รีวิว Toyota INNOVA ZENIX 2024 ใหม่ โอ้โหนั่งสบายจน Alphard ยังมองค้อน!

รีวิว Toyota INNOVA ZENIX 2024 ใหม่ โอ้โหนั่งสบายจน Alphard ยังมองค้อน!

      รีวิว Toyota INNOVA ZENIX 2024 ใหม่ พลิกโฉม MPV ตระกูล INNOVA ด้วยแพล็ตฟอร์มเดียวกับรถยนต์นั่ง พ่วงขุมพลังไฮบริดที่ทั้งแรงและประหยัด แถมห้องโดยสารยังนั่งสบายจนเผลอคิดว่าจะซื้อ Alphard ไปทำไมกัน ของจริงจะแจ๋วขนาดไหนไปติดตามได้ในบทความนี้ครับ

innova_zenix_review_01

      เชื่อว่าหลายคนเมื่อพูดถึง Toyota Innova ก็จะนึกถึงรถอเนกประสงค์แบบ MPV ที่ใช้แพล็ตฟอร์มร่วมกับกระบะ Hilux Vigo และ Revo ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เนื่องจากที่ผ่านมา INNOVA ถูกพัฒนาภายใต้โครงการ IMV (Innovative International Multi Purpose vehicle) ที่นำเอาแพล็ตฟอร์มแบบ "Body-on-frame" มาต่อยอดด้วยตัวถังที่หลากหลาย ซึ่งรถยอดนิยมอย่าง Fortuner ก็เป็นหนึ่งในนั้น

      แต่มาวันนี้ Toyota INNOVA ZENIX (โตโยต้า อินโนว่า ซีนิกซ์) ได้รับการพลิกโฉมครั้งสำคัญด้วยการเปลี่ยนไปใช้แพล็ตฟอร์ม TNGA (GA-C) เช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง (Toyota Corolla Cross ก็ใช้แพล็ตฟอร์ม GA-C แต่ในเวอร์ชันของ INNOVA ZENIX ได้มีการขยายขนาดของแพล็ตฟอร์มเพื่อรองรับบอดี้ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น)

      นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้มีการปรับปรุงอีกหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนจากพวงมาลัยแบบไฮดรอลิกมาเป็นพวงมาลัยแบบไฟฟ้า (EPS) การใช้เครื่องยนต์ไฮบริดแทนที่เครื่องยนต์ดีเซลในรุ่นเดิม รวมถึงการติดตั้งระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ เหล่านี้ล้วนมีส่วนทำให้ INNOVA ZENIX ดูมีความเป็นรถยนต์นั่งสำหรับครอบครัวมากขึ้น หลังจากที่โฉมก่อนหน้ามักมีกลิ่นอายความเป็นรถเชิงพาณิชย์แทรกเข้ามาอยู่หน่อยๆ

      Toyota INNOVA ZENIX 2024 ใหม่ ถูกแบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อย คือ

  • รุ่น 2.0 HEV Smart ราคา 1,379,000 บาท
  • รุ่น 2.0 HEV Premium ราคา 1,479,000 บาท

innova_zenix_review_54

ภายนอก

      รูปลักษณ์ภายนอกของ INNOVA ZENIX ทั้ง 2 รุ่นย่อยแทบไม่มีความแตกต่างกัน โดยทั้งคู่ถูกติดตั้งไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED แยกไว้ต่างหากบริเวณกันชน ซึ่งจะใช้ร่วมกับไฟเลี้ยวแบบ LED

