ย้อนอดีตนักเลงสูบหมุน ขุดเครื่องยนต์โรตารี่ MAZDA 100TH ANNIVERSARY

ฉลองครบ 100 ปี แบรนด์ Zoom Zoom ย้อนตำนานเครื่องยนต์ลูกสูบสามเหลี่ยมสุดแรง จุดกำเนิดและจุดสิ้นสุดของเครื่องยนต์โรตารี่จาก Mazda 100th Anniversary

ย้อนอดีตนักเลงสูบหมุน ขุดเครื่องยนต์โรตารี่ MAZDA 100TH ANNIVERSARY

การไหลผ่านของเวลาที่ล่วงเลยมาอย่างยาวนานของ Mazda ผ่านเส้นทางที่มีทั้งความสวยงามและขวากหนาม เคยโซเซล้มลุกคลุกคลานจากการประกอบธุรกิจผลิตรถยนต์ ที่มีทั้งขายดีและขายไม่ออก ก่อนที่จะกลับมาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยี Skyactiv ความสำเร็จของ Mazda ตลอดระยะเวลา 100 ปี กลายเป็นบทพิสูจน์บนเส้นทางของโลกยนตรกรรม การพัฒนายานยนต์ไปพร้อมกับการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า คืองานประจำที่มีความยากลำบาก และมีต้นทุนสูง ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน Mazda ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง ด้วยก้าวย่างที่มั่นคง สร้างพื้นฐานจากอดีตสู่อนาคตไว้อย่างแข็งแกร่ง เป็นบทสรุปแห่งความสำเร็จมานานกว่า 70 ปี ของ Mazda ในประเทศไทย และ 100 ปี ในเวทีอุตสาหกรรมยานยนต์โลก

Mazda Motor Corporation ก่อตั้งโดย จูจิโร่ มัตซึดะ ผู้นำด้านอุตสาหกรรมจักรกล ในระหว่างการปฏิวัติอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น จากการเริ่มต้นทำอุตสาหกรรมจุกไม้คอร์กในปี พ.ศ. 2463 และต่อมา ได้เริ่มผลิตเครื่องมือกลไกในปี พ.ศ. 2472 และด้วยความที่เป็นคนที่สนใจในเทคโนโลยีของรถมอเตอร์ไซค์ ทำให้ต่อมา มัตซึดะ ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมการผลิตรถจักรยานยนต์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2474 ก็ได้เริ่มผลิตรถบรรทุกสามล้อที่เรียกว่า Mazda Ko ถือเป็นรถคันแรกที่ผลิตออกสู่ตลาดในนาม Mazda ต่อมาจึงได้เริ่มผลิตเครื่องยนต์ 2 จังหวะเป็นรายแรกของโลก

Mazda เป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่ผลิตเครื่องยนต์สูบหมุนโรตารี่ สำหรับประเทศไทย ในอดีต ชื่อของ Mazda เป็นที่รู้จักกันในนามของ บริษัท กมลสุโกศล จำกัด ซึ่งประกาศตัวอย่างเป็นทางการในการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากยุโรปในปี พ.ศ. 2503 พร้อมกับดำเนินธุรกิจอีกหลายแขนงที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในการดูแลของกมลสุโกศล ซึ่งกลายเป็นธุรกิจที่เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่ความก้าวหน้าและการเจริญเติบโต มิได้ถูกหยุดยั้งลงเพียงแค่นั้น เมื่อ ม.ร.ว.ลาภ หัสดินทร ได้แนะนำให้ทดลองนำรถยนต์ Mazda จากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาจำหน่าย โดย Mazda รุ่นแรกที่จำหน่ายในประเทศไทยเป็นรถกระบะสามล้อ ที่นำเข้าโดยตรงจากเมืองฮิโรชิมา และอีก 9 ปีต่อมาก็ได้แนะนำรถ Mazda Coupe R360 รถขนาด 360 ซี.ซี. 2 สูบ ออกสู่สายตาประชาชนในปี พ.ศ. 2506 และได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก

จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้ Mazda Motor Corporation บริษัท โตโยโกเมนก้า ไคซ่า จำกัด และบริษัท กมลสุโกศล จำกัด ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท สุโกศลมาสด้า อุตสาหกรรมรถยนต์ จำกัด ขึ้นที่การนิคมอุตสาหกรรมบางชันในปี พ.ศ. 2517 เพื่อประกอบรถยนต์ Mazda หลังจากนั้น 1 ปีให้หลัง ในปี พ.ศ. 2518 รถยนต์ Mazda ที่ออกจากสายพานการผลิตในประเทศไทยเป็นคันแรก คือ Mazda 929 จากนั้นไม่นานก็มี Mazda 808 ตามออกมาในปีเดียวกัน ล่วงเลยมาถึง 2 ปี Mazda แนะนำรถยนต์ขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมมากรุ่นหนึ่งตามออกมาอีก นั่นคือ Mazda 323

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2538 Mazda ได้ตกลงร่วมทุนกับพันธมิตรก่อตั้ง บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตและประกอบรถยนต์แห่งใหม่ที่จังหวัดระยอง และเริ่มทำการผลิตเต็มอัตราในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2540 บนเนื้อที่ 529 ไร่ ด้วยเงินลงทุนถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีกำลังการผลิต 135,000 คันต่อปี และผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน รุ่น B2500 สำหรับส่งออก และจำหน่ายภายในประเทศ รวมถึงรถยนต์นั่งรุ่น 323 โปรทีเจด้วย โรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต ISO 9002 และได้รับรางวัลมากมาย ทั้งในประเทศ และสหราชอาณาจักร ในด้านคุณภาพรถยนต์ ซึ่งตัวโรงงานได้รับการออกแบบให้ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด ขณะเดียวกันก็ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมน้อยที่สุดตามนโยบายทางด้านสิ่งแวดล้อมของ Mazda มาถึงปี พ.ศ. 2542 ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย Mazda Motor Corporation ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น โดยถือหุ้นใหญ่ในบริษัท จัดตั้งคณะผู้บริหารใหม่ และเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เป็น Mazda Sales Thailand โดยมุ่งการบริหารไปที่ด้านการตลาด และการขาย การบริการลูกค้า และการสนับสนุนผู้แทนจำหน่ายเพื่อนำเสนอรถยนต์ Mazda รุ่นต่างๆ มากยิ่งขึ้น

ปรัชญาและความหมายของ Mazda ปี พ.ศ. 2545 Mazda กับแนวคิดใหม่ ฉีกแนวการตลาดด้วย แนวคิด Zoom Zoom อันเป็นแนวคิดที่สะท้อนภาพลักษณ์ของ Mazda ทั่วโลกที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ที่มีความเป็นรถสปอร์ต ให้ความเร้าใจในการควบคุม ด้วยอารมณ์ของความสนุกหลังพวงมาลัย จากช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวที่ตอบสนองการขับขี่ที่ได้อรรถรส คำว่า Zoom Zoom เป็นคำที่เด็กๆ ชาวตะวันตกใช้แทนเสียงของเครื่องยนต์ และจะเปล่งเสียง Zoom Zoom ทุกครั้งที่เล่น หรือทำกิจกรรมเกี่ยวกับความเร็ว จึงเป็นตัวจุดประกายให้นำความรู้สึกสนุกสนาน เร้าใจ และความมีอิสรเสรีในวัยเด็กมาใช้ในการพัฒนาและผลิตรถยนต์ ที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกสนุกสนาน เร้าใจ เช่นเดียวกับที่คุณเคยรู้สึกในวัยเด็ก

Mazda ไม่ได้เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เจ้าแรกที่คิดค้นเครื่องยนต์สูบหมุนประสิทธิภาพสูงหรือที่เรียกกันว่าเครื่องโรตารี่ อันที่จริง เครื่องโรตารี่เกิดจากความคิดของ Felix Wankle ซึ่งเป็นวิศวกรเยอรมันในยุคที่นาซีกำลังรุ่งเรือง Mazda นำเอาแบบแปลนของเครื่องยนต์โรตารี่มาพัฒนาต่อยอด โดยผลิตเครื่องยนต์สูบหมุนมาแล้ว 18 รุ่น เริ่มจาก Mazda 110S Cosmo Sport ในปี 1967 และมาถึงจุดสูงสุดในยุค 70′ เครื่องยนต์สูบหมุนถูกวางลงในรถยนต์หลายรุ่น รวมถึงรถกระบะและรถบัสบางรุ่นของ Mazda ก็ยังใช้เครื่องยนต์โรตารี่เพื่อรีดสมรรถนะ

ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 50 ปีก่อน ในช่วงที่เครื่องยนต์ลูกสูบสามเหลี่ยมเริ่มเป็นที่รู้จักและกำลังเฟื่องฟู เครื่องยนต์โรตารี่สูบหมุนที่ไม่มีเพลาข้อเหวี่ยง เคยได้รับความนิยมและกลายเป็นที่แพร่หลาย จากงานวิศวกรรมต้นกำลังที่มีขนาดเล็กแต่ให้กำลังมากกว่าเครื่องยนต์ทั่วไป เป็นแนวคิดที่แปลกแยกของ Mazda แต่ประสบความสำเร็จด้วยประสิทธิภาพในด้านแรงบิด ขนาดและน้ำหนัก ข้อดีของเครื่องยนต์ชนิดนี้ก็คือน้ำหนักที่เบา ขนาดที่เล็กกะทัดรัดเหมาะกับการวางในรถสปอร์ตไซส์เล็ก โรตารี่ให้กำลังในรูปของแรงบิดเหนือชั้นกว่าเครื่องยนต์ทั่วไปเมื่อเทียบกับขนาด ปริมาตรความจุและน้ำหนักของตัวเครื่อง ส่วนข้อเสียก็มีอยู่เพียบทั้งปัญหาเรื่องความร้อนในห้องเครื่องยนต์ การสึกหรอที่สูงกว่าเครื่องสูบเรียง รวมถึงมลพิษที่ปล่อยออกมา!

เครื่องยนต์สูบหมุนหรือเครื่องยนต์โรตารี่แบบ 4 โรเตอร์ของ Mazda เมื่อกว่า 20 ปีที่ผ่านมา สร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตโลก ด้วยการคว้าแชมป์โลกในรายการแข่งรถระยะไกล LeMans ด้วยรถ Mazda 787B เครื่องยนต์โรตารี่ 4 โรเตอร์ รหัส R26B ความจุ 2.6 ลิตร (2,616 cc) เป็นเครื่องยนต์แบบ naturally aspirated หายใจเองโดยไม่มีระบบอัดอากาศ เป็นอนุพันธ์จักรกลรถแข่งเอนดูลานซ์สมรรถนะสูงรุ่น 787B เป็นรถแข่งในประเภทกรุ๊ป C ถูกสร้างขึ้นโดยทีมแข่งของ Mazda สำหรับใช้ในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระยะไกล ในรายการสปอร์ตเวิลด์แชมเปียนชิพของประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นรถแข่งคันนี้ได้ถูกปรับแต่งอย่างดี และส่งลงทำการแข่งขันในรายการแข่งรถแบบ 24 ชั่วโมง หรือ Le Mans ประจำฤดูกาล 1990-1991 รถแข่ง Mazda 787B ซึ่งมีน้ำหนักรวมทั้งคันแค่ 830 กิโลกรัม วางเครื่องยนต์โรตารี่ที่ให้กำลังถึง 700 แรงม้า กับแรงบิด 610 นิวตันเมตร

Mazda RX-7(SA22C) - (FB3S) 1978-1985 เจนเนอเรชั่นแรกของปิศาจสูบหมุน RX-7 FB ถูกผลิตในปี ค.ศ. 1978-1985 โดยแบ่งออกเป็นรุ่นแยกย่อย 3 รุ่นตามระดับของการตกแต่งและราคาค่าตัว สำหรับผู้คนทั่วไปในยุคนั้น รถยนต์ Mazda และอักษรย่อ RX นั้นเป็นของคู่กันในยุคที่รถยนต์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังมีการขับขี่ที่ไม่ค่อยดีนัก Mazda เริ่มต้นสายการผลิตรถยนต์ในตระกูล RX โดยเริ่มจาก R100 หรือ RX-1 ในปี ค.ศ. 1968 ตามด้วย RX-2 ในปี ค.ศ. 1970 จนมาถึงปี ค.ศ. 1975 หน้าตาของ RX-7 รุ่นแรกได้รับอิทธิพลมาจาก Porsche 924 ไฟหน้าแบบป๊อปอัพ ฝากระโปรงหน้าลาดต่ำ แนวหลังคาเทลาดลงไปยังส่วนท้ายคล้ายรูปทรงของรถสปอร์ต Porsche 924 ภายในใช้เบาะกำมะหยี่พร้อมตำแหน่งท่านั่งของคนขับที่เตี้ยติดพื้น พวงมาลัยไวนิล 3 ก้าน คันเกียร์วางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและคันเบรกมือที่โด่ขึ้นมามากเกินไป

เครื่องยนต์สูบหมุนโรตารี่ รหัส 12A Twin Rotor 573 cc X 2 กำลัง 128 แรงม้า แรงบิด 161 นิวตัน-เมตร ระบบส่งกำลังวางเกียร์ธรรมดาแบบ 5 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนระบบรองรับ ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม ระบบบังคับเลี้ยวเป็นพวงมาลัยแรคแอนพีเนียนไม่มีเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงหมุน เครื่องยนต์โรตารี่รอบจัดจิ้ดมีเสียงการทำงานที่เร้าใจคล้ายฝูงผึ้งที่กำลังโกรธ มิติตัวถังยาว 4,285 มิลลิเมตร กว้าง 1,675 มิลลิเมตรและสูงแค่ 1,260 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถทั้งคันแค่ 1,005 กิโลกรัม สมรรถนะ เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 8.7 วินาที ในยุคนั้นถือว่าเร็วมาก ส่วนความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 193 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Mazda RX-7 FC3S 1985-1991 นี่คือร่างทรงของ Porsche 944 จากรูปลักษณ์ที่มีความคล้ายคลึงกันมาก Mazda RX-7 FC เปิดผ้าคลุมในปี ค.ศ. 1985 แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการปรับปรุงประสิทธิภาพของรถสปอร์ตประจำค่าย RX-7 FC มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากระบบรองรับหรือช่วงล่างด้านหลังที่เคยเป็นแบบคานแข็งหรือทอร์ชั่นบีมมาเป็นแบบอิสระมัลติลิ้งค์ เครื่องยนต์โรตารี่ รหัส 13B ปรับระบบจ่ายเชื้อเพลิงจากคาร์บูเรเตอร์ที่จูนยากมาเป็นหัวฉีดที่มีการทำงานแม่นยำขึ้นมาก เครื่องยนต์ในล็อกแรกมีทั้งแบบ NA และ Turbo ลูกค้าส่วนใหญ่นิยมเลือกรุ่นเทอร์โบเนื่องจากมีประสิทธิภาพด้านแรงบิดที่เหนือกว่า ห้องโดยสารยังคงใช้เบาะผ้าแบบกำมะหยี่พร้อมตำแหน่งท่านั่งเตี้ยต่ำติดพื้นราวกับนั่งอยู่บนพื้นถนน!! เบรกมือยังคงตั้งโด่งเหมือนเดิม คอนโซลดูดีขึ้นจากการปรับปรุง

เครื่องยนต์ 13B Twin Rotor 654cc x 2 กำลัง 146 แรงม้า พร้อมแรงบิด 187 นิวตัน-เมตร ระบบส่งกำลังยังใช้เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ช่วงล่างด้านหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริงโช้คอัพและกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Semi-traling arm ผลของการปรับระบบรองรับด้านหลัง รวมถึงการเปลี่ยนมาเป็นพวงมาลัยพาวเวอร์ ทำให้ Mazda RX-7 FC มีความกระฉับกระเฉงเพิ่มขึ้น การเข้าโค้งที่เฉียบคมและความสนุกของการลากรอบส่งผลให้ RX-7 FC ถูกนำมาแต่งเป็นรถแข่งพอสมควรโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มิติตัวถังของ Mazda RX-7 FC ยาว 4,310 มิลลิเมตร กว้าง 1,690 มิลลิเมตรและสูง 1,270 มิลลิเมตร น้ำหนักรถทั้งคัน 1,360 กิโลกรัม เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 8.5 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Mazda RX-7 FD3S 1992-2002 ผีโรตารี่ลำต่อไปคือ RX-7 รหัส FD หลังจากเปิดตัวในปี 1992 FD ได้รับความนิยมสูงสุดทันทีที่วางขาย ถือเป็นรถสปอร์ตเครื่องโรตารี่ของค่าย Zoom Zoom ที่สวยงามและดุดัน พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งมากมายจากหลายสำนักให้เลือกโมว่าจะเอาแบบพอหอมปากหอมคอหรือจะจัดแบบโหดโคตรแรงก็มีให้ตามกำลังเงินของลูกค้าแต่ละคน โครงสร้างที่เบาขึ้นส่งผลให้รถรุ่นนี้ขับได้ดีกว่า RX-7 ทุกรุ่นในสารบบ ไฟหน้าของ FD ยังคงเป็นไฟแบบป๊อปอัพ สปอยเลอร์มีช่องรับอากาศที่ใหญ่ขึ้น รูปทรงด้านข้างไหลลื่น บั้นท้ายติดตั้งวิงหลังมาจากโรงงานกับไฟท้ายที่สวยงาม หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมา 26 ปี Mazda RX-7 FD ถือเป็นงานออกแบบรถสปอร์ตที่ลงตัวและดูดีจนถึงวันนี้ งานตกแต่งภายในห้องโดยสารถูกปรับเปลี่ยนใหม่หมดเพื่อให้มีความทันสมัยน่าใช้น่าขับมากยิ่งขึ้น มาตรวัดแบบสปอร์ตที่เร้าใจคล้ายรถยุโรปพลังสูง พวงมาลัย 3 ก้าน คันเกียร์สั้นกุดและเอกลักษณ์ของคันเบรกมือที่ยังคงโด่ขึ้นมาเหมือนเดิม Cockpit ของ FD ให้อารมณ์รถแข่งจากเบาะนั่งที่จมลึกและกระชับ เบาะหนังให้ความรู้สึกมั่นคงมากกว่าเบาะแบบกำมะหยี่ การบังคับควบคุมแม่นยำและแน่นอนขึ้นจากช่วงล่างแบบปีกนกคู่กับพวงมาลัยพาวเวอร์ที่จูนน้ำหนักมาดีเยี่ยม ส่วนการตอบสนองของเครื่อง Twin Rotor 13B จะมีอาการรอรอบ ในช่วงออกตัว เมื่อเทอร์โบบูสติดมันจะกระชากร่างพุ่งลิ่วๆ ไปข้างหน้าอย่างไม่ลดราวาศอก ระบบอัดอากาศแบบ Twin Sequencial Turbo ทำให้ FD เป็นรถโรตารี่ที่เร็วสุดๆ หากมีถนนที่ว่างพอ การลากรอบไปจนถึง 8500 รอบต่อนาทีสร้างความประทับใจแบบไม่รู้ลืมให้กับคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย

เครื่องยนต์ของ RX-7 FD วางเครื่องสูบหมุนเอกลักษณ์ที่ยากจะลอกเลียนแบบด้านความแรง อัตราสิ้นเปลืองและความร้อนที่ตามมาด้วยการสึกหรอแบบมโหฬาร ยิ่งอัดหนักเท่าไรก็จะยิ่งพังไวเท่านั้น เครื่อง 13B REW Twin Rotor 654 cc x 2 กำลัง 252 แรงม้าจากโรงงาน กระชากกันจนหน้าหงาย แรงบิดจัดอย่างโหด 300 นิวตัน-เมตร ที่ 5,000 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบรองรับหน้า-หลังแบบปีกนกคู่ดับเบิ้ลวิชโบน นำไปปรับปรุงเพิ่มเติมให้หนึบขึ้นได้ง่ายกว่า RX-7 ทุกรุ่น มิติตัวรถ มีความยาว 4,295 มิลลิเมตร กว้าง 1,760 มิลลิเมตร สูง 1,230 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,310 กิโลกรัม เบากว่า RX-7 FC เล็กน้อย ตัวเลขสมรรถนะของ Mazda RX-7 FD เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 251 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Mazda RX-8 2002 ประตูข้างแบบตู้กับข้าวคือความกล้าหาญของทีมออกแบบ Mazda ใน RX-8 รุ่นสุดท้ายของปิศาจโรตารี่ก่อนที่จะหายลับเข้ากลีบเมฆ ทรวดทรงองค์เอวมีความร่วมสมัยมาจนถึงทุกวันนี้ รวมถึงเครื่องยนต์สูบหมุนแบบหายใจเองโดยไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศทำให้มันคว้ารางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมไปครอง เป็น RX ที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่ได้บ้าพลังจนเอาไม่อยู่แต่คนที่ชอบรถแรงๆ อาจทำหน้าเบื่อๆ จากเครื่อง NA หายใจเองที่มีม้าแค่ 231 ตัว รูปลักษณ์ไม่โหดเท่า RX-7 FD แต่เป็น Mazda ยุคใหม่ที่มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ประตู Suicide ที่ชาญฉลาดพร้อมเบาะหลังแบบนั่งโดยสารได้จริงไม่ใช่แค่ที่นั่งของหมาชิวาวา ไฟท้ายพลาสติกใสแจ๋วกับเลนส์ไฟท้ายสวยๆ ที่ยังคงทันสมัยมาจนถึงทุกวันนี้ ห้องโดยสารของ RX-8 เชื่อมโยงเอกลักษณ์ของ Mazda ยุคใหม่ให้เข้ากับงานออกแบบภายในที่เต็มไปด้วยรายละเอียดด้านอารมณ์ มาตรวัดทรงกระบอกสามวงซ้อนกันอย่างสวยงาม พวงมาลัย 3 ก้านมีสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นมาให้ คอนโซลกลางดูดีกว่ารถสปอร์ตญี่ปุ่นในยุคนั้นแบบเทียบกันไม่ติด คันเกียร์สั้นกุดพร้อมคันเบรกมือโด่งโจ้งเหมือนรถรุ่นพี่ เบาะแบบสปอร์ตของ Recaro นั่งสบายขับได้ทั้งวัน เบาะสูงขึ้นทำให้มองเห็นได้ดีกว่า RX-7 รุ่นอื่น

เครื่องยนต์ของ Mazda RX-8 เป็นเครื่องสูบหมุนรหัส 13B Renesis Twin Rotor 654 cc x 2 Multi Side Port แบบไม่มีระบบอัดอากาศ กำลัง 231 แรงม้า ที่ 8,200 รอบต่อนาที จัดจ้านเกินบรรยาย ส่วนแรงบิดมีพอได้เล่นสนุกนิดๆ ที่ 210 นิวตัน-เมตร ระบบส่งกำลังจัดเกียร์ธรรมดา 6 สปีดสำหรับขาแรงที่ชอบสับเกียร์เล่นโดยมีรุ่นเกียร์ออโต 6 สปีดสำหรับคนที่ชอบความสบาย ช่วงล่างหน้าแบบปีกนกคู่ดับเบิ้ลวิชโบน ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิ้งค์ มิติตัวถัง ยาว 4,470 มิลลิเมตร กว้าง 1,770 มิลลิเมตร สูง 1,340 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถทั้งคันอยู่ที่ 1,429 กิโลกรัม สมรรถนะ เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 234 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เครื่องยนต์โรตารี่ถูกออกแบบให้มีรอบการทำงานที่จัดจ้านมากกว่าเครื่องยนต์สูบเรียงหรือสูบนอน เครื่องสูบหมุนของ Mazda บางรุ่นมีรอบเครื่องเกิน 10,000 รอบต่อนาที ทำให้เกิดความร้อนแพร่กระจายสะสมในห้องเครื่องยนต์ จากการหมุนด้วยความเร็วสูงของโรเตอร์ ส่งผลให้ประเกน สายไฟและอุปกรณ์ชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวในเครื่องยนต์ เช่น สูบโรเตอร์แบบสามเหลี่ยม การเสื่อมสภาพสึกหรอจากที่สูบต้องหมุนในรอบที่รอบสูงมาก ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์โรตารี่ยังมีราคาแพง และมีต้นทุนในการผลิตสูงกว่าเครื่องยนต์สูบเรียง ช่างที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญกับการซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ชนิดนี้มีน้อย ความนิยมชมชอบจึงค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ เหลือเพียงนักเลงรถกลุ่มเล็กๆ ที่ยังมั่นคงกับเครื่องโรตารี่โดยพยายามรักษาสภาพปรับปรุงตกแต่งและบูรณะให้รถและเครื่องยนต์อยู่ในสภาพที่วิ่งใช้งานได้แต่ก็เหลืออยู่น้อยเต็มทน.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

คุณกำลังดู: ย้อนอดีตนักเลงสูบหมุน ขุดเครื่องยนต์โรตารี่ MAZDA 100TH ANNIVERSARY

หมวดหมู่: รีวิวรถใหม่

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด