อาหาร “บำรุงครรภ์” ของคุณแม่ เตรียมพร้อมตั้งแต่เริ่มตั้งท้อง
สุขภาพที่ดีของแม่และเด็ก เริ่มต้นจากอาหารที่คุณแม่รับประทานตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะอาหารสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงคลอด และหลังคลอด เน้นกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเพียงพอต่อร่างกาย เพื่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า
จากกรณีที่มีกระแสข่าวในโลกออนไลน์ที่มีหญิงตั้งครรภ์รายหนึ่งชอบดื่มน้ำแดงโดยคิดว่าจะสามารถช่วยบำรุงเลือดได้นั้น
ไม่เป็นความจริง
การเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์หรือในระหว่างการตั้งครรภ์
คุณแม่ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ คือ ข้าว-แป้ง เนื้อสัตว์ ไข่ นม
ถั่วชนิดต่าง ๆ ผักและผลไม้สด เพื่อใช้ในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
ซึ่งในแต่ละช่วงเดือน ร่างกายจะต้องการสารอาหารแตกต่างกันไป
- ช่วงไตรมาสแรกคือ 1-3
เดือนแรก ความต้องการพลังงานของร่างกายจะเพิ่มขึ้น
เพียงเล็กน้อย ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่และหลากหลาย
หากแพ้ท้องมากทำให้กินอาหารได้น้อยควรแบ่งมื้อกินเป็นมื้อย่อยๆ
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและอาหารที่มีเครื่องเทศมาก
- ช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 คือ
4-6 เดือน ความต้องการพลังงานและโปรตีนจะเพิ่มมากขึ้น
ควรกินอาหารมากขึ้น เน้นอาหารที่มีคุณภาพโดยกินอาหารให้หลากหลายและ
ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารจำพวกโปรตีน และแร่ธาตุที่สำคัญ ได้แก่ โฟเลต
ธาตุเหล็ก สังกะสี ไอโอดีน และโพแตสเซียม
เพราะในระยะนี้ลูกน้อยกำลังสร้างเนื้อเยื่อ อวัยวะต่าง ๆ
รวมทั้งโครงสร้างของร่างกาย สารอาหารที่เพียงพอ
จะไปช่วยเพิ่มขนาดของอวัยวะที่ทารกกำลังเจริญเติบโต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพัฒนาการทางสมองและระบบประสาท
และมากพอที่จะทำให้สุขภาพของแม่แข็งแรงอยู่ได้
- ช่วงไตรมาสที่ 3 คือ 7-9
เดือน ร่างกายยังต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 300
กิโลแคลอรีต่อวัน หรือเท่ากับอาหาร 1 มื้อ หรืออาจเพิ่มเป็นอาหารว่าง
2 มื้อ ในช่วงนี้ควรติดตามการเพิ่มขึ้นของน้ำหนัก
เนื่องจากจะมีผลต่อการเจริญเติบโตกับทารก
ขณะตั้งครรภ์ควรควบคุมน้ำหนักตัวให้เพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ คือ 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ หรือ 2 กิโลกรัมต่อเดือน ซึ่งในช่วงนี้ร่างกายต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 300 กิโลแคลอรีต่อวัน
เพื่อให้ลูกมีน้ำหนักแรกเกิดมากกว่า 2,500 กรัม และสมองดี
ควรกินอาหารดังนี้
- ปลา มื้อละ 4 ช้อนกินข้าว
อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
- ตับ มื้อละ 4 ช้อนกินข้าว สัปดาห์ละ
2-3 ครั้ง
- ไข่วันละ 1 ฟอง กินผัก มื้อละ 2
ทัพพี
- ผลไม้ มื้อละ 2 ส่วน
- นมสดรสจืด ดื่มทุกวัน วันละ 2-3 แก้ว (แก้วขนาด 200 ซีซี)
อาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรเน้นเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
- โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไข่
นมและผลิตภัณฑ์นม
-
ธาตุเหล็กเพื่อใช้สร้างเม็ดเลือดและโฟเลทในการป้องกันความผิดปกติปากแหว่งเพดานโหว่
ซึ่งพบในเครื่องในสัตว์ ผักสีเขียวเข้ม ไข่แดง เป็นต้น
-
แคลเซียมและฟอสฟอรัสในการสร้างกระดูกและฟันจาก นม ปลาเล็กปลาน้อย
เต้าหู้แข็ง ธัญพืช และ ผักเขียวเข้ม
- กินอาหารที่เป็นแหล่งไอโอดีน เช่น
อาหารทะเล
หรือปรุงประกอบอาหารด้วยเครื่องปรุงที่มีการเสริมไอโอดีนที่ช่วยในการพัฒนาระบบประสาทและการเจริญเติบโตของเซลล์สมองให้สมบูรณ์
- ดื่มน้ำสะอาด วันละ 10 แก้ว
- เลือกกินอาหารที่สด สะอาด ปลอดภัย
ปรุงสุกใหม่ๆ
เพราะพลังงานและสารอาหารที่มีคุณค่าอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญต่อลูกเมื่อทารกคลอดออกมาในช่วงระยะ
6 เดือนแรก
- อาหารสร้างน้ำนม ได้แก่ หัวปลี ใบกระเพรา ฟักทอง เมล็ดขนุนต้ม พริกไทย ขิง มะรุม ใบแมงลัก กุยช่าย ตำลึง มะละกอ พุทรา
อาหารเสริม / ยาที่เพิ่มเติมจากแพทย์ผดุงครรภ์
- ไตรเฟอร์ดีน ซึ่งประกอบด้วยไอโอดีน ธาตุเหล็ก และกรดโฟลิกทุกวัน วันละ 1 เม็ด ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด 6 เดือน ตามที่โรงพยาบาลหรือสถานบริการจ่ายให้ เพื่อการเจริญเติบโตของสมองและร่างกายของลูก
อาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารที่มีไขมันมาก
-
ขนมหวานและเครื่องดื่มที่มีรสหวานจัด
- อาหารรสจัด
ทั้งนี้
คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจครรภ์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
และ นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารให้ครบถ้วน
เพราะทารกจะได้รับนมแม่เป็นอาหารหลักการเจริญเติบโตของทารกจะขึ้นอยู่กับปริมาณและคุณภาพของน้ำนม
ในระยะนี้แม่จึงจำเป็นต้องกินอาหารให้ได้รับสารอาหารให้เพียงพอเหมาะสมและหลากหลาย
เพื่อใช้สร้างน้ำนมสำหรับลูกให้ได้ปริมาณที่เพียงพอและได้คุณภาพ
คุณกำลังดู: อาหาร “บำรุงครรภ์” ของคุณแม่ เตรียมพร้อมตั้งแต่เริ่มตั้งท้อง
หมวดหมู่: สุขภาพ