      ไล่มาทางด้านข้างจะเห็นได้ว่ามีการออกแบบด้วยเส้นสายที่ดูโค้งมนมากยิ่งขึ้น ดูหนักแน่นและบึกบึนมากกว่ารุ่นก่อนหน้า ตกแต่งซุ้มล้อและชายประตูด้วยวัสดุสีดำ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และดิสก์เบรกที่ติดตั้งมาให้ทั้ง 4 ล้อตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ส่วนกระจกมองข้างยังมีไฟส่องสว่าง Welcome Lamp มาให้ด้วย

innova_zenix_review_53

      ขณะที่ด้านท้ายติดตั้งชุดไฟท้ายแบบ LED พร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นย่อย เพิ่มเติมด้วยระบบ Kick Activated หรือเพียงแค่พกกุญแจเอาไว้กับตัว ก็สามารถสอดเท้าเข้าไปใต้กันชนเพื่อให้ประตูเปิดออกอัตโนมัติ ซึ่งเท่าที่ทดลองก็บอกได้ว่าต้องเล็งกันดีๆ หน่อย เพราะลองสอดเท้าเข้าไปสัก 10 ครั้ง ประตูจะยอมเปิดให้สัก 2 ครั้ง กลายเป็นว่าใช้มือเปิดนั่นแหละชัวร์สุด

      เมื่อมองจากภายนอก สิ่่งเดียวที่แตกต่างกันระหว่าง 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น Premium จะเพิ่มเติมด้วยหลังคากระจก Panoramic Roof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งมีขนาดครอบคลุมพื้นที่ผู้โดยสารแถวที่ 1 และ 2 มาพร้อมกับม่านบังแสงที่สามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าเช่นกัน

innova_zenix_review_21

ภายใน

      จุดขายสำคัญของ INNOVA ZENIX อยู่ที่เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ Captain Seat แยกอิสระออกจากกัน โดยรุ่น Smart จะเป็นเบาะธรรมดาปรับด้วยมือ ขณะที่รุ่น Premium จะได้อัปเกรดเป็นเบาะปรับไฟฟ้าทั้ง 2 ที่นั่ง พร้อมเบาะรองน่องปรับขึ้น-ลงด้วยไฟฟ้า (Ottoman) อย่างไรก็ดี การปรับเบาะเลื่อนหน้า-หลังยังคงเป็นกลไกแบบปรับด้วยมือ ไม่ใช่ไฟฟ้าแต่อย่างใด

      บริเวณเบาะแถว 2 ยังมีโต๊ะพับขนาดเล็กอยู่กึ่งกลางระหว่างเบาะทั้งสองตัว สามารถใช้วางแก้วน้ำ หรือของกระจุกกระจิก เช่น โทรศัพท์มือถือ, แว่นตา และอื่นๆ ได้

      ทั้งสองรุ่นย่อยมาพร้อมเบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าเป็นแบบปรับมือ 4 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งแถวสุดท้าย (แถวที่ 3) สามารถปรับพับแยก 50:50 พร้อมด้วยพนักพิงศีรษะ 3 ตำแหน่ง โดยพนักพิงศีรษะสำหรับผู้โดยสารคนกลางสามารถถอดและเก็บไว้ในช่องเสียบบริเวณห้องเก็บสัมภาระท้ายได้

innova_zenix_review_22

      ขณะที่อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ก็มีให้อย่างครบครัน เช่น พวงมาลัยมัลติฟํงก์ชันปรับได้ 4 ทิศทาง, จอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว, ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชันหน่วงเบรกอัตโนมัติ, กระจกหน้าต่างไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติทั้ง 4 บาน พร้อมระบบป้องกันหนีบ, กระจกมองหลังตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น Premium) และไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร Ambient Light บริเวณเพดานที่สามารถปรับความเข้มของแสงได้ เป็นต้น

