15 สัญญาณ คุณอาจเป็น "แม่ท้องคนใหม่"
ผ่านมา 2-3 สัปดาห์หลังกุ๊กกิ๊กกับคุณสามี ตอนนี้ก็เลยอยากรู้แทบตายว่า “เจ้าเบบี๋จะมามั้ยน้า?”
ผ่านมา 2-3 สัปดาห์หลังกุ๊กกิ๊กกับคุณสามี ตอนนี้ก็เลยอยากรู้แทบตายว่า "เจ้าเบบี๋จะมามั้ยน้า?" กว่าจะใช้อุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์ หรือไปหาคุณหมอได้ก็ต้องรอจนกว่าประจำเดือนจะมาช้าไปสัก 5-10 วันโน่น
ระหว่างที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารอ ลองสังเกตตัวเองไปพลางๆ ก่อนดีไหม? มีสัญญาณ 15 สัญญาณคุณอาจเป็นแม่ท้องคนใหม่ มาลองดูกันเลย!
15 สัญญาณคุณอาจเป็น "แม่ท้องคนใหม่"
1.
ลมหายใจติดขัด
หมู่นี้คุณต้องหอบหายใจเมื่อก้าวขึ้นบันไดรึเปล่า?
นี่อาจไม่ใช่เพราะร้างลาจากฟิตเนสเท่านั้นนะ
ตัวอ่อนในครรภ์ต้องการออกซิเจน
ร่างกายของคุณจึงต้องพยายามหายใจเอาอากาศเข้าไปให้มากขึ้น ปกติแล้ว
อาการหายใจขัดมักเริ่มต้นในช่วงไตรมาสสอง
แต่คุณแม่บางคนก็อาจเริ่มหอบเหนื่อยได้ตั้งแต่ช่วงแรก
แย่หน่อยที่อาการนี้จะต่อเนื่องไปตลอด 9 เดือนของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายที่มดลูกขยายใหญ่จะเบียดพื้นที่ในช่องอก จะยิ่งรู้สึกอึดอัด (เอาน่า พอลูกเลื่อนลงไปอยู่ใกล้ปากมดลูกช่วงก่อนคลอด อาการจะทุเลาไปเอง)
2.
เจ็บหน้าอก
อาการคัดตึงเต้านมเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการตั้งครรภ์
ผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกได้ว่ามีอาการคัดตึงเต้านม
หรือรู้สึกเจ็บเล็กน้อยบริเวณหัวนม ตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์แรก ตลอด 9
เดือน หน้าอกของคุณจะค่อยๆ ใหญ่ขึ้นและหนักขึ้นไปตามอายุครรภ์
หน้าอกอาจนุ่มขึ้น, วงปานนมมีสีเข้มขึ้น
หรือเห็นเส้นเลือดดำบริเวณเต้านมได้ชัดเจน
3.
อ่อนเพลีย
ทั้งที่มีหนังสือนิยายสืบสวนเล่มใหม่อยู่ในมือ แต่อ่านไปได้ 4-5
หน้าก็ต้องปิดไฟเข้านอนเสียแล้ว
ความอ่อนเพลียนี้เป็นผลจากระดับฮอร์โมน
และจะต่อเนื่องไปจนหมดไตรมาสที่หนึ่ง
กว่าจะทุเลาก็เมื่อเข้าไตรมาสที่สองแล้วนั่นแหละ
ระหว่างนี้ก็รีบเข้านอนเร็วๆ, กินอาหารที่มีธาตุเหล็ก, โปรตีน
และดื่มน้ำให้มากขึ้น แต่ต้องเลี่ยงชากาแฟ และขนมหวาน (ให้พลังงานจริง
แต่เป็นพลังงานระยะสั้นที่มีน้ำตาลสูง)
4.
คลื่นไส้อาเจียน
อาการคลื่นไส้อาเจียนมักเริ่มต้นในสัปดาห์ที่หกหลังการปฏิสนธิ
แต่คุณแม่บางคนก็อาจอออกอาการตั้งแต่ช่วงแรก สาวๆ
ส่วนใหญ่รู้สึกคลื่นไส้ในตอนเช้า แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่โชคร้ายหน่อย
เพราะต้องวิ่งเข้าห้องน้ำไปอาเจียนทั้งเช้า-กลางวัน-เย็น
(อ่านเทคนิคบรรเทาอาการแพ้ท้องจากคุณแม่ผู้อ่านเรียลพาเร้นติ้ง
ได้ในคอลัมน์ Pregnancy Mom to Mom ฉบับนี้ค่ะ)
5.
ปัสสาวะบ่อย
ง่วงแทบลืมตาไม่ขึ้น แต่ก็ต้องลุกไปห้องน้ำกลางดึกอยู่บ่อยๆ
นี่อาจเป็นสัญญาณการตั้งครรภ์
เพราะร่างกายของแม่ตั้งครรภ์จะผลิตเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ มากขึ้น
ไตจึงต้องขับของเสียมากขึ้น
ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะรองรับของเหลวมากขึ้นตามไปด้วย
6.
ปวดศีรษะ
อาการปวดศีรษะเป็นอาการที่พบได้บ่อยขณะตั้งครรภ์รองจากอาการคลื่นไส้อาเจียน
ตัวการหลักก็ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตามเคย
แต่คุณแม่บางท่านที่มีอาการไมเกรนหรือไซนัสอยู่ก่อนแล้ว
อาการอาจยิ่งรุนแรงขึ้นได้
คุณแม่อาจกินยาแก้ปวดพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการได้
แต่ก็ควรดูแลร่างกายด้วยการกินอาหารและพักผ่อนให้เพียงพอ
ปรับสภาพแวดล้อม (คุณแม่ที่มีอาการปวดศีรษะหลายคนบอกว่า แสงจ้าๆ
จะยิ่งกระตุ้นให้รู้สึกปวด หากคุณมีอาการเช่นนี้
ก็ควรเอาม่านหน้าต่างลง หรือปิดไฟบางดวงไปบ้าง)
และผ่อนคลายจิตใจด้วย
7.
ปวดหลัง
ถ้าแผ่นหลังส่วนล่างรู้สึกเจ็บ
นี่อาจเป็นเพราะเส้นเอ็นบริเวณนั้นเริ่มคลายตัวเพื่อรองรับสรีระที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง
อาการปวดหลังนี้จะทวีขึ้นขณะที่น้ำหนักตัวของคุณค่อยๆ เพิ่มขึ้น
พักผ่อนให้มาก และเริ่มต้นบริหารกล้ามเนื้อแผ่นหลังเสียแต่วันนี้
8.
อยากอาหาร/เบื่ออาหาร
โหยของเปรี้ยวๆ ที่ช่วยแก้อาการคลื่นไส้ได้ชะงัด
แต่ดันเอียนปลานึ่งของโปรดเสียอย่างนั้น ผลการวิจัยชี้ว่า
คุณแม่ตั้งครรภ์กว่าร้อยละ 90 จะอยากกินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นพิเศษ
(คุณแม่ฝรั่งส่วนใหญ่จะโหยไอศครีม
ขณะที่คุณแม่ชาวเอเซียชื่นชอบผลไม้มากกว่า) ตรงกันข้าม คุณแม่ร้อยละ
50-85 จะเกิดอาการเกลียดอาหารบางชนิด
9.
ท้องผูก/ตัวบวม
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วยังใส่ยีนส์ตัวเก่งได้อยู่เลย
ไหงอาทิตย์นี้ยัดไม่เข้า?
ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอาจไปกระตุ้นให้กระบวนการย่อยอาหารและขับถ่ายทำงานช้าลง
พาให้ท้องผูกและตัวบวมอย่างนี้แหละ ลองดื่มน้ำให้มากขึ้น
และกินอาหารที่มีกากไย หรือกินอาหารที่ช่วยระบาย เช่น กล้วยน้ำว้า
ดูนะ
10.
อารมณ์เหวี่ยง
แค่คุณสามีถอดถุงเท้าวางเกะกะก็ทำให้อารมณ์จี๊ดได้แล้ว
ช่วงนี้เป็นบ่อยจนชักรำคาญตัวเอง
สาเหตุก็คือฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอีกนั่นแหละ
จะว่าไปก็เป็นอาการปกติช่วงก่อนมีประจำเดือน
แต่แม่ท้องจะอารมณ์เหวี่ยงนานกว่า และดูรุนแรงกว่า
11.
อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น
ปกติแล้ว ก่อนมีประจำเดือน 2 สัปดาห์
อุณหภูมิร่างกายของผู้หญิงมักจะสูงขึ้นเล็กน้อย
แต่ถ้าผ่านช่วงที่ประจำเดือนน่าจะมาไปแล้ว (และประจำเดือนไม่มา)
และอุณหภูมิร่างกายยังสูงเท่าเดิม ก็อาจแปลว่าคุณกำลังจะมีข่าวดี
12.
จมูกไว
ผลจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้คุณกลายเป็นคนจมูกไว
ได้กลิ่นอะไรก็พานเหม็นจนอยากอาเจียนไปเสียหมด
ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นจากถังขยะ (ทีนี้คุณสามีก็ต้องเป็นคนหิ้วไปทิ้งละ),
กลิ่นกาแฟถ้วยโปรด, หรือแม้แต่น้ำหอมที่เคยชอบ.
13.
หน้ามืดเป็นลม
ปริมาณน้ำตาลหรือความดันโลหิตที่ลดลง
อาจส่งผลให้คุณรู้สึกหน้ามืดตาลายได้
อย่าลืมกินอาหารและดื่มน้ำให้เพียงพอด้วยนะ
14.
เลือดไหล
ถ้าเป็นเลือดใสๆ ที่ไหลออกมาช่วง 2-3
วันก่อนถึงวันที่ประจำเดือนควรจะมา
อาจเป็นเลือดที่เกิดระหว่างที่ตัวอ่อนฝังตัวบนผนังมดลูก
แบบนี้ก็ไม่ใช่ประจำเดือนหรอกนะ
15.
ประจำเดือนมาช้า
ถ้าประจำเดือนมาช้ามากกว่า 10 วัน
ก็ไปซื้อเครื่องตรวจการตั้งครรภ์มาลองตรวจดูได้แล้วละ
ทั้ง 15 ข้อนี้เป็นเพียงสัญญาณบ่งชี้เท่านั้น อาการผิดปกติบางชนิด เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือตั้งครรภ์ไข่ลม ก็มีลักษณะต่างๆ คล้ายกับการตั้งครรภ์ปกติ แต่การตั้งครรภ์ผิดปกติดังกล่าว ทารกจะไม่สามารถเจริญเติบโตได้ ซ้ำยังเป็นอันตรายต่อตัวคุณแม่ ดังนั้น คุณแม่ที่สงสัยว่าตัวเองกำลังจะมีเจ้าเบบี๋ ควรไปตรวจครรภ์กับสูติแพทย์เพื่อให้ได้ผลที่ชัดเจน และเตรียมตัวฝากครรภ์เสียแต่เนิ่นๆ ทันทีที่รู้ว่าตัวตั้งครรภ์ จะปลอดภัยที่สุดค่ะ
คุณกำลังดู: 15 สัญญาณ คุณอาจเป็น "แม่ท้องคนใหม่"
หมวดหมู่: ผู้หญิง