Toyota Prius มือสอง-ตอนนี้อยากได้สักคัน แต่ตอนนั้นดันไม่ซื้อ

ไม่มีเงินสอยรถไฟฟ้า มาทางนี้ซิคะ Toyota Prius มือสอง กินน้ำมัน 15-18 กิโล/ลิตร ประหยัดจังใช้ดีจริง!

Toyota Prius มือสอง-ตอนนี้อยากได้สักคัน แต่ตอนนั้นดันไม่ซื้อ

สารภาพว่าตอนที่ผมกำลังหาเรื่องซื้อรถคันใหม่เข้าบ้านเมื่อปลายปีที่แล้ว Toyota Prius เจเนอเรชันที่ 3 จากปี 2010-2015 ก็เป็นตัวเลือกที่ผมสนใจ แต่ท้ายสุดก็ไม่ได้ซื้อ เพราะคิดว่าตัวเองต้องดูแลรถเก่า 13-29 ปีหลายคันที่ใช้อยู่แล้ว และลักษณะงานที่เปลี่ยนไปทำให้ต้องใช้รถที่ทนมือทนเท้า ก้าวขึ้นลงง่าย และโมดิฟายเอาแรงได้สนุก Prius จึงตกกระป๋องไป

แต่ก็เหมือนกับหลายอย่างในชีวิตที่มีเหตุการณ์ทำให้ผมถามตัวเองว่า “นี่ข้าคิดผิดไปหรือเปล่าวะ?” ข้ามปีมา ราคาน้ำมันกระโดดราวตั๊กแตนบ้า ถึงแม้หลายคนจะบอกว่าผมซื้อกระบะดีเซลมา ยังไงรัฐบาลก็ตรึงราคาน้ำมันช่วย..ผมว่าไม่น่าใช่ เพียงแค่คิดเท่านั้นล่ะครับ ข่าวมาเลย ว่าไทยจะยกเลิกการขึ้นราคาเบนซินเพื่ออุ้มดีเซล ซึ่งแม้จะได้รับผลกระทบ แต่ผมมองว่า ก็ทำไปเถอะ เพราะหลายคนที่ชีวิตเขามีแค่มอเตอร์ไซค์ ก็ต้องพึ่งพาน้ำมันเบนซิน มันควรจะกระจายภาระแบบแบ่งกันรับ ถึงแม้ว่าดีเซลแพงขึ้นแล้วข้าวของจะแพงขึ้น แต่ถ้าข้าวของไม่แพงแล้วคนไม่มีเงินจะกินข้าว มันก็ไม่ต่างกันหรอก

ในจุดนี้ผมเล็งไว้แล้วล่ะ ว่ารถป้ายแดงคันต่อไปของบ้านจะเป็น EV แน่นอน เพราะชอบในความแรง ความเงียบ และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่สำหรับเพื่อนๆ หลายคนที่ไม่ได้มีเงินล้านให้ใช้ หรือมี แต่อาศัยอยู่คอนโด หรือมีรูปแบบการทำงานที่ต้องใช้รถวิ่งไกลแบบเวลาเป็นเงินทอง รถไฮบริดก็ยังเป็นทางเลือกที่น่าสน ในปัจจุบันรถไฮบริดที่ถูกที่สุดน่าจะเป็น Honda City e:HEV ราคาแปดแสนกว่าบาท แต่ถ้าคุณงบน้อยกว่านั้นมาก รถไฮบริดมือสองอย่าง Prius ก็มีความโดดเด่นในชั่วโมงนี้ ถ้าไม่เชื่อ ดูราคากลางมือสองในช่วงสองปีที่ผ่านมาสิครับ ไม่ลดลงเลย แถมจะเพิ่มเสียด้วยซ้ำ

