"นานา มารีน่า" ลูกสาวอ.ยิ่งศักดิ์ กับเส้นทางเชฟที่ได้อิทธิพลจากคุณพ่อ
เชฟนานา-มารีน่า จงเลิศเจษฎาวงศ์" คือลูกสาวคนโตของอาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ เป็นที่รู้จักในฐานะเชฟ อาจารย์สอนทำอาหาร
ชื่อของอาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ เป็นที่รู้จักในฐานะเชฟ อาจารย์สอนทำอาหาร รวมไปถึงขณะนี้ยังเป็นทั้งนักแสดง และผู้ดำเนินรายการทอล์กฝีปากจัดจ้าน แต่ไม่ว่าอาจารย์ยิ่งศักดิ์จะสวมหมวกหลากหลายใบ แต่สำหรับหมวกของการเป็นคุณพ่อนั้น หลายคนอาจไม่ทราบว่าอาจารย์ยิ่งศักดิ์มีทายาทสองคนที่เป็นเชฟเช่นเดียวกัน
"เชฟนานา-มารีน่า จงเลิศเจษฎาวงศ์" คือลูกสาวคนโต
ส่วนเท็ดดี้-กวินคือลูกชายคนเล็ก
ทั้งคู่ถือเป็นลูกไม้ใต้ต้นเพราะมีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการทำอาหาร
การเป็นอาจารย์สอนทำอาหาร
ไปพร้อมการบริหารธุรกิจโรงเรียนสอนทำอาหารอาจารย์ยิ่งศักดิ์ เมื่อ
Sanook Women มีโอกาสได้พบกับเชฟนานา
มารีน่าจึงถือโอกาสชวนลูกสาวคุยถึงคุณพ่อ
และเส้นทางเชฟของตนเองที่มีคุณพ่อเป็นร่มเงา
ความรู้สึกในการเป็นที่รู้จักในฐานะลูกของอ.ยิ่งศักดิ์
ได้ยินคำนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต เราต้องขอบคุณที่เขาเอ็นดูพ่อเรา
และมาจนถึงรุ่นเรา เรารู้สึกดี
ที่พวกเขาติดตามความเป็นไปของพ่อเราจนเขารู้ว่าเราเป็นลูกเขา
การเป็นลูกของอ.ยิ่งศักดิ์ทำให้เราได้รับ
หรือไม่ได้รับอะไรแตกต่างจากคนอื่นไหม
ถ้าบอกว่าไม่ได้รับเลยคือโกหก
อย่างวันนี้พี่เป็นลูกร้านหมูกรอบชื่อดังคนก็ต้องรู้แล้วว่าคุณทำหมูกรอบเป็น
ทำหมูกรอบอร่อยหรือเปล่าไม่รู้ แต่ทำเป็นแน่นอน
เช่นเดียวกันการเป็นลูกอ.ยิ่งศักดิ์แตกต่างไหมก็แตกต่างเพราะเราอยู่ในแวดวงทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก
หลายคนบอกว่าทำอาหารมาตั้งแต่อายุ 15-20
แต่เราอยู่ในครัวมาตั้งแต่เด็ก คนสอนทำอาหารไม่ใช่แค่พ่อ
แต่คนสอนทำอาหารคือคนทั้งบ้าน คนที่สอนเราจับกระทะคือคุณย่าของเรา
ดังนั้นบ้านเราเป็นบ้านทำกับข้าว ต่างกันที่เราได้ประสบการณ์
เราถูกหล่อหลอมมาในครอบครัวที่รักการกิน
เราได้เรียนทำอาหารกับคนที่คนทั่วประเทศอยากกินอาหารที่เขาทำ
เราได้ยืนข้างๆ เขาตอนเขาทำกับข้าว
ความสนุกคือคุณพ่อจะเป็นแฟมิลี่แมนมากๆ คุณพ่อบ้างาน
เขาทำงานหนักจริงๆ
แต่เชื่อไหมว่ามื้อเย็นทุกวันเราจะทานข้าวด้วยกันแม้ว่าจะยุ่งแค่ไหน
ถ้าวันไหนเขายุ่งไปออกรายการเราจะเป็นคนทำ หรือคุยกันว่าใครจะทำ
กับข้าวไม่ได้เวอร์หรอก บางวันเป็นข้าวผัด แต่เราจะช่วยกันทำ
มันทำให้เรารู้สึกอบอุ่น อาจเพราะเราเป็นครอบครัวคนจีนหน่อยๆ
การกินข้าวมันเลยเป็นแบบนั้น
โดยเฉพาะวันเสาร์จะถูกบังคับว่าไม่ให้ไปไหนตอนเย็น กินเต็มโต๊ะ
ล่าสุดกินไก่อบทั้งตัว การกินไม่ได้เน้นแพง แต่เน้นที่ทานอาหารด้วยกัน
กินตั้งแต่ 5 โมงเย็น-2 ทุ่ม กินตั้งแต่สลัด อาหารจานหลัก จนถึงขนม
ขนมที่เรามาทำขายจุดเริ่มต้นจากมื้อขนมวันเสาร์
เส้นทางอาชีพของเชฟนานาเกิดจากความชอบของตัวเอง
หรือได้รับอิทธิพลจากคุณพ่อ
จริงๆ ที่บ้านเปิดโรงเรียน บอกเลยว่าตอนเลือกคณะเมื่อร่วม 20
ปีที่แล้ว
คุณพ่อขอให้เรียนครูได้ไหมเพราะที่บ้านเปิดธุรกิจโรงเรียนถ้าไม่มีใบวิชาชีพครูมันจะไม่มี
license มา เราก็โอเค
และด้วยความที่เราเรียนทำอาหารตั้งแต่เด็กโดยให้เชฟโรงแรมมาสอน
วันอาทิตย์เป็นวันที่เราจะเรียนทำกับข้าว เราเองก็ชอบ
พ่อไม่ได้บังคับว่าเราต้องทำนั่นทำนี่ แต่ให้ทำอย่างที่เราอยากกิน
พ่อฉลาดตรงที่อยากกินอะไรอาทิตย์นี้ให้เชฟสอน เชฟคนนั้นคือเชฟประจวบ
นิรังสรรค์ พี่ชายของจำนงค์ นิรังสรรค์
นายกสมาคมพ่อครัวไทยเมื่อปีที่แล้ว
ดังนั้นเมนูอาหารที่เราได้เรียนเป็น authentic 100 %
จับพลัดจับผลูระหว่างรอรับปริญญาตรี พ่อก็ให้ไปเรียนต่างประเทศ
ตอนนั้นพ่อส่งไปอยู่กับ Private Chef เป็นคนฝรั่งเศสแต่ภรรยาเป็นคนไทย
นานาโชคดีเขาเหมือนพี่ชาย
ตอนนั้นเมียเขาท้องแก่เขาต้องไปทำงานเทศกาลหนังเมืองคานส์
นานานี่แหละที่นั่งรถจากซาวัว
ฝรั่งเศสทะลุมาอิตาลีเพื่อทำงานกับเขาในวิลล่าอาหารไทย
ทำทุกอย่างเพื่อต้อนรับแขกเศรษฐี เราได้เป็นผู้ช่วย อยู่ตรงนั้น 3
เดือนได้ประสบการณ์เต็มที่ แล้วกลับมาเมืองไทย และได้เรียนทำกาแฟ
เรียนทำไอศกรีม มีผู้ใหญ่สนับสนุนต่างๆ
จบที่อิตาลีเรียนจนหมดเรียนทำเจลาโต
บังเอิญเขาเปิดแข่งขันเราจึงได้เป็นเชฟเจลาโตคนแรก
คนเดียวของประเทศไทยที่เข้าร่วมแข่งขันระดับโลก
คำแนะนำจากคุณพ่อเมื่อเป็นเชฟควรทำเรื่องใด
ไม่ควรทำเรื่องใด
จุดเริ่มต้นของเราเริ่มจากเป็นครูที่โรงเรียน เป็นครูที่สอนทำอาหาร
แล้วเปิดโรงเรียน ตอนพ่อทำงานดุมาก เราจะเห็นภาพความละเอียดจากเขา
ทุกอย่างต้องเป๊ะ เมื่อก่อนเราจะเห็นว่าพ่อเยอะมาก
เราไม่เคยได้รับคำสั่งสอนจากพ่อแบบเป็นคำพูดชัดเจน
แต่พ่อเป็นตัวอย่างที่ดี
จนทำให้เรารู้สึกว่าต้องทำให้ได้ไม่น้อยกว่าเขา
เขาเป็นตัวอย่างของความขยัน พ่อมาถึงโรงเรียนตั้งแต่ 7.30
ซึ่งตอนนี้เขาอายุ 70 ปีแล้ว
เขาทำให้เห็นว่าพนักงานทุกคนเราต้องใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ
พ่อเป็นคนที่กินข้าวกับพนักงานทุกคน เขาละเอียด ตรงเวลา
รักและซื่อสัตย์กับลูกค้า อย่างเรารับลูกค้าเป็นน้ำมันยี่ห้อนี้มาแล้ว
มีน้ำมันอีกยี่ห้อหนึ่งติดต่อเข้ามาเราไม่รับ เรารับแค่รายเดียวทั้งๆ
ที่เรารับก็ได้ แต่พ่อซื่อสัตย์กับลูกค้า มันสะท้อนให้เห็นว่าทำให้ดี
ทำให้สุดแล้วผลลัพธ์จะออกมาเอง
มันก็สนุกนะที่เราทำงานกับเขาเพราะเขาจะมีคอมเมนต์ออกมาตลอด
เขาทำให้เราละเอียดมากยิ่งขึ้น
การทำงานกับพ่อ ความยากคืออะไร
เพราะว่าเราไม่ใช่เจ้านายกับลูกน้อง มันมีมุมความเป็นลูก หลายๆ
ครั้งในบรรยากาศการทำงาน พ่อจะพูดเสมอว่าเมื่อมันเป็นการทำงาน
"ป๊าจะทำเพื่อความถูกต้อง ไม่เอาถูกใจ"
เพราะถ้าเอาแต่ถูกใจจะไม่มีความถูกต้องอยู่ในนั้น
พ่อจะบอกเสมอว่าเราจะด่ากันให้ตายก็ได้บนโต๊ะที่ทำงาน
แต่พอกลับบ้านเราก็ทานข้าวด้วยกัน
ในปัจจุบันเชฟเป็นอาชีพในฝันของหลายๆ คน
คุณนานาคิดอย่างไร
ดีใจ เพราะเมื่อก่อนคนไม่เห็นคุณค่าของอาชีพนี้เพราะเงินน้อย
น้อยคนที่จะเข้าใจว่าอาชีพนี้มีความสำคัญไม่ต่างจากอาชีพหมอ
เพราะถ้าเราปวดท้องเราไปโรงพยาบาล แต่คุณสามารถเลือกกินได้จากอาชีพเชฟ
ทำให้ไม่ป่วย คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้จากอาชีพนี้ อาชีพนี้สำคัญมากๆ
เพราะเราต้องกิน 3 มื้อต่อวัน ถ้าคนให้ความสำคัญกับอาชีพนี้
อาชีพนี้จะทำเงินให้กับประเทศไทยมากๆ คนไทยเก่ง ทักษะสูง
อะไรคือเป้าหมายในอาชีพนี้ของเชฟนานา
อย่างที่บอกว่าตัวบ้านนานาเป็นโรงเรียนสอนทำอาหาร
สอนตั้งแต่หลักสูตรระยะสั้น
หลักสูตรปวช.ปวส.ในปัจจุบันนานาส่งนักเรียนไปฝึกงานในโรงแรมทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่แล้ว
เป้าหมายคือต้องการผลิตเชฟ อยากมีคนไทยเก่งๆ
ออกไปทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ
อาชีพนี้เงินดีอยากให้ทุกคนมีอาชีพดีๆ มีเงินเยอะๆ มีความมั่นคง
อะไรคือความสุขและคุณค่าของอาชีพเชฟ
เราเห็นคนกินกับข้าวเราแล้วเขารู้สึกอร่อย เรามีความสุข เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าทุกเมนูที่เราทำเราตั้งใจ เรารู้ว่าเราทำอาหารให้ทุกคนกินเหมือนที่เราทำในบ้าน เราอยากให้ผลผลิตที่เราทำผลิดอกออกผลออกไปไม่ว่าจะเป็นขนม เชฟ เราจะมีความสุขมากเมื่อเราทำอาหารแล้วคนกินบอกว่าอร่อยจัง ซึ่งมันทำให้เรามีความสุขมากยิ่งขึ้น
คุณกำลังดู: "นานา มารีน่า" ลูกสาวอ.ยิ่งศักดิ์ กับเส้นทางเชฟที่ได้อิทธิพลจากคุณพ่อ
หมวดหมู่: ผู้หญิง