“เส้นเลือดขอด” เกิดขึ้นได้อย่างไร ? อันตรายแค่ไหน ?

เส้นเลือดขอด นอกจากจะทำให้ขาดูไม่สวยงามแล้ว ยังส่งผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดอันตรายอื่น ๆ ตามมาได้อีกด้วย

“เส้นเลือดขอด” เกิดขึ้นได้อย่างไร ? อันตรายแค่ไหน ?

เส้นเลือดขอด นอกจากจะทำให้ส่วนที่เป็นดูไม่สวยงามแล้ว ยังส่งผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดอันตรายอื่น ๆ ตามมาได้อีกด้วย เช่น ขาบวม เป็นตะคริว เหน็บชา หรือมีผื่นคันในบริเวณที่เป็นเส้นเลือดขอด ดังนั้นต้องรีบรักษา อย่าปล่อยไว้ 


เส้นเลือดขอด คืออะไร ?

อ.พญ. ปัณฑิตา เอี่ยมศุภนิมิตร ฝ่ายศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุไว้ในรายการ รายการ ติดจอ ฬ.จุฬา ว่า เส้นเลือดขอด เกิดจากการที่เส้นเลือดดำ (ส่วนใหญ่เป็นเส้นเลือดดำที่บริเวณขา) มีการไหลเวียนของเลือดที่ผิดปกติ

ผศ.นพ. กฤตยา กฤตยากีรณ ฝ่ายศัลยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า เส้นเลือดขอดสามารถพบได้ทั่วทั้งร่างกาย แต่โดยทั่วไปมักพูดถึงเส้นเลือดขอดบริเวณขา จากผู้ป่วยในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์พบว่า กว่า 70% ของผู้ป่วยเส้นเลือดขอดเป็นเพศหญิง โดยมีปัจจัยเสี่ยง คือ อายุที่มากขึ้น 

 
สาเหตุของเส้นเลือดขอด

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอาการเส้นเลือดขอดได้ คือ

  1. เป็นผู้หญิง เสี่ยงเป็นเส้นเลือดขอดได้มากกว่าผู้ชาย

  2. อายุมาก

  3. น้ำหนักมากกว่ามาตรฐาน

  4. ทำงานที่ต้องยืนนาน ๆ

 
อาการของเส้นเลือดขอด

อาการของเส้นเลือดขอดในระยะแรก ๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล คือ

  • ปวดขา โดยพบได้ราว 50%

  • ขาบวม พบได้ 30%

  • พบเส้นเลือดขอดอย่างชัดเจน จึงเดินทางมาตรวจ อีก 30%

อ.พญ. ปัณฑิตา เอี่ยมศุภนิมิตร ระบุว่า อาการของเส้นเลือดขอดมีหลายระดับ

  • พบเส้นเลือดที่มีลักษณะเป็นร่างแห ใยแมงมุม หรืออาจแค่ขาบวม

  • เส้นเลือดขยายตัวมากขึ้น จนเห็นชัดเจนว่าเป็นเส้นเลือดขอด มีขนาดใหญ่กว่า 4 มิลลิเมตรขึ้นไป หรือเห็นขด หรือขยุ้มเส้นเลือดอย่างชัดเจนเวลายืน

  • หากมีอาการมากขึ้น จะพบผิวหนังที่ขาบริเวณใกล้ข้อเท้ามีสีคล้ำขึ้นจนเป็นสีเกือบดำ ผิวหนังแข็งขึ้น

  • หากอาการแย่ลง ตรงผิวหนังที่สีดำขึ้นอาจมีแผลที่เกิดขึ้นมาเอง และไม่ยอมหายได้เอง

  • นอกจากนี้ยังพบอาการอื่น ๆ เช่น ขาบวม เป็นตะคริวที่ขาในตอนกลางคืน เดินมาก ๆ แล้วมีอาการปวดเมื่อยขา โดยเฉพาะตอนเย็น

 
วิธีการตรวจเส้นเลือดขอด

แพทย์อาจทำการวินิจฉัยโดยทั่วไปก่อนว่าอาการที่เกิดขึ้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่เป็นอยู่หรือไม่ หากไม่มีแพทย์จะทำการอัลตร้าซาวนด์บริเวณที่คาดว่าน่าจะเป็นเส้นเลือดขอด เมื่อยืนยันได้ว่าผู้ป่วยเป็นเส้นเลือดขอดจริง วิธีการรักษาก็จะแตกต่างไปตามความรุนแรงของโรค มีตั้งแต่การใส่ถุงน่องที่ทำเพื่อรักษาโรคเส้นเลือดขอดโดยเฉพาะ ฉีดยา กินยา หากมีแผลหรือขาเริ่มดำแล้ว อาจพิจารณาวิธีผ่าตัด

การผ่าตัดมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ

  1. การผ่าตัดแผลมาตรฐานทั่วไป

  2. การผ่าตัดแผลเล็กที่เจ็บน้อยกว่า ทั้งการใช้เลเซอร์ คลื่นความร้อน RFA หรืออาจใช้กาวที่ช่วยให้เส้นเลือดกลับมาไหลเวียนได้อย่างเป็นปกติ

 
วิธีลดความเสี่ยงในการเป็นเส้นเลือดขอด

แม้เราไม่สามารถป้องกันอาการเส้นเลือดขอดได้ 100% แต่สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นเส้นเลือดขอดได้ ดังนี้

  1. ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่ทำให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรงขึ้น เช่น เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน แอโรบิก เป็นต้น

  2. ลดน้ำหนักให้เหลือน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

  3. ไม่ควรยืนอยู่กับที่นาน ๆ ควรขยับร่างกาย หรือนั่งพักระหว่างวันบ้าง

  4. รับประทานอาหารที่มีกากใยอาหารสูง เช่น ผัก ผลไม้

  5. ลดการรับประทานอาหารเค็ม เพื่อลดอาการบวม

  6. หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง หรือถุงเท้า ถุงน่อง ที่รัดมาก ๆ เป็นเวลานาน ๆ

 
หากมีอาการสงสัยว่าอาจเป็นเส้นเลือดขอด สามารถเข้ารับการตรวจกับแพทย์ได้ ที่ อาคาร ภปร. ชั้น 6 คลินิกศัลยกรรมหลอดเลือด ทุกวันพุธ เวลา 8.00-12.00 น. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โทร. 02-256-4000 หรือที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน

คุณกำลังดู: “เส้นเลือดขอด” เกิดขึ้นได้อย่างไร ? อันตรายแค่ไหน ?

หมวดหมู่: รู้ทันโรค

แชร์ข่าว