จริงหรือไม่ “กาแฟ” อันตรายต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ-ความดันสูง-กระเพาะอาหาร-เบาหวาน
คาเฟอีนในกาแฟ จะส่งผลอันตรายต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ ความดันโลหิต กระเพาะอาหาร และเบาหวานหรือไม่
คาเฟอีนในกาแฟ จะส่งผลอันตรายต่อหัวใจ ความดันโลหิต กระเพาะอาหาร และเบาหวานของผู้ป่วยที่มีโลกเหล่านี้เป็นโรคประจำตัวอยู่แล้วหรือไม่
กาแฟ vs โรคหัวใจ
นพ.เบญจ์ องควานิช อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลตำรวจ ระบุว่า คาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟสามารถรบกวนการทำงานของโรคหัวใจได้จริง แต่จากงานวิจัยหลายชิ้นทั่วโลกพบว่า การกินกาแฟไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคหัวใจแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจขาดเลือด หัวใจขาดเลือด หัวใจล้มเหลว รวมไปถึงไม่ได้เป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคเหล่านี้อีกด้วย
อย่างไร แม้ว่าผู้ป่วยโรคหัวใจจะยังสามารถดื่มกาแฟได้ แต่ควรควบคุมปริมาณในการดื่มที่เหมาะสม
กาแฟ vs ความดันโลหิตสูง
การดื่มกาแฟ ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นได้จริง เพราะการดื่มกาแฟอาจเข้าไปเพิ่มการหลั่งฮอร์โมน Catecholamines, Adrenaline, Epinephrine ในร่างกายที่ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงขึ้นได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละคนเป็นทุนเดิมด้วย บางคนดื่มกาแฟแล้วระดับฮอร์โมนอาจไม่สูงขึ้น หรือบางคนอาจสูงขึ้นได้
ดังนั้นอาจจะไม่ได้ห้ามผู้ป่วยความดันโลหิตสูงดื่มกาแฟ แต่ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป ไม่ดื่มก่อนไปออกแรง ใช้งานร่างกายหนักๆ เช่น ไปออกกำลังกาย ไปทำงานบ้านหนักๆ
กาแฟ vs กระเพาะอาหาร
กาแฟ มีฤทธิ์ที่อาจจะเข้าไปกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารได้จริง แต่มีงานวิจัยหนึ่งที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหารว่า ในบรรดาโรคที่เกิดขึ้นที่กระเพาะอาหาร และในระบบทางเดินอาหาร เช่น กระเพาะอาหารอักเสบ แผลในกระเพาะอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร ปวดท้องจากโรคกระเพาะอาหาร และโรคกรดไหลย้อน คาเฟอีนในกาแฟไม่ได้เป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงหรือความรุนแรงให้กับโรคเหล่านี้เลย
ดังนั้น แพทย์ลงความเห็นว่า ผู้ป่วยกลุ่มกระเพาะอาหารและระบบทางเดินอาหารต่างๆ สามารถดื่ม
ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการของกระเพาะอาหารค่อนข้างเด่นชัด เช่น เพิ่งมีอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือเป็นแผลในกระเพาะอาหาร แพทย์อาจพิจารณาให้งดการดื่มกาแฟไปก่อนได้
กาแฟ vs เบาหวาน
กาแฟ สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างน้ำตาลเพิ่ม เพราะมันไปสร้างการหลั่งฮอร์โมนกระตุ้น สำหรับผู้ป่วยที่ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายได้ดีมาโดยตลอด ก็พอจะดื่มกาแฟเป็นครั้งคราวได้ แต่แนะนำให้ดื่มเป็นครั้งคราว ไม่ดื่มบ่อยจนเกินไป และไม่ผสมน้ำตาล และครีมเยอะจนเกินไป
กาแฟ vs ขาดวิตามินบี 1
หากถึงขั้นที่ร่างกายอยู่ในภาวะขาดวิตามินบี 1 แล้ว ก็ควรหยุดดื่มกาแฟไปก่อน เพราะกาแฟอาจเข้าไปลดการดูดซึมของวิตามินบี 1 ได้ ร่างกายก็จะดูดซึมวิตามินบี 1 ได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้วิตามินบี 1 ที่เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ ถูกขับออกทางปัสสาวะมากขึ้น วิตามินบีในเลือดก็จะลดลง
ดื่มกาแฟอย่างไร ไม่ให้ทำลายสุขภาพ
- อย่าดื่มมากเกินไป ไม่ดื่มกาแฟมากกว่าวันละ 300 มิลลิกรัม หรือราวๆ 3 แก้ว
- อย่าใส่ครีมเทียม หรือน้ำตาลมากเกินไป เพราะทำให้กาแฟเหล่านั้นมีคาร์โบไฮเดรต ไขมัน ทำให้ปริมาณคอเลสเตอรอลเพิ่มสูงขึ้น ไตรกลีเซอไรด์ก็สูงขึ้น
ใครอยากลดการดื่มกาแฟ ควรค่อยๆ ลดลงทีละเล็กละน้อย การหักดิบหรือหยุดไปเฉยๆ อาจส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงจากการหยุดคาเฟอีนกะทันหันได้ เช่น อาการปวดศีรษะ
- 9 ประโยชน์ของ "กาแฟ" และวิธีดื่มให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ
- 8 วิธี ดื่ม “กาแฟ” อย่างไรให้ได้ประโยชน์ ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย
คุณกำลังดู: จริงหรือไม่ “กาแฟ” อันตรายต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ-ความดันสูง-กระเพาะอาหาร-เบาหวาน
หมวดหมู่: สุขภาพ