ย้อนอดีต ขุดกระดูกคุณอาตราดาว MERCEDES-BENZ W123 (C123 COUPE)

ย้อนตำนานตราดาวคูเป้สุดคลาสสิก MERCEDES-BENZ W123 (C123 COUPE) ความงามที่ผ่านกาลเวลามานานกว่า 45 ปี

ย้อนอดีต ขุดกระดูกคุณอาตราดาว MERCEDES-BENZ W123 (C123 COUPE)

ย้อนกลับไปในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ฝั่งยุโรปเผยให้เห็นถึงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งเปิดตัวตั้งแต่ผมยังทำงานเป็นดีเจที่ The Palace วันนี้เรามาเริ่มกันที่ Mercedes-Benz W123 Model Coupe C123 การขุดกระดูกของคุณอาแสนดีที่เคยโลดแล่นอยู่บนถนนของกรุงเทพฯ ในช่วงปี พ.ศ. 2528

ทำไมต้อง C123 รถอื่นมีเยอะถมไป? ใช่ครับคุณอาจคิดแบบนั้นเมื่อผมหยิบเอาของโบราณหายากมานำเสนอ แถมปัจจุบัน เจ้าของเดิมที่ครอบครองยังต้องรบกับสนิมและระบบระบายความร้อนกับระบบแอร์อายุ 40 ปีอีกต่างหาก!อย่างแรกคือ Mercedes W123 ลืมตาดูโลกในปี พ.ศ. 2519 และขายลากยาวทั่วโลกนานสิบปี จนมาถึงปลายอายุโมเดลเอาในปี 2529 ด้วยตัวเลขยอดขายทั้งหมดทุกตัวถัง ทั้งซีดานสี่ประตู คูเป้สองประตู และสเตชั่นแวกอนห้าประตู รวมทั้งสิ้นมากถึง 2.7 ล้านคัน นั่นโคตรเยอะเลยละครับ

C123 ได้รับการยอมรับจากสื่อมวลชนและลูกค้าอย่างกว้างขวาง ทำให้มันครองตำแหน่ง รถที่ดีที่สุดในรอบ 48 ปีที่ผ่านมาของนิตยสาร What Car ประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมันสื่อให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและทรหดอดทน การเลือกคบหากับ C123 Coupe หมายถึงการครอบครองบางสิ่งที่ค่อนข้างพิเศษสำหรับคุณสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ นั่นคือสิ่งที่รถเบนซ์รุ่นนี้มีให้คุณ Mercedes-Benz C123 ไม่เคยทรยศหักหลังหรือปล่อยให้คุณต้องกินข้าวลิงกลางทาง (หากคุณดูแลมันดีพอ)

ตอนนี้ วัยรุ่นที่กำลังหลงใหลได้ปลื้มกับรถยนต์ไฟฟ้า อาจกำลังคิดว่า "C123 คือรถอะไรของมันวะ" อย่างที่เรารู้กัน มันไม่ใช่ดาวดวงใหม่ที่เพิ่งจะถูกค้นพบในจักรวาลของเรา แต่เป็นดาวฤกษ์แห่งโลกยานยนต์ที่ส่องประกายเจิดจรัสมานานกว่า 40 ปีแล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นคำมั่นสัญญาระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ตราดาวในยุคนั้นก็คือ คุณจะได้รถเบนซ์ที่สง่างามและทันสมัย (ในปี 2525) ทุกวันนี้ บนถนนในกรุงเทพมหานคร คุณอาจพบเห็น C123 สภาพดี วิ่งฉิวยังกับรถใหม่ป้ายแดง ทั้งๆ ที่มันต้องผ่านเรื่องราวโหดๆ เมื่อต้องเจอกับสภาพอากาศของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อนที่ถือว่าทารุณกับรถเก่าคลาสสิกเอาเรื่องเลยทีเดียว

W123 และ C123 ในยุคดนตรีดิสโก้เป็นใหญ่ เทียบเท่ากับ E-Class W214 ในปัจจุบัน แต่เนื่องจากชื่อ E-Class นั้นไม่มีอยู่ในตอนนั้น W123 จึงเป็นชื่อสามัญ ที่แปรผันมาจากรหัสรุ่นของ Mercedes นี่คือรถยนต์ที่ฉายแววความสมบูรณ์แบบทางวิศวกรรมของ Mercedes ในยุคเก่า แท้จริงแล้ว รูปทรงของมัน ได้รับการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบหลายๆ คนว่าเป็น 'งานดีไซน์ที่เหนือชั้น' ในฐานะที่เป็นรถยนต์ยอดนิยมของคนมีเงินในยุคนั้น แต่ในเยอรมัน W123 ซาลูน ทำหน้าที่รับส่งผู้โดยสารในรูปแบบของรถแท็กซี่ ความทนทานของมันดูได้จากตัวเลขการใช้งานเฉียดๆ 1 ล้านกิโลเมตร! โดยมีการซ่อมบำรุงเพียงเล็กน้อยเพื่อให้มันอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน นี่เป็นช่วงเวลาการใช้งานที่ยาวนานมากเราเคยยกตำแหน่งเบอร์หนึ่งเรื่องของความทนทานนานปีให้กับรถแท็กซี่ของ Toyota และไม่ต้องสงสัยเลยว่า W123 ก็เป็นรถที่โคตรทนเช่นเดียวกัน

ชื่อเสียงของ W123 นั้นเป็นมากกว่าแท็กซี่สำหรับวันทำงานในเยอรมัน ในประเทศไทยและทั่วโลก W123 เป็นที่ต้องการสูง นำเข้ามาเมื่อไหร่ก็หมดเมื่อนั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวถังอะไรก็ขายได้หมด จากความสง่างามที่ลงตัว โดยเฉพาะรุ่นคูเป้ คุณภาพงานประกอบ วัสดุภายในและการใช้งานที่หลากหลาย กลายเป็นมาตรฐานของ Mercedes ในปัจจุบัน นั่นหมายความว่าเจ้า W123 ยังสามารถครองใจป๊อปสตาร์ชื่อก้องโลก อย่าง จอห์น เลนนอน และบอนนี่ ไทเลอร์ เช่นเดียวกับนักฟุตบอลชั้นนำของโลกในยุค 1970-1980 นั่นก็คือ ไกเซอร์ ฟรานซ์ หรือ ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ และอดีตกองหน้าตัวทำประตูของหงษ์แดงอย่าง เควิน คีแกน ก็ยังเก็บมันไว้ในโรงรถด้วยความชื่นชม

เอกสิทธิ์ของการครอบครอง Mercedes-Benz 280CE C123 ไม่สามารถบรรลุโสดาบันได้เหมือนกับการเป็นเจ้าของ Rolls Royce Ghost หรือ Ferrari 328 GTB รถรุ่นคูเป้ในรหัสตัวถัง C123 น่าจะได้รับรางวัล Car of the Year จากการเน้นย้ำถึงความคุ้มค่าและคุณภาพโดย Mercedes ในขณะที่ราคารถเก่าคลาสสิกยี่ห้ออื่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ราคาของ Mercedes-Benz C123 Coupe ค่อนข้างคงที่ การเลือกรถสภาพดี (ถ้ายังพอมี) คุณจะได้คุณภาพของวัสดุ งานออกแบบที่น่าชื่นชม และฝีมือการผลิตที่ไม่มีใครเทียบได้ ปัจจุบัน Mercedes-Benz 280CE กลายเป็นรถที่สามารถเข้าถึงได้ หากคุณมีเงินมากพอ (ในการดูแลรักษาสภาพ) ค่าตัวอาจเริ่มต้นที่สามแสนปลายๆ ไปจนถึงสองล้านกับความครบพร้อมตัวเลขไมล์ที่วิ่งมาน้อยมากๆ และด้วยศักดิ์ศรีของ Mercedes มันยังคงเป็นรถที่ดูดีจนถึงทุกวันนี้

Mercedes-Benz 280CE C123 มาพร้อมกับห้องโดยสารขนาดใหญ่ และมีสี่ที่นั่ง การเข้าออกจากเบาะผู้โดยสารตอนหลังใช้วิธีพับเบาะหน้าแล้วเลื่อนเอาด้วยระบบอัตโนมือ ดังนั้นจึงใช้งานได้จริงและมีความทนทาน มันยังมาพร้อมคุณสมบัติเด่นบางประการ เช่น เบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสาร กระปุกเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ (ไม่ใช่แค่เครื่องปรับอากาศ) และแม้แต่ระบบทำความร้อนอัตโนมัติ เพื่อเปิดเครื่องทำความร้อนโดยที่เครื่องยนต์ไม่ทำงาน ดังนั้นในฤดูหนาว (ที่ประเทศไทยไม่เคยมี) เจ้าของ Mercedes 280CE จะรู้สึกอุ่นสบายเมื่อเปิดประตูเข้าไปนั่ง นี่คือความสบายในช่วงปลายทศวรรษที่ 70 และต้นยุค 80 โปรดจำไว้ว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเพราะเชื้อเพลิงกำลังขาดแคลนอย่างหนักและมีราคาแพง วัยรุ่นกับกางเกงขาบาน และวอลเปเปอร์สีน้ำตาลกับนาฬิกาแขวนผนังที่ดูไปนานๆ แล้วทำให้เวียนหัวหรือตาลาย

Mercedes-Benz 280CE ขับดีด้วยการบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ อาการโคลงตัวมีไม่มาก จากแชสซีที่แข็งแรงและช่วงล่างที่เซตมาดี ความทนทานและการจัดการที่เป็นระเบียบของ W123 ช่วยให้รถรุ่นนี้ชนะการแข่งขันแรลลี่ ลอนดอน-ซิดนีย์ ในปี 1977 (W123 ที่เข้าเส้นชัยในอันดับที่สอง) ช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกคู่ Double wishbone ช่วงล่างหลัง Trailing arm ระบบบังคับเลี้ยว Hydraulic Steering ล้ออัลลอย 6J x 14" ยาง 195/70 R14 C123 280CE รุ่นดั้งเดิมปี พ.ศ. 2520 นำชีวิตที่ผ่อนคลายเมื่ออยู่ในมือของนักสะสม เมื่อเปิดหน้าต่างทั้งสี่บานและซันรูฟไฟฟ้า มันเกือบจะกลายเป็นรถเปิดประทุน แต่ไม่มีเสียงลม เสียงยางและการรั่วไหลของยางขอบประตู สไตล์ Uber นี้มีแนวหลังคาที่ต่ำกว่า W123 รุ่นสี่ประตู และหายากมากในสภาพที่สมบูรณ์ มันมีเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 กระบอกสูบ ความจุ 2.8 ลิตร ที่น่าพอใจ ซึ่งสตาร์ตและวิ่งได้ดีโดยไม่มีควันหรือเสียงรบกวนหลังจากต้องจ่ายอย่างหนักหน่วงในชั้นตอนของการบูรณะ การส่งกำลังจากเครื่องยนต์สู่เกียร์แข็งแกร่งและราบรื่น ผ่านเกียร์อัตโนมัติซึ่งทำให้เป็น GT ระยะไกลหรือครุยเซอร์ซึ่งใช้ในเมืองได้ดี

คูเป้ที่น่าดึงดูดใจในซีรีส์รุ่น C123 เสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ W123 ของ Mercedes-Benz ในปี พ.ศ. 2520 รถรุ่นคูเป้สองประตู เปิดตัวต่อจาก W123 saloons หนึ่งปี และมุ่งเป้าหมายการครองตลาดไปที่ผู้ที่ชื่นชอบยานยนต์เยอรมันที่ให้ความสำคัญกับความสง่างามในรูปแบบสปอร์ตคูเป้ C123 Coupe เตี้ยลง 4 ซม. และสั้นกว่า W123 8.5 ซม. จากนั้นมีการปรับเปลี่ยนแนวด้านข้างของตัวถัง ด้วยกระจกด้านหน้าและด้านหลังที่มีความลาดเอียงและโค้งมากขึ้น บวกกับบานประตูขนาดใหญ่เต็มที่ ซึ่งไม่ได้คั่นด้วยเสากลางหรือเสา B เหมือนรถคูเป้ทั่วไป ผลลัพธ์ที่ได้คือช่วงบานประตูที่ยาวและดูมีชีวิตชีวา ผู้โดยสารตอนหลังมีทัศนวิสัยที่ดีโดยไม่ถูกขัดขวางด้วยแนวของเสากลาง

รายละเอียดตัวถังบางส่วน สอดคล้องกับการออกแบบที่เหนือกว่าใน W123 รุ่น 280 และ 280E โดยทั้งสามรุ่นมีไฟหน้าแบบบรอดแบนด์ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กระจังหน้ามีช่องอากาศแบบโครเมียม ที่ด้านหน้าของกระจกบังลมและขอบโครเมียมที่ใต้โคมไฟด้านหลัง เมื่อถูกปรับโฉมในเดือนกันยายน พ.ศ. 2525 กระจังหน้าช่องอากาศถูกปรับเปลี่ยนเป็นสีดำ แชสซีมีการคำนึงถึงในด้านความปลอดภัยที่ส่งผลให้รถมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น โครงสร้างหลังคาที่แข็งขึ้น เสาหลังคาที่มีความแข็งแรงสูง ภายในบานประตูมีการเสริมคานเหล็กกันยุบตัว การดูดซับพลังงานของโซนปะทะด้านหน้าและด้านหลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผ่านความสามารถในการเปลี่ยนรูปที่ควบคุมได้ของส่วนหน้าและส่วนหลัง ทั้งหมดเกิดขึ้นจากการพัฒนาในสภาวะทดสอบการชนปะทะด้วยมุมและความเร็วที่แตกต่างกัน มิติตัวถัง มีขนาดความยาว 4,640 มิลลิเมตร กว้าง 1,786 มิลลิเมตร สูง 1,395 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,710 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,488 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,446 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,375 กิโลกรัม ความจุถังเชื้อเพลิง 65 ลิตร

นวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่เพิ่มเติมเข้ามาในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2523 เมื่อระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน W123 และ C123 (ABS ได้รับการแนะนำเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยแบบแรกๆ ของโลกโดย Mercedes-Benz เปิดตัวอุปกรณ์ดังกล่าวใน S-Class W116) และตั้งแต่มกราคม ปี พ.ศ. 2525 อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมตามมาในรูปแบบของถุงลมนิรภัยด้านคนขับ

เครื่องยนต์ในรุ่น 230C เป็นเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ ความจุ 2.3 ลิตร กำลัง 109 แรงม้า ส่วน 280C และ 280CE วางเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบ ความจุ 2.8 ลิตร กำลัง 156-177 แรงม้า สอดคล้องกับหน่วยกำลังที่ใช้ในรถเก๋งขนาดกลางของแบรนด์ตราดาว

ตามโบรชัวร์อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2526 สำหรับ 230CE และ 280CE รูปทรงของรถ Mercedes coupé แสดงถึงความสง่างามแบบสปอร์ตเหนือกาลเวลา เส้นตัวถังที่ไหลลื่นดึงดูดสายตา และยังผสานเข้ากับรูปลักษณ์โดยรวมของรถ ด้วยความกลมกลืน จากความพยายามอย่างสูงสุดของนักออกแบบและวิศวกร การผลิต C123 coupés สิ้นสุดลงในเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ. 2528 (1985) หลังจากผ่านไปแปดปีด้วยยอดจำหน่ายรวม 99,884 คัน รุ่นที่หายากที่สุดคือ 280C ซึ่งมีการผลิตเพียงแค่ 3,704 คัน.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

คุณกำลังดู: ย้อนอดีต ขุดกระดูกคุณอาตราดาว MERCEDES-BENZ W123 (C123 COUPE)

หมวดหมู่: รีวิวรถใหม่

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด