเพาะอาหารและกระตุ้นให้เซลล์เยื่อเมือกสร้างกรดเพิ่มขึ้น
- กระเพาะอาหารติดเชื้อแบคทีเรีย เอช
ไพโลไร
- การกินยาต้านการอักเสบ หรือยาแก้อักเสบ
หรือยาแก้ปวดในกลุ่มเอนเสดส์ ซึ่งเป็นการกินยาอย่างต่อเนื่อง อาทิ
ยาแอสไพริน หรือยาในกลุ่มสเตียรอยด์
โดยยาในกลุ่มดังกล่าวจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อเมือกบุภายในกระเพาะอาหาร
ทำให้เกิดการอักเสบ และก่อให้เกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้
- ติดเชื้อไว้รัสบางชนิด
- ติดเชื้อราบางชนิด
ซึ่งมักจะพบได้ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่อง เช่น
ผู้ป่วยที่มีเชื้อเอชไอวี หรือเป็นโรคเอดส์
- เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง
หรือภูมิต้านทานในตัวเองบกพร่อง
-
เป็นโรคที่เกิดจาการที่น้ำของตับไหลท้นเข้าสู่กระเพาะอาหาร
ซึ่งตามปกติจะอยู่ในเฉพาะในลำไส้เล็กเท่านั้น
โดยน้ำดีจะก่อให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบของเซลล์เยื่อเมือกบุกระเพาะอาหาร
- เกิดความเครียด
เพราะเมื่อไหร่ที่มีอาการเครียด
ก็จะเป็นการกระตุ้นให้เซลล์กระเพาะอาหารหลั่งกรดเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งตัวกรดเองจะทำให้เกิดการระคายเคืองและทำให้เกิดการอักเสบต่อเยื่อเมือกบุกกระเพาะอาหาร
- ดื่มกรด หรือด่าง
โดยที่ทั้งกรดและด่างนั้นต่างก็ก่อให้เกิดการระคายเคืองและเกิดการอักเสบของเซลล์เยื่อเมือกบุกระเพาะอาหารอย่างรุนแรง
- เกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลให้เกิดความเครียดสูง ส่งผลกระทบทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากฉับพลัน เช่น อุบัติเหตุต่อสมอง หรือหลังการผ่าตัดใหญ่ เช่น การผ่าตัดสมอง หรือช่องท้อง ทำให้กระเพาะอาหารเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง หรืออาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
โรคกระเพาะอาหารอักเสบรุนแรงหรือไม่?
โดยปกติแล้ว โรคกระเพาะอาหารอักเสบ เป็นโรคที่ไม่รุนแรง สามารถรักษาให้หายได้เสมอ โดยการใช้ยาและการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต แต่หากเกิดผลข้างเคียงจากการเป็นโรคแล้ว ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตได้จากการที่มีเลือดออกไม่หยุดในบริเวณที่มีอาการอักเสบ และเมื่อเกิดการอักเสบเรื้อรัง ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารและโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในกระเพาะอาหารได้
โรคกระเพาะอักเสบ มีผลข้างเคียงอย่างไร?
เมื่ออาการของโรคกระเพาะอาหารอักเสบมีความรุนแรงมากขึ้น อาจทำให้มีเลือดออกจากเยื่อเมือกกระเพาะอาหาร ส่งผลข้างเคียงให้เกิดการอาเจียนเป็นเลือด หรือทำให้อุจจาระมีสีดำเหมือนยางมะตอย หากทำการรักษา แต่ยังทำการควบคุมสาเหตุการเกิดไม่ได้ ทำให้มีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง อย่างแรก ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร (โรคแผลเปบติด) มีภาวะซีด และเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในกระเพาะอาหาร หรือโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้
- บริเวณที่ปวด
หากเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ จะปวดท้องบริเวณกลางท้อง เหนือสะดือ หรือบริเวณลิ้นปี่
- ลักษณะที่ปวด
ปวดแบบจุก เสียด แน่น โดยจะปวดมากแบบกะทันหัน หรือปวดๆ หายๆ แบบเรื้อรังก็ได้
- ระยะเวลาที่ปวด
หากเป็นอาการปวดท้องแบบเรื้อรัง จะมีอาการปวดๆ หายๆ อยู่นานร่วมเดือน โดยระดับความเจ็บปวดจะอยู่ในระดับที่พอทนไหว และมักจะเกี่ยวข้องกับมื้ออาหาร คือปวดท้องเมื่อหิว หรือเมื่ออิ่ม และเมื่อรับประทานยาลดกรนก็จะมีอาการดีขึ้น
- อาการอื่นๆ นอกจากปวดท้อง
หากเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสยที่รุนแรงขึ้น อาจไม่ได้มีเพียงอาการปวดท้องอย่างเดียว อาจรวมไปถึงอาการคลื่นไส้ อาเจียน โดยอาจอาเจียนออกมาพร้อมน้ำย่อย หรืออาเจียนเป็นเลือด นอกจากนี้ยังอาจอุจจาระเป็นสีดำ ซึ่งเป็นผลมาจากกระเพาะอาหารอักเสบจากการมีแผล และมีกรดเกิน แสบร้อนกลางอกจากอาการกรดไหลย้อน หรือแม้กระทั่งอาการไอ เพราะมีอาการอักเสบขึ้นมาถึงคอ
- กระเพาะอาหารอักเสบจากสาเหตุอื่นๆ
นอกจากเรื่องของการทานอาหารไม่เป็นเวลาอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจกันแล้ว โรคกระเพาะอาหารอักเสบยังอาจมีสาเหตุมาจากการบีบตัวของกระเพาะอาหาร และลำไส้ไม่ประสานกัน หรือสภาพกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป แต่ไม่ได้ทำให้เป็นแผล เป็นต้น
สิ่งที่เราควรทำเมื่อเรามีอาการปวดท้องเป็นๆ หายๆ แรมเดือน คือเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะการซื้อยาทานอาจเป็นการรักษาที่ไม่ตรงจุด และอาจมีความผิดปกติในร่างกายที่เราอาจไม่ทราบมาก่อนก็เป็นได้ ก่อนที่จะมีอาการหนัก
นอกจากนี้หากอยากเลี่ยงโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ควรทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ ทานอาหารให้ตรงเวลา ลดการทานอาหารรสจัด เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน และอย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอ เท่านั้นก็ช่วยลดอาการผิดปกติของกระเพาะอาหารได้มากแล้วล่ะค่ะ
คุณกำลังดู: ปวดท้องแบบไหน ถึงเป็น “กระเพาะอาหารอักเสบ”
หมวดหมู่: รู้ทันโรค