"กระเพาะของหวาน" มีจริงไหม คืออะไร อยู่ตรงไหนของร่างกาย

"กระเพาะของหวาน" มีจริงไหม คืออะไร อยู่ตรงไหนของร่างกาย

เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยเป็นคือทานข้าวอิ่มแล้ว แต่พอเห็นของหวานแล้วกลับรู้สึกอยากทาน และมีพื้นที่ว่างให้ของหวานเหล่านั้น อาการนี้เรียกว่า "กระเพาะของหวาน" นั่นเอง ซึ่งมีหลักวิทยาศาสตร์อธิบายปรากฎการณ์นี้ด้วย

มนุษย์มี "กระเพาะของหวาน" จริงหรือ

หลายคนคงเคยสงสัยว่าทำไมถึงอิ่มคาวจนแน่นพุง แต่พอเห็นของหวานปุ๊บ กลับมีพื้นที่ว่างให้มันซะงั้น อาการนี้เรียกว่า "กระเพาะของหวาน" นั่นเอง แต่ความจริงแล้ว มนุษย์ไม่ได้มีกระเพาะสำหรับของหวานแยกต่างหาก มีกลไกทางวิทยาศาสตร์หลายอย่างที่อธิบายปรากฏการณ์นี้

ทำไมเราถึงอิ่มคาวแล้ว ยังอยากของหวาน

  • กลไกทางสมอง: สมองของเรามีระบบรางวัลที่ตอบสนองต่อรสหวาน การทานของหวานจึงกระตุ้นให้สมองหลั่งโดปามีน สารแห่งความสุข ทำให้เรารู้สึกดีและอยากทานต่อ
  • ฮอร์โมน: ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) กระตุ้นความหิว และฮอร์โมนเลปติน (Leptin) ส่งสัญญาญอิ่มท้อง ฮอร์โมนเกรลินจะหลั่งน้อยลงเมื่ออิ่มคาว แต่ฮอร์โมนเลปตินจะไม่ส่งผลต่อความอยากของหวาน
  • ความเคยชิน: การทานของหวานหลังอาหารเป็นประจำ ร่างกายจะจดจำและสร้างความเคยชิน ทำให้รู้สึก "ขาดอะไรไป"

กลยุทธ์เอาชนะ "กระเพาะของหวาน"

  • ทานของหวานในปริมาณที่เหมาะสม: เลือกทานของหวานที่มีประโยชน์ เช่น ผลไม้สด โยเกิร์ต ธัญพืช แทนขนมหวานแปรรูป
  • ทานของหวานช้าๆ: ทานของหวานอย่างละคำๆ ค่อยๆ สัมผัสรสชาติ ช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น
  • ดื่มน้ำเปล่า: ดื่มน้ำเปล่าหลังทานอาหาร ช่วยให้อิ่มท้องและลดความอยากของหวาน
  • หากิจกรรมอื่นทำ: หากิจกรรมอื่นทำหลังทานอาหาร เช่น แปรงฟัน ฟังเพลง อ่านหนังสือ
  • เลือกทานอาหารคาวที่มีใยอาหารสูง: ใยอาหารช่วยให้อิ่มท้องนาน ลดความอยากของหวาน

"กระเพาะของหวาน" กับ "ความเบื่อจำเจเฉพาะรส"

แม้จะทานของคาวอิ่มแล้ว แต่พอเห็นของหวานก็ยังรู้สึกว่าทานต่อได้ อาจอธิบายได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า "ความเบื่อจำเจเฉพาะรส (Sensory-specific satiety)"

หลักการนี้ บอกว่ายิ่งเรารับประทานอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งมากเท่าไร เราก็จะยิ่งรู้สึกเบื่อหน่ายกับรสชาติของมันมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่อยากกินต่อ หรืออยากหาอะไรทานเปลี่ยนรสชาติ

ตัวอย่างเช่น ในงานวิจัยที่ให้อาสาสมัคร 128 คน รับประทานอาหาร 2 มื้อ ผลปรากฏว่ากลุ่มที่ได้รับประทานอาหารคนละแบบในมื้อที่สอง รู้สึกอยากอาหารมื้อที่สองมากกว่า กลุ่มที่ได้รับประทานอาหารชนิดเดียวกันทั้งสองมื้อ

แม้ว่าจะมีการศึกษาเกี่ยวกับอาหารคาวและหวานไม่มากนัก แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าหลักการนี้อาจเป็นคำตอบว่า ทำไมหลังจากอิ่มอาหารคาวแล้ว เราถึงยังอยากทานของหวานที่มีรสชาติและสัมผัสแตกต่างไป เช่น คุกกี้ ขนมหวาน หรือชีสเค้ก

เลือกทานของหวานอย่างชาญฉลาด เพื่อสุขภาพที่ดี

การทานของหวานเป็นครั้งคราวหลังอาหารไม่ใช่เรื่องผิด แต่การทานอาหารหวานมากเกินไปเป็นประจำ ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว ส่งผลให้ฟันผุ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคอ้วน และโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น โรคมะเร็งและโรคหัวใจ

อย่างไรก็ตามคุณก็ไม่จำเป็นต้องอดของหวานอย่างสิ้นเชิง เพราะอาจทำให้เกิดพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพในอนาคต

เคล็ดลับเลือกของหวานอย่างชาญฉลาด

  • เลือกทานของหวานที่มีประโยชน์: เลือกทานผลไม้สด โยเกิร์ต ธัญพืช แทนขนมหวานแปรรูป
  • ทานของหวานในปริมาณที่เหมาะสม: ทานของหวานในปริมาณพอดี ไม่มากจนเกินไป
  • ทานของหวานช้าๆ: ทานของหวานอย่างละคำๆ ค่อยๆ สัมผัสรสชาติ ช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น

คุณกำลังดู: "กระเพาะของหวาน" มีจริงไหม คืออะไร อยู่ตรงไหนของร่างกาย

หมวดหมู่: ผู้หญิง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด