ความรักมันซับซ้อน 13 คำศัพท์ที่ใช้เรียกความสัมพันธ์ยุคใหม่
โลกนี้มีความสัมพันธ์มากมายหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่าคนที่อยู่ในความสัมพันธ์นั้น ๆ จะนิยามมันออกมาอย่างไร ถึงอย่างนั้น ก็ไม่คาดคิดว่าความรักความสัมพันธ์ของมนุษย์ยุค 2023 จะซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากถึงเพียงนี้ เพราะมีคำศัพท์มากมายที่ใช้อธิบายความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคำที่ใช้อธิบายถึงเงื่อนไขในการออกเดตต่าง ๆ ที่ถ้าไปได้ยินจากที่อื่นมาก็คงจะไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร จนกว่าจะมาเจออภิธานศัพท์ในบทความนี้
เพราะการจะบอกว่าตัวเองโสด กำลังคบกับใครสักคน หรือกำลังค้นหาความสัมพันธ์ ดูจะง่ายเกินไปในปี 2023 มันค่อนข้างมีรายละเอียดที่ซับซ้อนในการแสวงหาความสัมพันธ์ที่โรแมนติก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคที่อิทธิพลของโซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชันหาคู่ได้เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมของคนและภาษาของเราในการออกเดต ความหลากหลายของพฤติกรรมต่าง ๆ ในความสัมพันธ์ต้องถูกนิยามออกมาใหม่เพื่อให้คนอื่น ๆ เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่ามันมีอะไรแบบนี้อยู่บนโลกจริง ๆ เว็บไซต์ The New York Times ได้รวบรวมนิยามของคำหรือวลียอดนิยมเหล่านี้ไว้ และนี่คือบางส่วนที่คุณควรรู้
Breadcrumbing
ชื่อเรียกความสัมพันธ์แบบ “หว่านเศษขนมปังให้กิน” เกิดขึ้นเมื่อคุณเริ่มที่จะเรียนรู้ใครสักคน ซึ่งเขาคนนั้นก็เป็นคนที่มีแนวโน้มว่าจะโรแมนติกกับคุณแบบนี้สม่ำเสมอ คุณปล่อยให้ความสัมพันธ์นี้ดำเนินต่อไปเพื่อหวังว่าสักวันมันจะพัฒนาไปสู่การเริ่มต้นคบหาเป็นคู่รัก อย่างไรก็ตาม เขาคนนั้นกลับพยายามกั๊กคุณไว้ เต๊าะไปเรื่อย ๆ ไม่ได้กระตือรือร้นที่จะให้สถานะอย่างที่คุณต้องการ และไม่ได้คิดจะสานความสัมพันธ์กับคุณ (หรือใคร) จริงจังด้วยซ้ำไป
Cobwebbing
เป็นการแสดงออกมาว่าคุณรักตัวเอง มันคือการล้างความทรงจำทั้งหมดจากความสัมพันธ์ครั้งก่อน ๆ ไม่ว่าจะเป็นการตัดใจลืมทุกสิ่งอย่าง ลบเบอร์โทรศัพท์ทิ้ง ลบทุกข้อความที่เคยคุยกัน โยนทิ้งสิ่งของต่าง ๆ ที่เคยได้รับจากคนรักเก่า หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ “เลิกมูฟออนเป็นวงกลม” เจ็บแหละแต่มันต้องจบ ไม่ปล่อยให้คนเก่ายังมีอิทธิพลต่อใจอีกต่อไปไม่ว่าจะด้วยสาเหตุไหนก็ตาม พร้อมทิ้งทุกอย่างและเริ่มต้นใหม่
Cuffing
มาจากคำว่า handcuffed ที่แปลว่า “ใส่กุญแจมือ” เป็นความสัมพันธ์ที่คุณจริงจังชนิดว่าผูกมัด ผูกติดกับการใช้เวลาอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งโดยปกติคู่รักจะมีพฤติกรรมลักษณะนี้ในช่วงฤดูหนาว โดยมักจะเรียกว่า Cuffing Season (ฤดูแห่งการใส่กุญแจมือ) นอกจากนี้ยังหมายรวมถึงการมีความสัมพันธ์ที่จริงจังนอกช่วงฤดูกาลแห่งการใส่กุญแจมือด้วย
Cyberflashing
เป็นการส่งภาพอนาจารหรือภาพทางเพศที่ไม่พึงประสงค์ไปยังบุคคลอื่นด้วยวิธีการทางดิจิทัล เช่น ส่งให้ทางแอปพลิเคชันหาคู่หรือทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ส่งผ่านทางข้อความหรือบริการการแชร์ไฟล์อื่น ๆ เช่น Airdrop คนที่ถูกส่งภาพทางเพศให้จะกลายเป็นเหยื่อที่ถูกคุกคามทางเพศ สามารถขอความช่วยเหลือทางกฎหมายได้
Cookie-jarring