      ส่วนระบบปรับอากาศของทั้ง 2 รุ่นเป็นแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบปรับอากาศตอนหลังแยกต่างหาก ซึ่งสามารถควบคุมความแรงลมแอร์และทิศทางลมได้จากปุ่มบริเวณเบาะนั่งแถว 2 หรือจะควบคุมผ่านแผงสวิตช์แอร์ด้านหน้าก็ได้เช่นกัน โดยที่ระบบปรับอากาศตอนหลังของ INNOVA ZENIX จะใช้ตู้แอร์แยกออกมาจากด้านหน้า การันตีได้ถึงความเย็นเฉียบทั่วทั้งห้องโดยสาร ภายนอกจะร้อนแค่ไหนก็เอาอยู่

innova_zenix_review_24

      Toyota INNOVA ZENIX ติดตั้งหน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ผ่านสาย USB แสดงภาพจากกล้องมองหลังได้ ทั้งยังมาพร้อมช่อง USB-A และ USB-C อย่างละ 1 ช่องบริเวณแถวหน้าสุด และช่อง USB-C อีก 2 ช่องสำหรับแถวที่ 2 ส่วนแถวที่ 3 ก็ไม่ต้องน้อยใจเพราะมีช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ เผื่อจะซื้อหัวชาร์จมาเพิ่มเติมก็ได้เช่นกัน

      สรุปแล้วหากเพิ่มเงิน 100,000 บาท เพื่อขยับจากรุ่น Smart เป็นรุ่น Premium จะได้อุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติม ดังนี้

  • หลังคา Panoramic Roof
  • ภายในสีทูโทน (น้ำตาล Dark Chestnut / ดำ)
  • เบาะนั่งแถว 2 แบบ Captain Seat ปรับไฟฟ้า พร้อมเบาะรองน่องไฟฟ้า
  • ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
  • กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
  • กล้องมองรอบคัน PVM

innova_zenix_review_16

     ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เจเนอเรชันที่ 3 ของ Toyota INNOVA ZENIX ทั้ง 2 รุ่นย่อย ทำงานผ่านกล้องและเรดาร์ที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้า ประกอบด้วย 5 ฟังก์ชัน ได้แก่

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Dynamic Radar Cruise Control แบบ All-speed และระบบลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง
  • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LTA
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB

     ขณะที่ระบบความปลอดภัยอื่นๆ ก็มีให้ครบครัน เช่น ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSM, ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA, ระบบแจ้งเตือนลมยาง TPMS, ระบบเบรก ABS / EBD / BA, สัญญาณไฟกะพริบเมื่อเบรกกะทันหัน ESS, สัญญาณกะระยะหน้า-หลัง และถุงลมนิรภัยคู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านถุงลม เป็นต้น

innova_zenix_review_07

เครื่องยนต์และช่วงล่าง

     Toyota INNOVA ZENIX 2024 ทั้ง 2 รุ่นย่อยติดตั้งเครื่องยนต์ไฮบริดรหัส M20A-FXS ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 152 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 188 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 83 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 206 นิวตัน-เมตร ให้กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบอยู่ที่ 186 แรงม้า (PS) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT รองรับน้ำมันทางเลือกสูงสุด E10 และมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 21.3 กม./ลิตร

     ขณะที่ช่วงล่างด้านหน้ามีการปรับเปลี่ยนจากแบบ Double Wishbone เป็น McPhurson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังจากแบบอิสระ 4-link พร้อมคอยล์สปริง เป็นแบบ Torsion Beam เพื่อให้เหมาะสมกับแพล็ตฟอร์มที่เปลี่ยนไป โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อแบบไม่มีกั๊ก

innova_zenix_review_40

การขับขี่

     การเปลี่ยนไปใช้แพล็ตฟอร์ม TNGA ส่งผลให้การขับขี่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความนุ่มนวล การซับแรงสะเทือนจากพื้นถนน รวมถึงความง่ายในการควบคุมพวงมาลัย ทั้งหมดทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด

     ขณะเดียวกันอาการโคลงขณะใช้ความเร็วสูงก็ลดลงอย่างชัดเจน จากเดิมที่ Innova Crysta (Gen 2) จะรู้สึกถึงอาการโคลงที่ความเร็วสูงอยู่พอสมควร แต่เมื่อเป็น ZENIX พบว่าอาการโคลงดังกล่าวลดลงไปเยอะ ทำให้การขับขี่รู้สึกมั่นใจเพิ่มมากขึ้น จนแทบจะลืมไปว่าเรากำลังขับรถ MPV ที่มีความสูงมากกว่ารถเก๋งปกติทั่วไป