ที่น่าประหลาดใจสำหรับผมคือ คุณนึกภาพว่าคนขับ Prius ต้องเป็นสมาชิก Greenpeace กินเจ ใช้ชีวิตจืดชืด และรักโลกเท่าตัวเอง เปล่าเลย ในช่วงสองปีที่ผ่านมา คนที่ซื้อ Prius ใช้รอบตัวผม คือผู้มีความรู้ด้านรถยนต์ สื่อมวลชน อาจารย์ผู้สอนขับรถแข่ง และรวมไปถึงนักซิ่ง ทั้งสายสนามและสายถนน 10 ปีก่อน พวกนี้แหละ สาปส่ง Prius แต่ชอบไปขับรถซิ่งแล้วคุยทับกันว่า เอ็งวิ่งกี่วิ 13 วิเหรอ สู้ข้าไม่ได้ ข้าทำ 12 วิ เร็วกว่าเว้ย แต่พอมาวันนี้ คนกลุ่มเดียวกันนี้ ซื้อ Prius ใช้ จอดรถซิ่งไว้บ้าน แล้วก็มาคุยทับถมกันเรื่องความประหยัด เอ็งวิ่งกี่กิโลลิตรวะ 18 เหรอ กระจอก ข้าวิ่งได้ 20

ทำไมในช่วงที่ไฮบริดเป็นขุมพลังข่าวเก่าของโลกไปแล้ว จู่ๆ Prius กลับมาได้รับความนิยมในตลาดมือสอง? เท่าที่ผมลองสัมผัสมาเอง จากการทำบทความทดสอบการฟื้นฟูแบตเตอรี่ไฮบริดให้กับทาง Blu-Voltz ผมได้เอา Prius สภาพผ่านศึกรุ่น Top Grade ปี 2011 มาขับอยู่นานกว่าครึ่งเดือน รถคันนี้เป็นรถเช่ามาก่อน แน่นอนว่ามันไม่ได้รับการประคบประหงมแบบรถส่วนตัว ฝาปิดล้อหาย สีที่เคยขาวก็หม่นดังเหมือนเหล็กกระทบกันมาจากข้างในคอพวงมาลัยทุกครั้งที่วิ่งถนนขรุขระ พวงมาลัยเป๋ซ้าย และพลาสติกรีไซเคิลภายในรถที่ทำมาจากเซลลูโลสพืชแบบรักโลกนั่นก็ลั่นเอี๊ยดอ๊าดตลอด

แต่แม้จะมีสภาพเช่นนั้น Prius ผ่านศึกก็ยังให้ประสบการณ์แบบที่หาได้ยากในรถสมัยใหม่ ยางแก้มหนา 195/65 กับช่วงล่างที่ยังคงสภาพดี ไม่เคยเปลี่ยนโช้คอัพ Prius ให้ความรู้สึกหนักแน่น (ก็ควรจะ..เพราะตัวรถจริงๆ หนักเกือบ 1.4 ตัน) และสบายก้นยามขับบนถนนสภาพเลวๆ ยิ่งกว่า Altis รุ่นใหม่ๆ พวงมาลัยน้ำหนักเบา สบายมือ และที่สำคัญคือ ถ้าคุณไม่บ้าขยี้คันเร่งผิดวิสัยคนปกติ มันจิบน้ำมันชนิดอีโคคาร์ยังมองค้อน ผมทำได้ 15-18 กม./ลิตร แบบสบายไม่เน้นแข่งตัวเลขกับใคร แม้ว่าแบตเตอรี่ของรถคันนี้จะมีอายุ 9 ปีตอนที่ผมขับ แต่มันยังวิ่งแบบ EV Mode เงียบๆ ความเร็วไม่เกิน 47 กม./ชม. ได้ไกล 1.8 กม. ผมเอารถคันนี้ไปทดสอบ กลับบ้านตีสองตีสาม จอดรถใกล้ห้องนอนแม่ แม่ก็หลับสบายไม่รู้ว่าลูกไปเที่ยวมา

