How to รีวิวชีวิตหลังผ่านไป 1 ปี เขียนยังไงดี เขียนแล้วได้อะไร

How to รีวิวชีวิตหลังผ่านไป 1 ปี เขียนยังไงดี เขียนแล้วได้อะไร

ปี 2566 กำลังจะผ่านพ้นไปในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ตลอดกว่าสามร้อยวันเศษที่ผ่านมา เราพบว่ามีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตของเราตั้งมากมาย ทั้งเรื่องที่น่ายินและเรื่องไม่น่าอภิรมย์ สำหรับเรื่องดี ๆ เชื่อว่าใคร ๆ ก็คงจะหาวิธีเก็บบันทึกเหตุการณ์นั้นไว้เป็นความทรงจำที่แสนล้ำค่า แต่กับเรื่องที่ไม่ดี หลายคนอาจจะยังสองจิตสองใจอยู่ แม้ว่าใจหนึ่งจะอยากทำเป็นลืม ๆ มันไปซะ แล้วรอเริ่มต้นใหม่นับ 1 ใหม่เมื่อเข้าศักราชใหม่ ทว่าใจหนึ่งก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะลืมกันได้ง่าย ๆ ในเมื่อจิตสำนึกลึก ๆ ยังไม่ลืม ก็จดจำไว้ในฐานะบทเรียนสำหรับเตือนตัวเองเพื่อไม่ให้กลับไปเดินซ้ำความผิดพลาดเดิมดีกว่าไหม หรือเพื่อแชร์เป็นวิทยาทาน เตือนใจไม่ให้คนอื่นหาทำในสิ่งที่พอจะเห็นเค้าลางแล้วว่ามันจะจบยังไง

การเขียนรีวิวชีวิตของตนเองในรอบปีที่ผ่านมาอาจมีใครหลายคนทำมาตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีโซเชียลมีเดีย โดยทำไว้ในลักษณะของบันทึกเรื่องราวของตนเองเก็บไว้อ่านเตือนใจคนเดียว แต่เทรนด์การเขียนรีวิวชีวิตในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เริ่มเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น เมื่อผู้คนใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียในการ “บันทึก” เหตุการณ์ชีวิต และ “แชร์” เรื่องราวที่บันทึกไว้ให้กับเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เป็นเพื่อนหรือติดตามกันอยู่ บางคนก็แค่อยากจะใช้พื้นที่โซเชียลมีเดียของตนเองในการบันทึกไว้เพื่อให้มันขึ้นแจ้งเตือนในปีต่อ ๆ ไป และบางคนก็อยากจะส่งต่อบทเรียนชีวิตของตัวเองให้กับคนอื่น ๆ ได้จดจำไว้เป็นกรณีศึกษา หรือเป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นเรื่องไม่ดีทุกอย่างไปให้ได้แบบตัวเอง

เราจะเขียนรีวิวชีวิตไปเพื่ออะไร

ระยะเวลา 1 ปี หรือเวลากว่า 365 (366) วัน ชีวิตของเราทุกคนมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายหรือดี และแน่นอนว่าแต่ละเรื่องล้วนมีผลกับ “ความรู้สึก” ของเราแตกต่างกันไป เรื่องดีทำให้เกิดความรู้สึกสมหวัง ดีใจ ประทับใจ เรื่องร้ายทำให้เกิดความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ ล้มเหลว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกสมหวังหรือผิดหวัง มันก็คือ “เรื่องราว” ที่เราก้าวข้ามผ่านมันมาแล้วทั้งนั้น แม้ว่าครั้งหนึ่งมันอาจจะทุลักทุเลไปบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันจะกลายเป็นความภาคภูมิใจที่เราสามารถผ่านมันมาได้โดยที่ยังสู้อยู่และไม่ยอมแพ้ไปเสียก่อน

ประสบการณ์ของการได้สัมผัสเรื่องราวดี ๆ ว่าน่าจดจำแล้ว แต่ประสบการณ์ในการก้าวข้ามอุปสรรคหนักหนาจนกลับมายิ้มได้อีกครั้งนั้นมันสวยงามมากกว่า (ถ้าจะให้กลับไปก้าวข้ามมันอีกครั้งก็ขอส่ายหัว) หลายคนจึงอยากจะบันทึกเรื่องราวเหล่านี้ไว้เพื่อขอบคุณตัวเอง เพื่อภาคภูมิใจในตัวเองที่เก่งมาก เพื่อเป็นบทเรียนเตือนใจตัวเองถึงความผิดพลาดที่จะไม่กลับไปพลาดซ้ำ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจเผื่อในวันข้างหน้าที่อาจมีอุปสรรคอื่น ๆ เข้ามาท้าทายอีก ตอนนั้นฉันยังผ่านมาแล้ว ครั้งนี้หรือครั้งต่อ ๆ ไป ฉันก็จะผ่านมันไปได้ในที่สุดเช่นกัน และเพื่อเก็บไว้ทบทวนตัวตนของตัวเอง ว่าเคยเดินเส้นทางผิดถูกอย่างไรมาบ้างกว่าจะเติบโตมาถึงจุดนี้

หรือในอีกกรณี รีวิวชีวิตของเราสามารถเป็นบทเรียนหรืออุทาหรณ์ที่ช่วยย้ำเตือนให้คนอื่น ๆ ที่ผ่านเข้ามาอ่านมีสติและระมัดระวังการใช้ชีวิตของตนเองได้เช่นกัน คนเหล่านั้นอาจไม่จำเป็นต้องลองไปเสี่ยงประสบกับเรื่องราวแย่ ๆ ด้วยตนเองเองเพื่อให้ได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง แต่การอ่านเรื่องราวของคนอื่นก็ทำให้เกิดการฉุกคิดและเรียกสติได้เหมือนกัน ดังนั้น ในมุมหนึ่งที่บางคนเขียนรีวิวชีวิตตัวเองโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย ก็เพราะอยากส่งต่อบทเรียนและกำลังใจให้คนอีกมากมายที่กำลังสู้ชีวิตในแบบของตัวเอง สิ่งได้เรียนรู้ว่าต้องอดทนอีกนิด แล้วมันจะผ่านไป

อยากเขียนรีวิวชีวิต จะเขียนอย่างไรดี

“ชีวิตปีนี้ดี๊ดี ดีที่ยังไม่ตาย!” เป็นอันจบการรีวิวชีวิตในรอบปีของใครหลายคนแบบสั้น ๆ ตามโจทย์ที่ได้รับว่า “จงรีวิวชีวิตที่ผ่านมาในปีนี้ของตัวเองด้วย 1 ประโยค” จริง ๆ การเขียนรีวิวชีวิตนั้นไม่ได้มีอะไรตายตัว จะประมวลผลชีวิตตลอดทั้ง 1 ปีมาสรุปจบสั้น ๆ ใน 1 ประโยคก็ได้ ก็เป็นอะไรที่ฮาดี แต่ส่วนใหญ่คนที่ต้องการจะรีวิวชีวิตที่ผ่านมาในรอบ 1 ปีของตัวเองจริง ๆ มักมีเรื่องราวที่อยากจะบอกกับคนอ่าน (ที่อาจมีแค่เราคนเดียว) มากกว่านี้ เพราะระยะเวลา 1 ปี มันก็นานพอที่จะผ่านทั้งทุกข์และสุขผสมปนเปกันไป มีอะไรตั้งหลายอย่างที่อยากจะบันทึกเก็บไว้เตือนใจ ว่าครั้งหนึ่งชีวิตฉันเคยผ่านอะไรพวกนี้มาด้วยแหละ หากกลับมาเปิดอ่านอีกครั้ง ก็เหมือนได้กลับไปสู่ห้วงเวลาในบันทึก

แล้วถ้าอยากจะเริ่มต้นเขียนรีวิวชีวิตของตัวเองในปี 2566 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ล่ะ จะเริ่มต้นอย่างไรดี ก่อนอื่นต้องเลือกก่อนว่าจะเขียนด้วยวิธีไหน เพราะหลายปีที่ผ่านมานี้ จะเห็นว่าหลาย ๆ คนชอบเขียนรีวิวของตัวเองโพสต์ลงหน้าโซเชียลมีเดียหลากหลายแพลตฟอร์ม อย่างการโพสต์ในเฟซบุ๊ก เมื่อถึงวันครบรอบ ก็จะมีแจ้งเตือนขึ้นมาให้เราได้กลับไปทบทวนตัวเองในแต่ละปี ก่อนที่จะเริ่มเขียนของใหม่ จะเปิดเป็นสาธารณะให้เพื่อน ๆ หรือคนที่ผ่านไปผ่านมาได้อ่านด้วย หรือจะเปิด only me ไว้อ่านคนเดียวก็ได้ตามสะดวก ส่วนในอินสตาแกรม ลักษณะของแพลตฟอร์มจะเป็นเหมือนอัลบั้มที่บันทึกเรื่องราวส่วนตัวอยู่แล้ว หรือถ้าใครสะดวกเขียนด้วยลายมือใส่สมุดก็ตามสะดวก

  • เริ่มต้นจากสิ่งที่ตัวเองทำสำเร็จหรือเรื่องที่เป็นความภาคภูมิใจในรอบปี

เปิดบันทึกมาก็ควรจะเปิดด้วยเรื่องดี ๆ ที่เราทำเพื่อตัวเองได้สำเร็จก่อน เพราะมันเป็นเรื่องที่อ่านแล้วเติมเต็มหัวใจได้ เป็นทั้งกำลังใจและแรงบันดาลใจให้สู้ต่อได้ อีกอย่าง ดูเหมือนว่าการประสบความสำเร็จมันจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับหลาย ๆ คน ต้องฟันฝ่าอุปสรรคทั้งภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ และอุปสรรคภายในจิตใจของตัวเองที่อาจไม่แน่วแน่เด็ดขาดพอ โดยเฉพาะในเรื่องของ New Year’s Resolutions หรือปณิธานปีใหม่ ที่อาจตั้งเป้าเอาไว้เสียดิบดี แต่ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะทำมันไม่สำเร็จ หลายเรื่องล้มเหลวไปตั้งแต่ต้นปี ลองนึก ๆ ดูว่ามีเรื่องไหนบ้างที่เราทำได้สำเร็จและภาคภูมิใจมาก โดยอาจแจกแจงเป็นข้อ ๆ พร้อมทั้งโน้ตไว้ด้วยว่าทำงานหนักแค่ไหนถึงสำเร็จ

  • มีสิ่งไหนบ้างที่ไปไม่ถึงฝั่งฝัน และปัญหาคืออะไร

มีเรื่องที่ประสบความสำเร็จแล้ว ต่อมาก็คือเรื่องที่ไม่ประสบความสำเร็จ จากเป้าหมายที่เราตั้งไว้ในปีนี้ มีข้อไหนบ้างที่ทำไม่ได้หรือยังไม่ได้ แล้วทำไมถึงทำไม่สำเร็จ หรือทำไมถึงยังไม่ได้เริ่มทำ การเขียนในข้อนี้จะช่วยให้เราได้ทบทวนตัวเองในรอบปีที่ผ่านมาว่าอะไรที่เราผิดพลาด อะไรที่เราไม่ได้ตั้งใจทำมันมากพอ ปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน อุปสรรคคืออะไร เราบกพร่องอะไร การมองย้อนกลับไปถึงปัญหาอาจช่วยให้เรามองเห็นสาเหตุของการเกิดปัญหา ที่จริง ๆ แล้วเราอาจหลีกเลี่ยงได้ก็ได้ แต่ในเมื่อมันผ่านไปแล้วก็ต้องยอมรับ แล้วเรียนรู้จากมันว่าต้องรู้จักระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิม จากนั้นลองตั้งเป้าหมายอีกครั้งว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อให้สิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จได้ในที่สุด

  • แล้วเรื่องที่รู้สึกว่าล้มเหลวจนใจพังล่ะ มีอะไรบ้าง

มันอาจจะคาบเกี่ยวกันนิดหน่อยกับเรื่องที่ยังไปไม่ถึงฝั่งฝันกับสิ่งที่รู้สึกว่าล้มเหลว แต่สำหรับหลาย ๆ คน การทำตามเป้าหมายที่วางไว้บางข้อไม่สำเร็จ ก็ไม่ได้ถึงขั้นรู้สึกล้มเหลวอะไรขนาดนั้นก็ได้ แค่ทำไม่สำเร็จ แล้วก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร แต่สิ่งที่เรารู้สึกว่าเราล้มเหลว มันจะนำไปสู่ความรู้สึกผิดหวัง สิ้นหวัง หดหู่ ท้อแท้ และอาจเคยมีน้ำตาให้กับมันมาแล้ว เพราะฉะนั้น แยกมันออกมาเป็นอีกข้อจะดีกว่า ว่าอะไรที่เรารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ทำใจเราพังมากที่สุดในปีนี้ ในเวลานั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน เรามีปฏิกิริยาอะไรกับมัน ที่สำคัญก็คือ เราผ่านเรื่องยาก ๆ แบบนั้นมาอย่างไร ลำบากแค่ไหน การชี้วัดความลำบาก จะช่วยให้เราพยายามพาตัวเองออกมาจากตรงนั้น เพราะไม่อยากกลับไปเจ็บปวดอีก

