น้ำหอม EDC,EDT,EDP แตกต่างกันอย่างไร แบบไหนเริ่ดสุด
ในโลกของน้ำหอม เรามักพบเจอคำศัพท์ที่ดูซับซ้อน เช่น Parfum, Eau De Parfum (EDP), Eau De Cologne(EDC) และ Eau De Toilette(EDT) แต่ละคำมีความหมายและความแตกต่างกันอย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปไขรหัสศัพท์เฉพาะทางของน้ำหอม เพื่อยกระดับการเลือกใช้ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
น้ำหอม เปรียบเสมือนบทเพลงที่บรรเลงด้วยกลิ่นหอม ผสมผสานจากน้ำมันหอมระเหยจากพืชพรรณและสารสังเคราะห์ ผสมกับแอลกอฮอล์เอทิลเพื่อลดความเข้มข้น ช่วยให้ทาได้ง่ายและระเหยเร็ว น้ำหอมประเภทต่างๆ นั้นจะแยกตามสัดส่วนของน้ำมันหอมระเหยต่อแอลกอฮอล์ที่แตกต่างกัน
- Parfum หรือ หัวน้ำหอม: น้ำหอมชนิดนี้มีความเข้มข้นสูงสุด ประมาณ 20-40% ให้กลิ่นหอมติดทนนาน 8-10 ชั่วโมง เหมาะสำหรับโอกาสพิเศษ
- Eau De Parfum (EDP): น้ำหอมชนิดนี้มีความเข้มข้นปานกลาง ประมาณ 10-20% ให้กลิ่นหอมติดทนนาน 5-8 ชั่วโมง เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป
- Eau De Toilette (EDT): น้ำหอมชนิดนี้มีความเข้มข้นต่ำ ประมาณ 5-15% ให้กลิ่นหอมติดทนนาน 3-5 ชั่วโมง เหมาะสำหรับการทาตอนกลางวัน หรือต้องการเติมความสดชื่นระหว่างวัน
- Eau De Cologne (EDC): น้ำหอมชนิดนี้มีความเข้มข้นต่ำสุด ประมาณ 2-4% ให้กลิ่นหอมติดทนนาน 2-3 ชั่วโมง เหมาะสำหรับใช้หลังอาบน้ำ หรือต้องการความหอมอ่อนๆ
การเลือกน้ำหอมให้เหมาะกับตัวเอง
- พิจารณาโอกาส: เลือกน้ำหอมที่มีความเข้มข้นเหมาะกับโอกาส เช่น Parfum หรือ EDP สำหรับงานพิเศษ EDT สำหรับการใช้งานทั่วไป EDC สำหรับทาหลังอาบน้ำ
- สภาพอากาศ: อากาศร้อน เหมาะกับน้ำหอมที่มีความเข้มข้นต่ำ อากาศเย็น เหมาะกับน้ำหอมที่มีความเข้มข้นสูง
- รสนิยม: เลือกกลิ่นหอมที่ชื่นชอบ ทดลองฉีดบนผิวหนังก่อนตัดสินใจซื้อ
- ความคงทน: น้ำหอมที่มีความเข้มข้นสูง จะติดทนนานกว่า
เคล็ดลับเพิ่มเติม
- ฉีดน้ำหอมที่จุดชีพจร เช่น ข้อมือ ข้อศอก ด้านหลังคอ
- ทาโลชั่นก่อนฉีดน้ำหอม ช่วยให้น้ำหอมติดทนนาน
- เก็บน้ำหอมในที่แห้ง อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงแดด
คุณกำลังดู: น้ำหอม EDC,EDT,EDP แตกต่างกันอย่างไร แบบไหนเริ่ดสุด
หมวดหมู่: ผู้หญิง
แชร์ข่าว