ในภายหลัง ผมไปขับรถคันอื่นที่สภาพดีแบบเจ้าของโคตรรัก ทำให้รู้สึกได้ว่า หากคุณไม่ได้เน้นช่วงล่างบุคลิกสปอร์ตจ๋านัก Prius จากสมัยนั้นยังสู้รถใหม่ๆ ได้สบายในแง่ของการขับ อัตราเร่งแซงพอไล่ Honda Civic 1.8 ลิตร ได้มาจากพลังร่วมระหว่างเครื่องยนต์ Atkinson Cycle 99 แรงม้า กับมอเตอร์ 82 แรงม้า โดยกำลังขับรวมสูงสุดจะอยู่ที่ 136 แรงม้า ก็ไม่แรง แต่ขับทางไกลพึ่งพาได้มากกว่าอีโคคาร์ 1.2 ลิตรเยอะ แต่เสียงตอนเร่งจะดังน่าสงสารอยู่สักหน่อย มันคือรถที่ทำมาเพื่อขับใช้งานอย่างผ่องจิตสบายใจ ไม่ใช่รถที่ใช้เรียกหาอรรถรสจากการขับแบบบู๊สะบั้น

แต่อย่าคิดว่า Toyota พัฒนารถคันนี้แบบสุกเอาเผากิน คนที่เขาเลือกมาดูแลการสร้างล้วนแต่เป็นมือระดับเอกขององค์กร เพราะมันเกิดในยุคที่คนจำนวนมากยัง “ยี้” รถถ่าน เขาจึงต้องพยายามทำตัวรถให้ดูแล้วเด่น ขับแล้วไม่เหมือนใคร จนแม้แต่คนที่เกลียดรถถ่านยังต้องใจอ่อน ณ ปี 2009 ที่มันเปิดตัว Prius ดูทรงแล้วมีความเป็นรถ EV มากกว่ารถ EV แท้ๆ บางรุ่นเสียอีก ภายในก็ดูทันสมัยยิ่งกว่ารถที่ขายอยู่ในปัจจุบัน จะขาดแค่เพียงจอกลางขนาดใหญ่หรือพวกหน้าปัดที่มีสีสันและระบบรองรับ Apple CarPlay เท่านั้นจริงๆ ตัวถังรถก็ถูกออกแบบมาเพื่อประหยัดเชื้อเพลิงมากที่สุด ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.25 ต่ำอันดับต้นๆ ในโลกสมัยนั้น แม้แต่ล้ออัลลอยก็ถูกออกแบบด้วยแนวคิดที่น่าสนใจมาก

หลายคนจะคิดว่า เขาออกแบบล้อมาลายน่าเกลียดๆ แล้วเอาฝาปิดครอบไว้เพื่อผลทางอากาศพลศาสตร์..แต่เอาจริงๆ รถอย่าง Prius คงไม่ได้ใช้อากาศพลศาสตร์จากล้อขนาดนั้น สิ่งที่ Toyota ทำคือ ออกแบบล้อให้แข็งแรงและเบา แต่ล้อที่เบา หน้าตามันจะขายคนทั่วไปได้ยาก ก็เลยทำฝาครอบพลาสติกมาปิดไว้ ถ้าใครเคยลองยกดูจะทราบครับ ล้อ Prius ไม่รวมยาง เบาแค่ 7 กิโลกรัม เบากว่าล้อ 15 นิ้วของรถโรงงานทั่วไป 20-25% พอล้อเบา ยางแคบ ก็กินแรงกินพลังรถน้อยลง ส่งผลทั้งในด้านอัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลือง

Toyota ประเทศไทย เปิดตัว Prius ในเดือนพฤศจิกายน 2010 โดยวางตำแหน่งการตลาดสอดตรงกลางระหว่าง Corolla Altis กับ Camry โดยเริ่มต้นที่ประมาณ 1.2 ล้านบาท ในเวลาต่อมาเมื่อมีรุ่นไมเนอร์เชนจ์ 2012 และรุ่นตกแต่งพิเศษออกมา ราคาของ Prius สมัยนั้นอยู่ที่ 1.2-1.4 ล้านบาท เทียบเท่ารถระดับ CR-V หรือ Camry คนที่จะซื้อ จึงไม่ได้เป็นกลุ่มที่มุ่งหวังความประหยัดเงิน เพราะซื้อ Corolla แล้วยังเหลือเงินเติมน้ำมันอีกหลายแสน คนที่ซื้อจริง อยากได้เพราะรูปลักษณ์ เทคโนโลยี แล้วมีเรื่องประหยัดค่าน้ำมันเป็นโบนัส นั่นก็อาจส่งผลให้ยอดขายสะดุดเป็นแมวตกหน้าต่าง จากเดิมตั้งเป้าขายเดือนละ 700-1,000 คัน กลายเป็นว่า เมื่อ Toyota เลิกผลิต Prius ในกันยายน 2015 นับจำนวนรถที่ขายไปได้แค่ประมาณ 18,000 คัน เท่านั้น (ขาย Vigo แค่ 3 เดือนยังได้เลขมากกว่านี้)

แต่วันเวลาผ่านไป Prius ทุกวันนี้กลายเป็นรถราคา 3-4.5 แสนบาทที่มีอุปกรณ์เท่ารถหลักล้าน ในรุ่นเกรดถูกสุดยังไงก็มีถุงลมนิรภัย 7 ใบ ระบบ VSC เบรก ABS ครูสคอนโทรล ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ แอร์ออโต้ ปุ่มสตาร์ต/สมาร์ทคีย์และ..จอ Head Up Display! แต่อย่าหยุดที่แค่สเปก Standard เลยครับ ถ้าคุณแสวงหารุ่นย่อย “Top Option” ได้ ก็จะเพิ่ม เบาะไฟฟ้าด้านคนขับ หลังคา Solar เป็นมูนรูฟสไลด์เปิดได้ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์นำมาช่วยเปิดหลังคาระบายความร้อนอัตโนมัติ มีระบบกดปุ่มเปิดแอร์รอจากรีโมตก่อนเดินถึงรถ จอกลาง 7 นิ้วพร้อมกล้องถอยหลัง ส่วนกระจกมองข้างนั้นแบบพับด้วยไฟฟ้าจะมาในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ปี 2012 ก่อนหน้านั้นจะเป็นแบบพับมือ ซึ่งสมัยนั้นคนเขาก็แซวกันว่าอะไรวะของเล่นเยอะแยะ ตกม้าตายที่กระจกพับมือนี่แหละ

ต้องบอกไว้ก่อนว่า Prius ไม่ใช่รถที่เน้นประหยัดเงินนะครับ อยากประหยัดเงินคุณควรไปซื้อ Vios ปี 2004-2012 มาติด LPG นั่นคือ ประหยัดทั้งค่าซื้อรถ ค่าซ่อม และค่าเชื้อเพลิง เหมาะกับคนที่ต้องจำกัดงบจริงๆ ส่วนการซื้อ Prius นั้น คุณซื้อเพราะคุณอยากได้รถที่ขับแล้วได้ความรู้สึกเหมือนรถใหญ่ มีความแน่นหนา มีรูปโฉมทันสมัยและอุปกรณ์ติดรถที่มาแบบรถราคาเกินล้านบาท แล้วได้เรื่องความประหยัดน้ำมันเป็นตัวแถม กับบางเวลาที่คุณสามารถกดโหมด EV วิ่งเงียบๆ เข้าซอยเข้าบ้านยามวิกาลแล้วไม่ปลุกใครตื่น ความต่างของสองทางเลือกนี้คือ ประหยัดแบบประหยัดเงินจริงจัง กับประหยัดแบบ ขอข้ามีสไตล์มีความหรูบ้างเถอะ..คุณชอบแบบไหนล่ะ?

เรื่องความทนทานนั้น ระยะเวลา 11 ปีมากพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่ามันไม่ได้เป็นปิศาจกินเงิน แบตเตอรี่ไฮบริดบางคัน 10 ปี ยังมีประสิทธิภาพเหลือมากกว่า 70% ส่วนหม้อแปลง ปั๊มเบรก คอมแอร์ ที่เบิกศูนย์นั้นราคาสูงจริง แต่ด้วยความที่เคยเป็นรถขายดีมากในญี่ปุ่น และเวลาผ่านมานานมากพอ อะไหล่เก่าจึงมีให้เลือกพอสมควร บางอย่างก็สามารถซ่อมกลับมาใช้ได้ มันอาจจะเปลืองค่าบำรุงรักษามากกว่า Altis แต่ไม่ได้ต่างจาก Camry มากขนาดนั้น ช่วงหลังนี้ก็มีอู่ที่ชำนาญซ่อมไฮบริดอย่าง Race Garage 46 ซึ่งผมแนะนำให้หลายคนไปใช้บริการและพบว่าประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ

Prius คันสุดท้ายที่ออกจากโรงงานเพิ่งมีอายุราว 7 ปี ดังนั้นรถลอตท้ายๆ น่าจะมีประกันแบตให้เคลมได้ไปอีก 3 ปี ถ้าคุณซื้อวันนี้ ส่วนใครหารถปีใหม่ๆ ไม่ได้ อยากตรวจสภาพแบต ก็ไม่ยากครับ วิ่งชาร์จไฟให้ได้สัก 80-90% จากนั้นเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ สักที่ กดจับระยะทางวิ่ง ใช้ความเร็วไม่เกิน 47 กม./ชม. ถ้าวิ่งได้มากกว่า 1.8 กม. คุณยังใช้แบตเตอรี่ลูกนั้นได้อีกนาน แต่ถ้าได้ไม่ถึง 1 กิโลเมตร แบตเตอรี่คุณเหลือประสิทธิภาพแค่ครึ่งเดียวแล้วล่ะครับ แบตเตอรี่ที่เสื่อมขนาดนั้น ทำให้อัตราเร่งออกตัวช้าลง และกินน้ำมันเพิ่มขึ้นได้ 10-20% ส่วน Inverter นั้น ถ้าเอาเลขตัวถังไปเช็กกับศูนย์แล้วพบว่า เป็นรถที่อัปเดต Firmware แล้ว คุณจะได้วารันตี Inverter นาน 15 ปี

ซึ่งนั่นก็หมายความว่า การจับ Prius ลอตหลังๆ มาขับเล่นในช่วงนี้ ถ้าคุณไม่ซวยจริงๆ โอกาสซ่อมแบบเสียเงินหลักแสนนั้นยากมาก แต่การซ่อมระดับหลักหมื่น เช่น คอพวงมาลัย แร็ค ช่วงล่าง ก็ควรเตรียมเงินไว้บ้าง แต่เมื่อซ่อมจบ สิ่งที่คุณจะได้คือรถที่ขับสบายมือ คล่องตัว ใช้วิ่งงานในเมืองหรือต่างจังหวัดก็ไม่เกร็ง กินน้ำมันแบบอีโคคาร์ ออปชั่นล้นแบบรถราคาล้านกว่า ถ้าไม่นับระบบ UI สมัยใหม่หรือเรดาร์แล้ว ในการใช้งานจริงคุณจะพบว่ารถถ่านเก่าๆ อย่าง Prius นั้น ไม่ได้แย่ไปกว่ารถไฮบริดป้ายแดงราคาแถวล้านบาทของวันนี้เท่าไหร่เลย แต่ราคายิ่งกว่าหารสองนะ.


Pan Paitoonpong

คุณกำลังดู: Toyota Prius มือสอง-ตอนนี้อยากได้สักคัน แต่ตอนนั้นดันไม่ซื้อ

หมวดหมู่: รีวิวรถใหม่

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด