โรคน้ำกัดเท้า-โรคน้ำกัดเล็บ คืออะไร มีอาการอย่างไร รักษาได้ไหม

โรคที่พบบ่อยทุกครั้งที่น้ำท่วม คงหนีไม่พ้น "โรคน้ำกัดเท้า" และ "โรคน้ำกัดเล็บ" จึงควรทราบวิธีลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเหล่านี้ เพื่อเป็นเคล็ดลับในการป้องกันเมื่อมือและเท้าต้องสัมผัสน้ำ เป็นระยะเวลายาวนาน

โรคน้ำกัดเท้า-โรคน้ำกัดเล็บ คืออะไร มีอาการอย่างไร รักษาได้ไหม

โรคที่พบบ่อยทุกครั้งที่น้ำท่วม คงหนีไม่พ้น "โรคน้ำกัดเท้า" และ "โรคน้ำกัดเล็บ" จึงควรทราบวิธีลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเหล่านี้ เพื่อเป็นเคล็ดลับในการป้องกันเมื่อมือและเท้าต้องสัมผัสน้ำ เป็นระยะเวลายาวนาน

โรคน้ำกัดเท้า คือโรคอะไร

รศ.พญ.จรัสศรี ฬียาพรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยและภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า โรคน้ำกัดเท้า หรือฮ่องกงฟุต คือโรคที่เกิดจากความอับชื้นจากการสัมผัสน้ำ ทำให้มีการอักเสบที่ผิวหนัง มักพบลักษณะการเปื่อยยุ่ยที่ง่ามนิ้วเท้า หากต้องสัมผัสน้ำเป็นระยะเวลายาวนาน ผิวหนังที่เท้าจะมีการอักเสบแดง ลอกและคัน ผู้ป่วยบางรายมีการติดเชื้อราที่เท้าหรือง่ามนิ้วเท้าร่วมด้วย ซึ่งเชื้อราที่พบบ่อยว่าเป็นสาเหตุ คือเชื้อกลากและเชื้อยีสต์แคนดิดา

อาการของโรคน้ำกัดเท้า

ผู้ป่วยจะคันตามซอกนิ้วเท้าและผิวหนังเท้าลอกออกเป็นขุยๆ ถ้าติดเชื้อราจะมีลักษณะผื่นเป็นวงหรือหนาตัวขึ้นที่เท้า บางครั้งอาจมีอาการรุนแรง ผิวหนังที่เท้าเกิดพุพองเป็นตุ่มน้ำหรือตุ่มหนองได้ บริเวณที่พบบ่อยจะเกิดตรงซอกนิ้ว แต่ก็สามารถเกิดที่ฝ่าเท้าได้เช่นกัน

ผู้ป่วยที่ติดเชื้อราที่เท้าครึ่งหนึ่งมักติดเชื้อราที่เล็บเท้าร่วมด้วย ซึ่งจะมีลักษณะเป็นเล็บที่หนาตัวขึ้นหรือมีสีเล็บที่เปลี่ยนไป นอกจากนั้นผิวหนังอักเสบที่เปื่อยยุ่ยที่ซอกนิ้วเท้า อาจเป็นทางเข้าของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังได้ เช่น โรคไฟลามทุ่ง หรือโรคแบคทีเรียกินเนื้อ เป็นต้น 

การรักษาโรคน้ำกัดเท้า

การรักษาที่สำคัญคือการรักษาสุขอนามัยของเท้า โดยล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่และเช็ดให้แห้ง เน้นเช็ดซอกนิ้ว ร่วมกับโรยแป้ง ใส่ถุงเท้าสะอาดไม่เปียกชื้น ถ้ารองเท้าเปียกควรเปลี่ยน ไม่ควรใส่คู่เดิมที่อับชื้นทุกวัน เลี่ยงสัมผัสน้ำบ่อยหรือเป็นระยะเวลายาวนาน หากจำเป็นควรใส่รองเท้าบู๊ต และรีบเช็ดให้แห้งทันที 

การรักษาโรคเชื้อราที่เท้าส่วนใหญ่จะเป็นยาทารักษาเชื้อรา ซึ่งต้องทายานานประมาณ 4 สัปดาห์ ส่วนของยารับประทานต้านเชื้อราจะพิจารณาในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อที่เล็บหรือติดเชื้อที่ผิวหนังส่วนอื่นเป็นบริเวณกว้างร่วมด้วย 

หากติดเชื้อราร่วมด้วย ควรหลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว หรือเสื้อผ้า และเมื่อไปตามที่สาธารณะ ควรใส่รองเท้าแตะเพื่อป้องกันการแพร่หรือติดเชื้อรา ถ้าในครอบครัวมีอาการคล้ายกัน ควรพามาพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษา 

โรคน้ำกัดเล็บ คืออะไร

ส่วนโรคน้ำกัดเล็บ เป็นอีกโรคที่พบบ่อยถ้าต้องสัมผัสน้ำ เกิดจากการอักเสบของจมูกเล็บ มักพบในผู้หญิงที่ทำงานบ้าน งานที่ต้องสัมผัสน้ำ รวมถึงการล้างมือบ่อย การสัมผัสน้ำหรือสารเคมีต่างๆ ทำให้เกิดการระคายเคืองที่จมูกเล็บและเนื้อเยื่อด้านข้างเล็บ ส่งผลให้เล็บงอกผิดปกติ และอาจมีการติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย 

อาการของโรคน้ำกัดเล็บ

จมูกเล็บจะมีอาการคัน ลอก เป็นขุย บางครั้งทำให้จมูกเล็บหลุดออก มีอาการบวมแดง อักเสบ ที่จมูกเล็บ หากเป็นมากอาจทำให้เล็บที่งอกออกมาผิดปกติ มีลักษณะเป็นลอนคลื่น ล่อนหรือผิดรูป หากติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วยอาจทำให้เล็บเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวหรือมีหนองที่ใต้จมูกเล็บ หรือหากติดเชื้อราแคนดิดาอาจพบภาวะเล็บหนาหรือมีสีที่เปลี่ยนไป รวมถึงอาจมีผื่นขุยยุ่ยที่จมูกเล็บหรือซอกนิ้วมือร่วมด้วย

การรักษาโรคน้ำกัดเล็บ

การรักษาที่สำคัญ คือการรักษาสุขอนามัยของมือและเล็บ โดยล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และเช็ดให้แห้ง เน้นเช็ดตามซอกนิ้วและร่องเล็บ การตัดเล็บเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ควรตัดสั้นมากเกินไป ไม่ควรตัดจมูกเล็บและหลีกเลี่ยงการแคะแซะเล็บและจมูกเล็บ หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำที่บ่อยเกินจำเป็น หากต้องทำงานที่สัมผัสน้ำควรสวมถุงมือยางป้องกันเสมอ

หากตรวจพบการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราร่วมด้วย แพทย์จะพิจารณายาต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราตามที่ตรวจพบ โดยอาจเริ่มเป็นยาทาก่อน ในส่วนของยารับประทานต้านเชื้อราและแบคทีเรียจะพิจารณาในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อรุนแรง หรือมีการติดเชื้อราที่เล็บร่วมด้วย

คุณกำลังดู: โรคน้ำกัดเท้า-โรคน้ำกัดเล็บ คืออะไร มีอาการอย่างไร รักษาได้ไหม

หมวดหมู่: รู้ทันโรค

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด