รีวิว Hyundai PALISADE เอสยูวี 7 ที่นั่ง เบาะ Captain Seat กับสมรรถนะดีเกินคาด
Hyundai PALISADE 2025 ใหม่ รถเอสยูวี 7 ที่นั่ง กับสมรรถนะที่ดีเกินคาดไปมาก ทั้งพละกำลังเครื่องยนต์และช่วงล่าง เทียบกับราคาจำหน่ายราว 2 ล้านบาทต้น รายละเอียดจะเป็นอย่างไรติดตามกับ Sanook Auto ได้ในบทความนี้
Hyundai Palisade ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา โดยมีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย พร้อมราคาจำหน่าย ดังนี้
- รุ่น Exclusive 2WD ราคา 2,299,000 บาท
- รุ่น Prestige 4WD ราคา 2,499,000 บาท
Hyundai Palisade เป็นรถเอสยูวีพิกัด D-segment พร้อมห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง แต่การจัดวางที่นั่งจะแตกต่างจากรถเอสยูวีรุ่นอื่นๆ โดยจัดวางแบบ 2-2-3 ซึ่งเบาะนั่งแถวที่ 2 จะมีลักษณะเป็น Captain Seat เหมือนกันทั้ง 2 รุ่นย่อย
นอกจากนี้ Palisade ยังถือเป็นโมเดลระดับแฟลกชิปสูงสุดภายใต้แบรนด์ Hyundai (ขยับขึ้นจากนี้จะกลายเป็นแบรนด์ Genesis) แม้ว่าจะไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตลาด แต่ด้วยระดับราคาก็สามารถเทียบเคียงได้กับรถ PPV อย่าง Ford Everest Platinum หรือ Monocoque SUV อย่าง Mazda CX-8 (ซึ่งคู่แข่งตรงจริงๆ คือ CX-90)
แต่ถึงกระนั้น Hyundai Palisade ก็มีตัวถังขนาดใหญ่โตกว่าคู่แข่งที่กล่าวมาทั้ง 2 รุ่น จนแทบจะเทียบเคียงกับเอสยูวี 7 ที่นั่งแบรนด์ยุโรปอย่าง Audi Q7 และ Volvo XC90 ได้เลยด้วยซ้ำ
มิติตัวถัง
ความยาว: 4,995 มม.
ความกว้าง: 1,975 มม.
ความสูง: 1,750 มม.
ความยาวฐานล้อ: 2,900 มม.
แม้ว่า Palisade ที่เพิ่งเปิดตัวในบ้านเราจะถือเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ในตลาดโลก (นั่นแปลว่าโมเดลนี้ข้ามช่วงกึ่งกลางอายุตลาดมาแล้ว) แต่ก็ยังถือว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมากในแง่ของความคุ้มค่าด้านราคา เพราะแม้ว่าจะตั้งราคาเอาไว้เกือบ 2 ล้านบาทกลาง แต่ความอเนกประสงค์และอุปกรณ์มาตรฐานติดรถถือว่าหาคู่เทียบได้ยาก
ภายนอก
รูปลักษณ์ของ Palisade ถูกออกแบบเน้นความทันสมัย มีความภูมิฐาน ทั้ง 2 รุ่นย่อยติดตั้งไฟหน้าแบบ Full LED โดยชุดไฟเลี้ยวจะอยู่ด้านบน และชุดไฟหลักจะอยู่บริเวณกันชน มาพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แนวตั้งที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นไฟหรี่ได้
ด้านท้ายติดตั้งไฟท้าย Full LED แนวตั้ง พร้อมกับไฟถอยหลังที่ติดตั้งไว้บริเวณกันชนแนวเดียวกับแผงทับทิมสีแดง โดยทั้ง 2 รุ่นติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว หุ้มด้วยยาง 245/50 R20 เหมือนกันเปี๊ยบ
สิ่งเดียวที่แยกออกจากกันระหว่าง 2 รุ่นย่อย คือ สัญลักษณ์ "HTRAC" ที่บ่งบอกว่าเป็นรุ่น Prestige 4WD ที่เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั่นเอง
อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ของทั้ง 2 รุ่นย่อย ได้แก่ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวดีไซน์รูปตัว U ดูแปลกตา, กระจกหน้า Acoustic กันเสียงรบกวน, ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบ Smart และราวหลังคาสีเทา
รุ่น Prestige 4WD ถูกเพิ่มเติมด้วยหลังคาซันรูฟแบบแยก 2 ส่วน หน้าและหลัง พร้อมม่านบังแดดเลื่อนเปิด-ปิดไฟฟ้าเฉพาะด้านหลัง (ด้านหน้าเลื่อนมือ) โดยตัวกระจกจะสามารถเลื่อนเปิดได้เฉพาะบานหน้าเท่านั้น
ภายใน
ห้องโดยสารของ Hyundai Palisade ทั้ง 2 รุ่นย่อย จัดวางเบาะนั่งแบบ 2-2-3 โดยเบาะนั่งแถวที่ 2 มีลักษณะเป็นแบบ Captain Seat พร้อมที่วางแขนแบบพับได้ สามารถปรับเลื่อนและปรับเอนได้ด้วยมือ และทุกตำแหน่งที่นั่งจะถูกหุ้มด้วยวัสดุหนัง Nappa ซึ่งเป็นหนังเกรดพรีเมียมแบบเดียวกับรถยุโรป (รุ่น Exclusive 2WD เป็นหนังธรรมดา)
ส่วนเบาะนั่งคู่หน้าสามารถปรับด้วยไฟฟ้า มาพร้อมที่ดันหลังไฟฟ้าและปุ่ม Cushion Extension ฝั่งผู้ขับขี่ ซึ่งก็คือส่วนรองต้นขาที่สามารถปรับยืด-หดได้ด้วยระบบไฟฟ้านั่นเอง โดยเบาะนั่งแถวที่ 1 และ 2 (รวมเป็นทั้งหมด 4 ตัว) ยังมีระบบปรับอุ่นและเย็นเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้ง 2 รุ่นย่อย แม้ว่าเบาะอุ่นคงไม่มีโอกาสได้ใช้มากนัก แต่เบาะเย็นบอกได้เลยว่าแฮปปี้มาก ใครขี้ร้อนรับรองว่าเลิฟสุดๆ
สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 3 บอกได้เลยว่าสามารถใช้งานได้จริง แม้ว่าจะมีลักษณะนั่งชันเข่าบ้าง เนื่องจากพื้นห้องโดยสารถูกยกตัวขึ้นมาเมื่อเทียบกับพื้นที่แถว 1 และ 2 แต่ก็ถือว่านั่งสบายกว่ารถ PPV และ SUV 7 ที่นั่งทุกรุ่นที่วางขายในประเทศไทย แต่ถ้าให้ดีคนนั่งเบาะแถว 2 จะต้องขยับเลื่อนเบาะขึ้นไปข้างหน้าอีกนิด เพื่อให้มีพื้นที่วางขามากพอสำหรับคนนั่งแถว 3
โดยรวมแล้วสิ่งที่ประทับใจของ Hyundai Palisade คือ ความกว้างขวางของห้องโดยสารที่เกือบจะเทียบได้กับ Kia Carnival ซึ่งหากไม่นับเบาะนั่งแถวที่ 3 แล้วล่ะก็ เรียกได้ว่าความรู้สึกในการโดยสารแถวที่ 1 และ 2 แทบไม่ต่างจาก Carnival รุ่น SXL Luxury 7 ที่นั่งเลย
ทั้ง 2 รุ่น ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านสาย USB เท่านั้น พร้อมช่อง USB สำหรับเชื่อมต่อ 1 ตำแหน่ง และ USB-C สำหรับจ่ายไฟอีก 6 ตำแหน่ง กระจายตัวอยู่บริเวณที่นั่งทั้ง 3 แถว เพิ่มเติมด้วยช่องจ่ายไฟ 12V อีก 4 ตำแหน่ง แถมด้วย Wireless Charger บริเวณกล่องเก็บของคอนโซลกลาง
จุดขายสำคัญของ Hyundai Palisade คือ ชุดเครื่องเสียงแบรนด์ Infinity ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ของ Harman พร้อมลำโพง 12 ตัว ซึ่งคุณภาพเสียงบอกเลยว่าดีใช้ได้ ทั้งความใสของเสียง และเบสที่จัดมาหนักพอตัว
และด้วยความที่ห้องโดยสารมีขนาดค่อนข้างยาว การพูดคุยระหว่างเบาะแถว 1 และ 3 อาจจะได้ยินไม่ชัดเจนมาก ฮุนไดเลยเพิ่มฟังก์ชัน Rear Passenger Talk ที่ช่วยให้เบาะแถว 1 สามารถสื่อสารกับเบาะแถว 3 ได้ชัดเจนมากขึ้น โดยอาศัยไมโครโฟนบริเวณแถวหน้า เพื่อส่งเสียงไปยังลำโพงที่อยู่บริเวณเบาะแถว 3 ไม่ต้องตะโกนให้แสบคอแต่อย่างใด
การใช้งานฟังก์ชัน Rear Passenger Talk สามารถกดผ่านหน้าจอสัมผัสได้เลย โดยหากเปิดเพลงหรือวิทยุไว้ ก็จะทำการปิดเพลงชั่วครู่ระหว่างที่ระบบกำลังทำงาน ซึ่งจากการทดสอบก็พบว่าใช้งานได้ดี คนขับเพียงแค่พูดเบาๆ คนที่นั่งอยู่เบาะแถว 3 ก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจน
ทั้ง 2 รุ่นย่อยติดตั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน โดยช่องแอร์ของเบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3 ถูกติดตั้งไว้บริเวณเพดานหลังคา ให้ความเย็นรวดเร็วทันใจ มาพร้อมกับปุ่มควบคุมแอร์แถวหลังแบบ Full-function คือ สามารถปรับได้ทั้งความแรงลมและอุณหภูมิ หรือจะเปิดแอร์แบบเป่าเท้าก็ได้เช่นกัน
อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ก็มีให้ครบครัน เช่น กุญแจ Smart Keyless Entry, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button, กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง เป็นต้น