     ส่วนพละกำลังของเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร ที่ให้แรงม้ารวม 186 ตัว ก็เรียกได้ว่าเหลือเฟือทีเดียว แม้ว่าจะนั่งโดยสารกัน 4 คนพร้อมสัมภาระ ก็ยังตอบสนองในด้านอัตราเร่งได้อย่างรวดเร็วทันใจ ควบคู่ไปกับอัตราสิ้นเปลืองหน้าจอเฉลี่ยราว 14-15 กม./ลิตร บนการขับจากกรุงเทพฯ - ระยอง ถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจไม่น้อย แถมยังเป็นการแก้จุดอ่อนสำหรับคนที่ไม่ชอบเครื่องยนต์ดีเซล แต่ก็ไม่อยากได้รถกินจุแถมแรงน้อยเหมือนกับเครื่องยนต์เบนซินล้วนอีกด้วย

innova_zenix_review_39

     และเมื่อผู้เขียนได้มีโอกาสสลับมาเป็นผู้โดยสารแถวที่ 2 ดูบ้าง ก็พบว่ามันนั่งสบายจนแทบไม่อยากให้ถึงจุดหมาย เพราะนอกจากเบาะนั่งจะถูกออกแบบรับกับสรีระได้เป็นอย่างดีแล้วนั้น ช่วงล่างอันนุ่มนวลของ INNOVA ZENIX ยังช่วยเพิ่มความสบายได้สมศักดิ์ศรีแพล็ตฟอร์ม TNGA จนแอบมีความคิดเล็กๆ ว่าเราจะต้องเพิ่มเงินอีกเป็นล้านเพื่อซื้อ Alphard / Vellfire ไปทำไมกัน

     เอาจริงๆ ไม่ต้องข้ามไปถึง Alphard หรอกครับ เพราะแม้แต่คู่แข่ง (อ้อมๆ) อย่าง Kia Carnival และ Hyundai Staria ที่มีค่าตัวสูงกว่าเล็กน้อย ผู้เขียนมองว่าถ้าไม่ได้ซีเรียสในเรื่องประตูสไลด์ และจำนวนเบาะนั่งที่เพิ่มขึ้นมานั้น INNOVA ZENIX ก็ค่อนข้างกินขาดทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่, ความสบายในห้องโดยสาร แถมยังสบายใจกับความเป็นโตโยต้าที่มีศูนย์บริการทั่วทุกหนแห่ง รวมถึงความทนทานและค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย

innova_zenix_review_33

สรุป

     Toyota INNOVA ZENIX ถือเป็นรถที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถครอบครัวสักคัน แม้ว่าที่ผ่านมา INNOVA จะเป็นรถที่มีภาพลักษณ์ความเป็นแท็กซี่สนามบิน หรือลิมูซีนของนายญี่ปุ่นแถวสุขุมวิทอยู่บ้าง แต่มารอบนี้ถือเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้แพล็ตฟอร์ม TNGA, ขุมพลังไฮบริดที่ทั้งแรงและประหยัด, ห้องโดยสารกว้างขวางและเบาะนั่งที่สะดวกสบาย แลกกับราคารุ่นท็อปไม่ถึง 1.5 ล้านบาท ถ้ามองข้ามในเรื่องรูปโฉมที่อาจไม่ค่อยสะดุดตานักไปได้แล้วล่ะก็ เรียกว่าคุ้มค่าน่าใช้ไม่น้อยเลยล่ะครับ

คุณกำลังดู: รีวิว Toyota INNOVA ZENIX 2024 ใหม่ โอ้โหนั่งสบายจน Alphard ยังมองค้อน!

หมวดหมู่: รีวิวรถใหม่

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด