ทำไมสัญญาณไฟจราจรต้องเป็นสีเขียว สีเหลือง และสีแดง?

เรามักคุ้นเคยกับสัญญาณไฟจราจรสีเขียว สีเหลือง และสีแดง กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมสัญญาณไฟจราจรต้องเป็นสีเหล่านี้เท่านั้น ทำไมถึงไม่เป็นสีอื่น บทความนี้ Sanook Auto จะพาไปหาคำตอบกัน
ที่มาของสีสัญญาณไฟจราจร
การใช้สีในสัญญาณไฟจราจรไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มีที่มาจากการผสมผสานระหว่างหลักการทางวิทยาศาสตร์ จิตวิทยา และความปลอดภัยในการมองเห็น โดยเริ่มแรกมีการใช้สัญญาณไฟจราจรในระบบขนส่งทางราง โดยใช้สีแดง เขียว และเหลือง เพื่อควบคุมการเดินรถไฟ การนำมาใช้กับสัญญาณไฟจราจรจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายและคุ้นเคย
สีแดง สัญญาณแห่งการหยุด
สีแดงเป็นสีที่มีความยาวคลื่นมากที่สุด ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนในระยะไกล แม้ในสภาพอากาศที่ไม่ดี เช่น ฝนตก หรือหมอกลง ในทางจิตวิทยา สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของอันตราย การหยุด และความฉุกเฉิน จึงถูกนำมาใช้เป็นสัญญาณให้ "หยุด" เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
สีเขียว สัญญาณแห่งการเคลื่อนที่
สีเขียวเป็นสีที่ตรงกันข้ามกับสีแดง ทำให้เห็นความแตกต่างได้ชัดเจน ในทางจิตวิทยา สีเขียวสื่อถึงความปลอดภัย การอนุญาต และการเคลื่อนที่ จึงถูกนำมาใช้เป็นสัญญาณให้ "ไปได้" หรือ "เคลื่อนที่"
สีเหลือง สัญญาณแห่งการเตือน
สีเหลืองเป็นสีที่อยู่ระหว่างสีแดงและสีเขียว ทำให้เป็นสัญญาณเตือนให้เตรียมพร้อม สีเหลืองมีความสามารถในการดึงดูดสายตาได้ดี จึงถูกนำมาใช้เป็นสัญญาณ "เตือน" ให้ลดความเร็วและเตรียมหยุด
การใช้สีเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าใจความหมายของสัญญาณไฟจราจรได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังช่วยลดความสับสนและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ การใช้สีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนยังช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาในการมองเห็นสีบางสีสามารถแยกแยะสัญญาณไฟจราจรได้ง่ายขึ้น
สีเขียว เหลือง และแดง ในสัญญาณไฟจราจรถูกเลือกมาอย่างพิถีพิถัน โดยคำนึงถึงหลักการทางวิทยาศาสตร์ จิตวิทยา และความปลอดภัยในการมองเห็น เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนสามารถเข้าใจและปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง ช่วยลดอุบัติเหตุและทำให้การจราจรเป็นไปอย่างราบรื่นนั่นเอง
คุณกำลังดู: ทำไมสัญญาณไฟจราจรต้องเป็นสีเขียว สีเหลือง และสีแดง?
หมวดหมู่: เคล็ดลับยานยนต์