บริเวณคอนโซลกลางส่วนล่างติดตั้งปุ่มเลือกตำแหน่งเกียร์แบบ Shift-by-wire ใช้งานได้สะดวกดีไม่มีปัญหา ใกล้กันถูกติดตั้งปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ 4 โหมด คือ Eco, Comfort, Sport และ Smart ส่วนรุ่น Prestige 4WD จะถูกเพิ่มเติมด้วยโหมดการขับขี่บนสภาพถนนทุรกันดารอีก 3 โหมด
สิ่งที่อยากจะชมเชยแก่ Hyundai Palisade คือการให้ความสำคัญกับปุ่มที่เป็นปุ่มจริงๆ ไม่ใช่การพึ่งพาหน้าจอสัมผัสเพียงอย่างเดียว ทำให้การใช้งานขณะขับขี่เป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัย สามารถคลำหาปุ่มที่ต้องการได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน อีกทั้ง User Interface บนหน้าจอสัมผัสก็ออกแบบมาให้รองรับการใช้งานขณะขับขี่ได้ดี ส่วนตัวรู้สึกแฮปปี้กับการจัดวางปุ่มและหน้าจอในลักษณะนี้อย่างมาก
ด้านระบบความปลอดภัยมีการติดตั้งระบบ Hyundai SmartSense เหมือนกันทั้ง 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Smart Cruise Control w. Stop and
Go
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LFA
ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ FCA
ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ทางแยก FCA-JT
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่เลน LKA
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา BCA
ระบบป้องกันการเกิดประตูเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง SEA
ระบบกล้องมองภาพจุดอับสายตา BVM
ระบบช่วยเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ RCCA
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าและเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ DAW
ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ HBA
ระบบกล้องมองรอบทิศทาง SVM
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ ระบบควบคุมการทรงตัว VSM, ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC, ระบบเบรก ABS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพของรถพ่วง TSA, ระบบช่วยหยุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ MCB, ระบบแจ้งเตือนลมยาง TPMS, เซ็นเซอร์กะระยะจอดหน้า-หลัง และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (ด้านหน้า ด้านข้าง และม่านถุงลม)
โดยสรุปแล้วหากเพิ่มเงิน 2 แสนบาทเพื่อขยับเป็นรุ่นท็อป Prestige 4WD จะได้อุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติม ได้แก่
- ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ HTRAC
- หลังคาซันรูฟหน้าและหลัง
- เบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน DBC
เครื่องยนต์และรายละเอียดทางเทคนิค
ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเทอร์โบ CRDi ความจุ 2.2 ลิตร กำลังสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 - 2,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อม Paddle Shift ที่พวงมาลัย สามารถเลือกได้ทั้งระบบขับเคลื่อน 2WD และ 4WD
สำหรับรุ่น 2WD มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.5 กม./ลิตร และรุ่น 4WD อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 13.7 กม./ลิตร ตามที่ปรากฏบน ECO Sticker ซึ่งถือว่าค่อนข้างเป็นไปตามคาดเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวรถเปล่ากว่า 2 ตัน
ระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบมัลติลิงก์ พร้อม High Performance Dampers ติดตั้งระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ จานเบรกด้านหน้ามีขนาด 340 มม. และด้านหลังขนาด 314 มม.
การขับขี่
แม้ว่าตัวรถจะมีขนาดตัวถังใหญ่โต และห้องโดยสารที่โออ่า แต่การขับขี่ Hyunda Palisade รุ่น Prestige 4WD ถือว่าทำได้ค่อนข้างคล่องตัวเกินกว่าที่คิดไว้มาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเซ็ตคันเร่งไฟฟ้าให้ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับแรงบิดสูงสุดจากเครื่องยนต์ดีเซลกว่า 440 นิวตัน-เมตร ที่รอบตั้งแต่ 1,750 - 2,750 รอบต่อนาที ทำให้รถพุ่งเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างฉับไว
อีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจเกินคาดไปมาก คือการเซ็ตช่วงล่างได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ การซับแรงสะเทือนทำได้อย่างนุ่มนวล ขณะเดียวกันก็ยังคงเสถียรภาพที่ความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี ยิ่งเวลาจั๊มป์คอสะพานยิ่งเห็นถึงความนิ่งของช่วงล่าง ไม่โยนข้างเหมือนกับรถจีนหลายรุ่นที่เราทดสอบในช่วงระยะหลังมานี้
บอกได้เลยว่า Palisade เป็นรถ SUV ที่มีช่วงล่างลงตัวมากที่สุดทั้งการขับขี่ที่เน้นสมรรถนะ และความสบายในการโดยสารทั้งครอบครัว วันไหนอยากจะบู๊ก็พอไหว หรือวันไหนต้องพาแม่ยายไปเที่ยวก็ไม่มีเสียงบ่นเล็ดลอดออกมาแน่นอน
ด้านการเก็บเสียงก็ทำได้ดีสมราคาค่าตัวเกือบ 2.5 ล้านบาท เพราะแม้จะใช้ความเร็วสูงถึง 120 กม./ชม. ก็ยังมีเสียงเล็ดลอดจากพื้นถนนน้อยมาก จะมีก็เสียงลมเคลื่อนผ่านด้านข้างพอให้ได้ยินเบาๆ เท่านั้น จึงถือว่าเป็นรถที่เหมาะมากสำหรับการเดินทางไกล ไปไหนก็สบาย ขับชิลล์ๆ ได้ไม่เหนื่อย
ยิ่งได้ห้องโดยสารกว้างๆ เบาะแถว 2 แบบ Captain Seat นั่งสบาย แถมมีระบบเบาะเย็นมาให้ถึง 4 ตำแหน่ง ถ้าใครกำลังมองหารถครอบครัวในงบประมาณ 2-3 ล้านบาทแล้วล่ะก็ บอกได้คำเดียวว่าห้ามมองข้าม Hyundai Palisade ไปเลยจริงๆ
คุณกำลังดู: รีวิว Hyundai PALISADE เอสยูวี 7 ที่นั่ง เบาะ Captain Seat กับสมรรถนะดีเกินคาด
หมวดหมู่: รีวิวรถใหม่