เป็นคนที่น่ารักบ้างก็ได้นะ! ตัวแม่ก็แคร์บ้างอะไรบ้าง
คุณเคยรู้สึกไหม? ว่าทำไมทุกวันนี้คนเราถึงใจร้ายต่อกันจังเลย บางคนไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ แต่ก็ทำกันได้เหมือนว่าเกลียดขี้หน้ากันมาแต่ชาติปางก่อน หรือบางทีอ่านคอมเมนต์ที่ขัดแย้งกันในโซเชียลมีเดีย ก็รู้สึกว่าคุยกันดี ๆ ก็ได้ไหม ทำไมจะต้องแซะหรือกระแนะกระแหนขนาดนั้น หรือบางทีก็ใช้คำหยาบคายกับคนอื่นทั้งที่ไม่รู้จักมักจี่กัน สุดท้ายต่างคนต่างไม่ยอมกัน ด่ากันไปมา เมื่อมองย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น ถ้าพูดกันดี ๆ แต่แรก เรื่องก็อาจจะไม่ลงเอยแบบนี้ก็ได้ หรือที่ชัดเจนที่สุด เวลาที่เจอใครลงรูป ทำไมต้องเริ่มต้นทักเขาว่าไม่เห็นจะสวยเลย! อ้วนขึ้นนะ! ดำมากอะ! เพราะจริง ๆ แล้ว เราสามารถเลื่อนผ่านภาพนั้นไปได้โดยไม่ต้องทิ้งคำพูดใจร้ายเพื่อทำลายจิตใจใครไม่ใช่เหรอ?
เราไม่จำเป็นต้องพูด (หรือพิมพ์) ทุกอย่างที่เราคิด แต่เราจำเป็นต้องคิดทุกครั้งก่อนที่จะพูด (หรือพิมพ์) โลกใบนี้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นมากพอแล้ว ทำไมคนเรายังจะต้องมาใจร้ายต่อกันอีก โลกไม่จำเป็นต้องสวย แต่ทำไมเราถึงไม่ทำให้มันน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิมอีกสักหน่อย บางที การใจร้ายต่อคนอื่นให้น้อยลง เป็นคนที่น่ารักและใจดีต่อคนอื่นให้มากขึ้นมันจะไม่ดีกว่าเหรอ อีกทั้งหลายคนชอบหาความชอบธรรมในการทำร้ายจิตใจคนอื่นว่า “ก็ฉันเป็นของฉันแบบนี้” เสียด้วย แน่ใจแล้วหรือว่าคุณภาคภูมิใจกับการเป็นคนใจร้ายแบบนี้! และ “มารยาท” ก็เป็นสิ่งจำเป็นในการอยู่ร่วมกันในสังคม
การเป็นตัวของตัวเอง หมายถึงการที่ทำตัวไม่น่ารักกับคนอื่นก็ได้หรือ? และเมื่อเราต้องอยู่ร่วมกันในสังคมขนาดใหญ่เช่นนี้ เปลี่ยนจาก “ตัวแม่จะแคร์เพื่อ!” เป็น “ตัวแม่ก็แคร์เป็น!” เพื่อให้สังคมนี้มันน่าอยู่ขึ้นอีกสักนิดจะดีกว่าหรือเปล่า? เป็นตัวของตัวเองไม่ได้แปลว่าจะมีสิทธิ์ทำร้ายคนอื่นได้นะ และการเป็นตัวของตัวเองแบบน่ารัก ๆ ก็น่าจะดีกว่าใจร้ายต่อกัน ถูกไหม? เป็นคนน่ารัก เป็นใจดี ต้องลองเริ่มที่ตัวเองก่อน
เป็นตัวของตัวเองต้องมีมารยาท และกล้าที่จะถูกเกลียด≠ทำตัวน่ารังเกียจ
ยุคนี้สมัยนี้ มีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจว่าบุคลิกถ่อย ๆ แรง ๆ ทำให้ดูเป็นคนเท่ และการจะเป็นคนตรง ๆ ไม่เสแสร้ง คือการทำตัวเฟียส ๆ ไม่แคร์โลก ไม่สนใจจะเกรงใจใคร ตัวตนของฉันแบบนี้ รับได้ก็รับ รับไม่ได้ฉันก็ไม่รับผิดชอบ ไม่คิดที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองเข้าหาใคร คนอื่นสิต้องปรับตัวเข้าหาฉัน มองว่าการที่ตัวเองต้องปรับเปลี่ยนอะไร ๆ เพื่อเข้าหาคนอื่นเป็นเรื่องที่เสียศักดิ์ศรี เป็นเรื่องที่ต้องโกหกตัวเอง เป็นความปลอมเปลือก ต้องแสดง ต้องใส่หน้ากาก จะฝืนเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองเพื่อให้คนอื่นพึงพอใจไปเพื่ออะไร ซึ่งมันทำให้ฉันไม่มีความสุข เพราะฉะนั้น ฉันจึงไม่ทำ!
แต่ในความเป็นจริง มันมีเส้นบาง ๆ กั้นระหว่างการเป็นตัวของตัวเองกับการเป็นคนไม่มีมารยาท การยึดมั่นถือมั่นความเป็นตัวเองที่มากเกินไป มีอีโก้ในระดับที่ฟังแค่เสียงตัวเอง ฉันถูกเสมอ ฉันเป็นของฉันแบบนี้ ไม่เห็นหัวคนอื่น แบบนี้คือคนเห็นแก่ตัว เอาตัวเองเป็นใหญ่ และถือตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง แน่นอนว่ามันทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนกับ “ตัวตน” ที่ภาคภูมิใจนักหนา ตัวตนในแบบที่สามารถทำร้ายคนอื่นมันไม่ใช่ ต้องเข้าใจก่อนว่าการยอมถูกเกลียดกับการทำตัวน่ารังเกียจมันแตกต่างต่างกัน เช่นเดียวกับคนที่เป็นตัวเองก็แตกต่างจากคนที่ไม่มีมารยาทเหมือนกัน
เราสามารถเป็นตัวของตัวเองไปด้วยและเป็นคนที่น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับคนอื่น ๆ ไปด้วยได้ หรือในอีกทางหนึ่งก็คือ เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้โดยไม่ต้องเป็นคนที่หยาบคายหรือทำพฤติกรรมน่ารังเกียจ มิเช่นนั้น ใครต่อใครเขาจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเราเป็นคนหยาบคายและน่ารังเกียจไม่ใช่คนที่ตรงไปตรงมาอะไรหรอก การควบคุมอารมณ์ตนเอง รู้จักแคร์คนอื่นบ้าง มันไม่ได้ดูเป็นคนเสแสร้งหรอก แต่เป็นมารยาทพื้นฐานในการเข้าสังคม มนุษย์จำเป็นที่ต้องอยู่รวมกันเป็นสังคม คนที่เป็นตัวของตัวเองและกล้าที่จะถูกเกลียด ก็ต้องไม่ทำตัวเป็นภาระสังคม ถึงจะอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุข
ถ้าอย่างนั้น คนที่เป็นตัวของตัวเองเป็นอย่างไรล่ะ? คนที่เป็นตัวของตัวเองก็คือคนที่รักและซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง ไม่ยอมทำร้ายตัวเองด้วยการพยายามให้คนอื่นมายอมรับหรือชอบ สร้างความสุขให้ตัวเองได้โดยไม่เอาเปรียบคนอื่นและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน หากเราเป็นตัวเอง เราจะไม่เหนื่อย ไม่ต้องฝืนตัวเอง และรู้สึกสบายใจทุกครั้ง ดังนั้น การเป็นตัวเองไม่ได้อยู่บนพื้นฐานที่คนอื่นต้องยอมรับเรา แต่เป็นการยอมรับตัวเองบนพื้นฐานที่ไม่เบียดเบียนใครและไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนนั่นเอง ส่วนคนอื่นจะไม่ชอบหรือมองเรายังไงก็ไม่ใช่ปัญหาของเราแล้ว
การเป็นคนที่น่ารัก ไม่ได้แปลว่าเราต้องสูญเสียความเป็นตัวเอง
ถ้าการเป็นตัวของตัวเอง คือการรักและซื่อสัตย์กับตัวเอง สนใจความสุขของตัวเองให้มากขึ้น ใส่ใจว่าผู้อื่นจะคิดอย่างไรกับเราให้น้อยลง ตราบใดที่ตัวตนของเราไม่ได้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ต้องเป็นที่รักของใคร และไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อที่จะเป็นที่รักของใคร กล้าที่เป็นคนที่ถูกเกลียด หากตัวตนของเราไม่ตรงตามสูตรสำเร็จที่เป็นค่านิยมของสังคม เงื่อนไขที่ว่า “ตัวตนเราไม่ได้ทำร้ายใคร” เราก็ไม่จำเป็นต้องแคร์อะไรทั้งนั้น การที่เราถูกเกลียดเพราะเราเป็นตัวของตัวเอง ก็ยังดีกว่าการที่ถูกรักเพราะเราพยายามจะเป็นคนอื่น แบบนี้แหละที่ตัวเราจะมีความสุขได้อย่างแท้จริง
แต่ทำไมเราจะต้องพยายามเป็นคนที่น่ารักในสายตาคนอื่นด้วยล่ะ ทั้ง ๆ ที่เราสามารถเป็นคนน่ารักได้โดยอยู่บนพื้นฐานที่ว่า “ก็ฉันเป็นคนน่ารัก” อยู่แล้ว พูดง่าย ๆ ก็คือ การเป็นตัวของตัวเอง เราก็เป็นคนที่น่ารักและใจดีในสายตาคนอื่นได้ เราไม่ได้ตั้งใจพยายามเป็นคนน่ารักและใจดีเพื่อต้องการให้คนอื่นมารักเสียหน่อย ฉันเป็นของฉันแบบนี้ มีความน่ารักและใจดีเป็นพื้นฐานทางจิตใจและนิสัยส่วนตัวอยู่แล้ว เราพึงพอใจที่จะทำแบบนี้ เรามีความสุขดี ไม่ได้ถูกบังคับหรือฝืนใจ เพราะมันไม่มีนิยามไหนที่บอกว่าการเป็นตัวของตัวเองจะต้องเป็นคนที่ใจร้ายใจดำเสียหน่อย เพราะฉะนั้น ถ้าตัวตนเราเป็นคนน่ารัก มันก็ย่อมดีกว่าการเป็นคนที่ถูกเกลียดไม่มากก็น้อย
พื้นฐานของการมีตัวตนเป็นคนที่น่ารัก (แบบไม่ต้องพยายาม) คือ ทัศนคติที่ดี เพราะทุกสิ่งที่คนเราแสดงออกมาทั้งวัจนภาษาและอวัจนภาษา ล้วนเป็นภาพสะท้อนของทัศนคติทั้งสิ้น มันขึ้นอยู่กับมุมมองและความคิดที่มาจากภายในว่าเป็นไปในทางบวกหรือทางลบ โดยอยู่บนพื้นฐานของความจริง แม้ว่าประสบการณ์จะมีส่วนกำหนดพฤติกรรม แต่สุดท้ายแล้วหากเราปรับเปลี่ยนมุมมอง ความคิด วิธีคิดต่าง ๆ ได้ การสะท้อนออกมาเป็นพฤติกรรมก็จะออกมาตามทัศนคติที่ปรับเปลี่ยนไป การมีทัศนคติเชิงบวก จะเป็นแรงผลักดันให้เราแสดงพฤติกรรมเชิงบวกออกมา
ดังนั้น เราทุกคนสามารถเป็นตัวของตัวเองในแบบที่เป็นคนน่ารักได้ มันไม่ใช่การพยายามจะเป็นคนอื่น แต่เราแค่อยากเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีขึ้น เราไม่ได้อยากเป็นคนดีคนน่ารักเพื่อคนอื่น แต่อยากเป็นเพื่อตัวของเราเอง เพราะมันจะทำให้เรารู้สึกมีความสุขและทำให้ตัวเองรู้สึกมีคุณค่าขึ้นก็เท่านั้น เราทุกคนสามารถเป็นคนน่ารักในแบบของตัวเอง โดยไม่ต้องพยายามจะเป็นแบบคนอื่นจนสูญเสียตัวตนของตัวเองไป การกล้าเป็นคนที่ถูกเกลียดในบางเรื่องเป็นเรื่องที่ดี แต่มันคงจะดีกว่าถ้าเราจะไม่สร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น เราไม่จำเป็นต้องให้ใครมารักหรือยอมรับเราก็จริง แต่อย่าถูกเกลียดทั้ง ๆ ที่เขาสามารถรักได้จะดีกว่า
คาถามหานิยมที่เพิ่มเสน่ห์ให้คนรักคนหลง คืออ่อนน้อมถ่อมตนและใส่ใจผู้อื่น
แม้ว่าการเป็นตัวของตัวเองจะอยู่บนพื้นฐานที่เราไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะมองเราแง่บวกหรือแง่ลบอย่างไร แค่เราไม่ต้องคอยทำอะไรที่มันไม่ใช่ตัวเองเพื่อเอาอกเอาใจให้คนอื่นมารักมาชอบหรือยอมรับที่เราเป็นแบบนี้ และคนอื่นไม่เดือดร้อนจากการที่เราเป็นตัวเองก็พอ ซึ่งมันหมายความว่าเราไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเกลียด ไม่ต้องทำตัวให้เป็นที่รักของใคร ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเอง เพราะบางทีสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้คนเรามีความสุขขึ้นแต่ประการใด มันคือการใส่ใจกับความสุขของตัวเราเองโดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
แต่มันคงจะดีกว่าไหมที่เราจะเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองและเป็นคนที่น่ารักไปด้วย แม้ว่าการเป็นที่รักของคนอื่นมันจะไม่สำคัญ แต่ในสังคมโลกทุกวันนี้ทุกวันนี้มันซับซ้อน วุ่นวาย และใจร้ายกับเรามากพอแล้ว มันจะดีกว่าไหมที่เราไม่ต้องมาใจร้ายใส่กันอีก ไม่ต้องพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองจนรู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเองหรอก แค่หัดที่จะใช้ความอ่อนโยนในหัวใจของเราใจดีกับอื่นให้มากขึ้นอีกนิด ขยับมุมปากเพื่อยิ้ม มีน้ำใจ มีเมตตา เห็นอกเห็นใจคนอื่นให้มากขึ้นอีกสักหน่อย แค่เราใส่ใจผู้อื่น ใจดีและน่ารักกับคนอื่น ๆ บ้าง ก็น่าจะทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นได้สักนิด
นอกจากจากการรู้จักใส่ใจผู้อื่น ความอ่อนน้อมถ่อมตนก็ยังช่วยสร้างเสน่ห์ให้เรากลายเป็นคนที่น่ารักได้อีกมหาศาล หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการอ่อนน้อมถ่อมตน คือการยอม อ่อนด้อย อ่อนแอ อ่อนโยน ก้มหัวเพื่อให้โดนครอบงำและกดขี่ แต่แท้ที่จริงแล้ว การอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นเพียงการแสดงออกถึงกิริยาวาจาและมารยาทที่ให้เกียรติและเคารพกันในฐานะมนุษย์ ไม่ถือดีโอ้อวดว่าตัวเองเหนือกว่าเพื่อเหยียดหยามใคร เชื่อมั่นและศรัทธาในความรู้ความสามารถของตน ไปพร้อม ๆ กับการยอมรับว่าตนเองไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุด ทุกคนผิดได้ถูกได้ เพื่อที่จะยอมรับความเห็นที่แตกต่างได้ สิ่งนี้คือสิ่งที่ควรฝึกให้เป็นนิสัยที่พึงประสงค์ จะได้ไม่รู้สึกว่าต้องฝืนทำ แต่ทำมันออกมาจากหัวใจ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องรับผิดชอบทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นด้วยตัวเราคนเดียวหรอกนะ อย่าสูญเสียความเป็นตัวเอง แต่การรู้จักใส่ใจผู้อื่น (บ้าง) มีคุณธรรม มีน้ำใจ และอ่อนน้อมถ่อมตนให้เป็นไม่ใช่เรื่องไม่ดีแต่ประการใด จึงไม่ควรที่จะต้องรู้สึกฝืนความรู้สึกเมื่อได้ทำ เพียงแต่จะต้องรู้ลิมิตว่าต้องทำขนาดไหนเพื่อที่ตัวเองจะไม่ต้องสูญเสียความเป็นตัวเองและไม่ละเลยความสุขของตัวเองจนเกินไป บางทีการมองมุมใหม่ ด้วยการเป็นตัวของตัวเองให้น้อยลงสักนิด และเป็นคนที่น่ารักให้มากขึ้น ก็จะช่วยให้โลกของเราน่าอยู่มากขึ้น และอย่าพยายามอ้างว่า “ฉันเป็นตัวของตัวเอง” เพื่อสร้างความชอบธรรมในการทำร้ายผู้อื่นทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ รวมถึงมีส่วนทำให้สังคมเลวร้ายไปกว่านี้
คุณกำลังดู: เป็นคนที่น่ารักบ้างก็ได้นะ! ตัวแม่ก็แคร์บ้างอะไรบ้าง
หมวดหมู่: ผู้หญิง