ชื่อเรียกความสัมพันธ์แบบ “เป็นคุกกี้ในกล่องที่ถูกเปิดฝาทิ้งไว้ เขาจะหยิบกินเมื่อไรก็ได้” หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ การยอมเป็นของตายในความสัมพันธ์ มันคือการที่ใครสักคนมีตัวจริงที่ต้องการอยู่แล้ว แต่ก็ยังแสวงหาตัวเลือกอื่น ๆ ไว้เป็นแผนสำรอง ซึ่งคุณก็คือตัวสำรองคนนั้น ลักษณะเดียวกันกับที่เขาสามารถกลับไปกินคุกกี้ที่ถูกเปิดฝาทิ้งไว้ได้ทันที เมื่อคนที่พวกเขาต้องการจริง ๆ ไม่ว่าง ปฏิเสธเขา หรือว่าไม่โสดแล้ว เขาถึงจะกลับมาหาคุณ
The three flags (green, red, beige)
แปลตรงตัวก็คือ “ธงสามสี” มันคือการที่คุณสามารถมองเห็นบุคคลอื่นเป็นธงสีต่าง ๆ สามารถมองเห็นได้จากการมีปฏิสัมพันธ์กันในชีวิตจริงหรือแสดงผ่านทางแอปฯ หาคู่ก็ได้เช่นกัน โดย
- ธงสีเขียว เป็นคนที่มีสัญญาณเชิงบวก มีความน่ารัก มีความเข้ากันได้ น่าจะไปกันได้ดี
- ธงสีแดง เป็นคนที่มีสัญญาณเชิงลบที่อาจจะเป็นอันตราย
- ธงสีเบจ เป็นคนที่ไม่ได้ดีแต่ก็ไม่แย่ พวกเขาดูเป็นอะไรที่จืดชืด น่าเบื่อ ขาดความพยายามที่จะสานความสัมพันธ์
Gaslighting
อาจจะเป็นคำศัพท์ที่ใครหลายคนรู้ความหมายดีอยู่แล้ว Gaslighting มันคือการพยายามที่จะปั่นหัวให้ใครคนใดคนหนึ่งรู้สึกสงสัยในสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เหตุผล การรับรู้ ความทรงจำ หรือความเข้าใจในเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จนกระทั่งคนคนนั้นรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนผิด วิธีโดยทั่วไปคือ การโกหกอย่างโจ่งแจ้ง การปฏิเสธ และการทำให้ความรู้สึกของคนเหล่านั้นกลายเป็นเรื่องเล็กน้อย มันเหมือนสงครามประสาทที่ส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ดี
Ghosting
ชื่อเรียกความสัมพันธ์แบบ “ผี” อยู่ดี ๆ ก็หายไลน์ไม่ตอบ เทไปแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ตัดการติดต่อกับคนที่ก็คุยกันอยู่ดี ๆ ไปเฉย ๆ เช่น บอกว่าขอไปกินข้าว ผ่านไป 1 ปีก็ยังกินไม่เสร็จ บอกว่าขอไปอาบน้ำ ผ่านไป 1 เดือนก็ยังไม่กลับมาตอบแชต เป็นต้น พฤติกรรมแบบนี้สามารถลดทอนคุณค่าของอีกฝ่ายได้ เพราะคนที่ถูกเทไปโดยไม่บอกไม่กล่าวนั้นจะเริ่มตั้งคำถามถึงคุณค่าในตัวเองว่า “ฉันทำอะไรผิด” หรือ “ฉันทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า”
Love bombing
ความสัมพันธ์แบบ “คลั่งรักกันมาก” มีความเล่นใหญ่ ตัวติดกันตลอดเวลา ต้องติดต่อพูดคุยกันตลอด ในขณะเดียวกันก็มีการควบคุมอีกฝ่าย เริ่มแยกคนรักของตัวเองออกจากครอบครัวหรือเพื่อนฝูงของเขา (เพื่อที่จะได้มาตัวติดกันกับตัวเอง) จนมันเริ่มจะไม่ใช่การแสดงความคลั่งรัก แต่เป็นการระเบิดพลังความรักชนิดที่เป็นพิษในความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ลักษณะนี้อาจพัฒนาไปเป็นธงสีแดงได้ ต้องระวัง
Orbiting
เมื่อคุณจบและตัดความสัมพันธ์กับใครบางคนไปแล้ว หรือชัดเจนว่าจะไม่มีการสานความสัมพันธ์ต่อ แทนที่จะต่างคนต่างอยู่ มูฟออนไปใช้ชีวิตของตัวเอง กลับยังคงมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลนั้นบนสื่อออนไลน์ แอบตามไปส่องชีวิตของเขาเหมือนเช่นปกติ กดไลก์ กดแชร์ ยังคงทำตัวเป็นวงโคจรห่าง ๆ ระหว่างคนคนนั้น สำหรับคนหนึ่ง สิ่งที่ทำมันอาจไม่มีความหมายอะไรเลย แต่อีกฝ่ายอาจจะไปตีความการกระทำดังกล่าวแบบผิด ๆ ได้ โดยเฉพาะคุณผู้หญิง ว่าที่เขายังทำแบบนี้เพราะยังสนใจ ทั้งที่มันอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาดูสตอรี่ที่คุณลงเพราะเขามีอินเทอร์เน็ต เขาไม่ได้มีใจ!
Rizz
Rizz แนวคิดใหม่ที่ย่อมาจากคำว่า charisma ที่แปลว่า “เสน่ห์” คำนี้เป็นที่นิยมใช้กลุ่มคน Gen Z และเป็นที่พูดถึงอย่างมากใน TikTok ด้วย มันหมายถึงความสามารถในการจีบหรือดึงดูดความรักจากอีกฝ่ายที่ไม่ได้สนใจพวกเขาในทีแรกแต่ก็ไม่อาจต้านทานเสน่ห์ได้ในตอนหลัง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือคนคนนั้นสามารถทำให้คุณ “โดนตก” ได้ในที่สุด น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันต้องใจอ่อนบ้างล่ะ Kai Cenat สตรีมเมอร์และอินฟลูเอนเซอร์ของ Twitch เป็นผู้บัญญัติศัพท์นี้ขึ้นมา
Situationship
ความสัมพันธ์ในเชิงโรแมนติกที่มีเรื่องเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แม้มันจะดูโรแมนติกแต่ก็ออกจะขมขื่นอยู่หน่อย ๆ ตรงที่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้สื่อสารกันอย่างชัดเจนเพื่อระบุสถานะของกันและกัน ไม่รู้ว่าตกลงแล้วเราเป็นอะไรกัน ซึ่งมันเป็นความสัมพันธ์ที่แตกต่างจาก friends with benefits ที่ระบุชัดเจนว่าเป็นเพื่อนที่สามารถมีเซ็กซ์กันได้ แต่ situationship มันออกจะงง ๆ เพราะเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน อีกทั้งยังไม่แน่นอน ไม่มั่นคง ไม่สม่ำเสมอ แต่ละคนต่างไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรสำหรับพวกเขา กลายเป็นความสับสน ขาดการดูแลตามความสัมพันธ์
Soft-launching
เป็นเทรนด์การเปิดตัวคนที่คบหาอยู่ในความสัมพันธ์บนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ภาพหรือคลิปวิดีโอ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังปกปิดตัวตนของพวกเขา ไม่ต้องการให้คนอื่น ๆ รู้ว่าคนที่คบหาอยู่นั้นเป็นใคร เช่น โพสต์แค่รูปที่จับมือกัน โพสต์รูปแต่ยังใช้มือปิดหน้า หรือเอาสติกเกอร์มาปิดภาพหน้าไว้ แนวคิดของเทรนด์นี้คือค่อย ๆ เปิดตัวทีละนิด ยังไม่พร้อมจะเปิดเผยตัวตนเขา แต่ต้องการให้โลกรู้นะว่าฉันไม่โสดผ่านทางโซเชียลมีเดีย ที่ทุกวันนี้มีบทบาทกับทุกสิ่ง จนเหมือนเป็นวงล้อที่สามของความสัมพันธ์ มันเกิดจากแนวคิดที่ว่าเราทุกคนสามารถเป็นอะไรกันก็ได้ คุณจึงไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนของเขาเร็วเกินไป เผื่อไว้ว่ายังไม่ชัวร์ว่าใช่ อย่างไรก็ตาม คุณก็ต้องการให้โลกรู้ว่าคุณมีแฟน
คุณกำลังดู: ความรักมันซับซ้อน 13 คำศัพท์ที่ใช้เรียกความสัมพันธ์ยุคใหม่
หมวดหมู่: ผู้หญิง