  • ฉันมีจุดแข็ง-จุดอ่อนอย่างไร

ข้อนี้คือการทบทวนเพื่อเช็กว่าเรารู้จักตัวเองดีแค่ไหน ลองลิสต์ดูว่าที่ผ่านมาตัวเรามีจุดแข็งอย่างไร มีประโยชน์อะไรบ้างเวลาที่จะก้าวข้ามเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ มา แล้วจุดอ่อนล่ะ มันคือสิ่งที่เราต้องพยายามปรับปรุงหรือเปล่า จุดอ่อนนี้ยิ่งทำให้เราย่ำแย่ลงกว่าเดิมไหมตอนที่เผชิญหน้ากับล้มเหลว ถ้าใช่ ต้องพยายามกำจัดจุดอ่อนนั้นซะ!

  • สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ใน 1 ปีที่ผ่านมา

เห็นทั้งสิ่งที่ประสบความสำเร็จ เห็นทั้งสิ่งที่ล้มเหลว เห็นทั้งจุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเอง เห็นทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นแบบนี้แล้ว ลองประมวลผลออกมาว่าแล้วเราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลใน 1 ปี สิ่งที่เราประมวลผลออกมาได้ จะกลายเป็นบทเรียนให้เราจำใส่ใจไว้ว่าจะไม่กลับไปผิดพลาดแบบที่เคยเป็นมาอีกแล้ว และเพื่อให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติมากขึ้น ไม่ประมาท และระมัดระวัง รู้ทันความคิดและความรู้สึกของตัวเอง บทเรียนที่เราสกัดได้ด้วยตัวเองนี้ จะช่วยย้ำเตือนตัวเราเองได้ดีที่สุด ว่าจะไม่พาตัวเองกลับไปที่จุดเดิมอีก

  • ผ่านมาแล้วให้มันแล้วไป เริ่มต้นตั้งเป้าหมายใหม่ในปีหน้า ฉันจะทำอะไรบ้าง

ไม่มีประโยชน์ที่จะจมอยู่กับความรู้สึกผิดหรือความล้มเหลว และหลายคนมักใช้โอกาสในการขึ้นศักราชใหม่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่อยู่แล้ว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรเขียนรีวิวชีวิตในรอบปีของตัวเองก่อนที่จะหมดปี เพื่อจะได้ทิ้งสิ่งที่ผิดหวังทุกอย่างไว้ในรีวิวนี้เท่านั้น จากนั้นก็ตั้งเป้าหมายใหม่ที่จะพยายามทำให้สำเร็จในปีหน้าขึ้นมาว่าอยากได้อะไร อยากให้ตัวเองเป็นคนแบบไหน ไม่อยากเห็นตัวเองเสียใจกับเรื่องอะไรอีก และเมื่อได้ยินเสียงพลุ สัญลักษณ์ของการก้าวข้ามพ้นปีเก่าไปเข้าสู่ปีใหม่ จะได้เริ่มต้นเต็มที่กับสิ่งใหม่ได้เลย

  • สิ่งที่อยากจะโฟกัสกับชีวิตตัวเองให้มากขึ้น

สุดท้ายนี้ คือการทิ้งข้อเสนอแนะไว้ว่าตัวเองควรต้องโฟกัสอะไรให้มากขึ้น เป็นการเน้นย้ำว่าฉันจะรักตัวเองให้มากขึ้น และจะไม่ปล่อยให้ตัวเองหลงทางไปไกลแบบที่เคยเป็น จะทุ่มเทใช้ชีวิตเพื่อตัวเองให้มากที่สุด เพื่อให้ปีหน้า ฉันได้เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ปังกว่าเดิม ร้องไห้น้อยลงกว่าเดิม และยิ้มให้ตัวเองได้มากขึ้นกว่าเดิม

คุณกำลังดู: How to รีวิวชีวิตหลังผ่านไป 1 ปี เขียนยังไงดี เขียนแล้วได้อะไร

หมวดหมู่: ผู้หญิง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด