‘ภาคินัย’ ปลายปากกาที่มีมากกว่าคำว่า ‘สยองขวัญ’ และการเริ่มต้นบนเส้นทางสายใหม่

‘ภาคินัย’ ปลายปากกาที่มีมากกว่าคำว่า ‘สยองขวัญ’ และการเริ่มต้นบนเส้นทางสายใหม่ หากพูดถึงนวนิยายสยองขวัญ นามปากกา ‘ภาคินัย’ คงผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของแฟนๆ ผู้ที่ชื่นชอบอ่านนวนิยายแนวดังกล่าว เพราะผล...

‘ภาคินัย’ ปลายปากกาที่มีมากกว่าคำว่า ‘สยองขวัญ’ และการเริ่มต้นบนเส้นทางสายใหม่

‘ภาคินัย’ ปลายปากกาที่มีมากกว่าคำว่า ‘สยองขวัญ’ และการเริ่มต้นบนเส้นทางสายใหม่

หากพูดถึงนวนิยายสยองขวัญ นามปากกา ‘ภาคินัย’ คงผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของแฟนๆ ผู้ที่ชื่นชอบอ่านนวนิยายแนวดังกล่าว
เพราะผลงานของนักเขียนชื่อดังรายนี้ มีออกมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน และหลายๆเรื่องก็เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ

สำหรับ ภาคินัย กสิรักษ์ ผู้เขียน ‘นางชฎา’ , ‘7 วันจองเวร’ , ‘BUNRAKU หน้ากากฆาตกรรม’ ฯลฯ นั้น ใช้ชีวิตเป็นนักเขียนมาแล้วถึง 20 ปี มีผลงานที่ถูกตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก บางเรื่องยังถูกนำไปแปลเป็นภาษาต่างประเทศ รวมถึงยังถูกนำไปต่อยอด สร้างเป็นละครโทรทัศน์อีกมากมาย อาทิ ‘นางชฎา’ , ‘นางแค้น’ , ‘เรือนร่มงิ้ว’ ฯลฯ และแม้ตัวเขาจะได้รับการยอมรับในวงกว้าง จนถูกยกย่องให้เป็นนักเขียนนวนิยายสยองขวัญแห่งยุค แต่ภาคินัยบอกว่า เขาก็ยังต้องพัฒนาตัวเองต่อ และก็อยากพิสูจน์ตนเองให้แฟน ๆ ได้เห็น ผ่านทั้งงานแนวสยองขวัญตามถนัด รวมถึงงานเขียนอื่น ๆ ที่จะทำเพิ่มเติม

“ผมพยายามพิสูจน์ตัวเองว่าผมเขียนแนวอื่นได้” ภาคินัยบอกพลางยิ้ม

ทั้งยังว่าที่ผ่านมา แม้แนวอื่นๆของเขาจะมีผลตอบรับไม่ดีเท่าแนวสยองขวัญ แต่เขาก็ยังมุ่งมั่นจะทำต่อ

“ผมอยากเขียนได้หลาย ๆ แนว เพื่อพัฒนาฝีมือของตัวเอง”

“ผมยังไม่เก่ง และจะเก่งให้ได้ในสักวันครับ”

เล่าด้วยว่าด้วยความที่ชื่อ ‘ภาคินัย’ มักจะผูกติดอยู่กับนวนิยายสยองขวัญ ดังนั้นพอเริ่มเขียนแนวอื่นมากยิ่งขึ้น ก็มีเรื่องให้ได้หลุดขำอยู่บ่อยครั้งจากแฟนหนังสือ

“ชื่อภาคินัยไม่ว่าจะไปเขียนแนวไหนก็จะถูกถามเสมอ” เขาเล่า พร้อมหัวเราะเบาๆ

จากนั้นยกตัวอย่าง “เขียนแนวรัก ก็มีผีไหมคะ เขียนนิยายวาย ก็โหดไหมครับ เขียนดราม่า ก็มีคนตายไหมพี่” เล่าถึงตอนนี้ระดับเสียงหัวเราะของเขาก็ดังกว่าเก่า

ที่ชอบเขียนเรื่องสยองขวัญ ภาคินัยบอกเป็นมาตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มเขียนแนวนี้มาก่อนแนวอื่นๆ แต่เรื่องที่ได้รับการตีพิมพ์ก่อน กลับเป็นนวนิยายรัก

“เป็นคนชอบดูหนังสยองขวัญ อ่านนิยายสยองขวัญมาตั้งแต่เด็ก” เขาเล่าที่มา

แต่แม้ว่าจะชอบขนาดไหน เขาก็ยอมรับว่า ความเขียนมานาน ผ่านประสบการณ์ทั้งดีและไม่ดีมาก็มาก หลายครั้งจึงเกิดความรู้สึกท้อ และ หมดไฟ

“บ่อยมากครับ เจออะไรกระทบจิตใจหน่อยก็ท้อ”

หากถึงกระนั้นเขาก็พยายามบอกกับตนเองว่า “ท้อไม่ได้นะ เดินมาไกลถึงขนาดนี้ ยังมีคนรออ่านงานอยู่”

“เมื่อไหร่หมดไฟก็พยายามปลุกมันขึ้นมาใหม่ เราเลือกทางเส้นนี้แล้ว ก็ต้องสู้ให้สุดครับ”

ในส่วนของปัจจุบันที่เขาได้ตัดสินใจมารับผิดชอบจัดการพิมพ์หนังสือของตนเอง จัดตั้งสำนักพิมพ์ AMP A BOOK นั้น ภาคินัยยอมรับว่าเหนื่อยมากกับการทำเอง ตั้งแต่เริ่มเขียนจนกระทั่งแพ็คหนังสือส่งเอง แต่เขาก็พร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงนั้น

“จากที่เคยเป็นแค่นักเขียน เขียนสบาย ๆ รอรับเงิน แต่ในเมื่อยุคสมัยมันเปลี่ยนไป เราก็ต้องปรับตัวให้อยู่ได้”

ภาคินัยยังบอกไปถึงแฟนๆว่า ตอนนี้กำลังเตรียมจะเขียนผลงานใหม่ 2 เรื่อง คือ ‘ BUNRAKU 5’ กับ ‘รอยรำพึง’

นักเขียนนวนิยายสยองขวัญแห่งยุคยังบอกอีกว่า ตามความรู้สึกของเขานวนิยายสยองขวัญนอกจากจะให้ความสนุก และความตื่นเต้น แก่คนอ่านแล้ว ในอีกด้านก็ยังมี ‘อย่างอื่น’ ซ่อนอยู่
คือ “ถึงจะไม่รู้ว่าผี สิ่งเร้นลับ มีจริงไหมก็ตาม แต่ผมเชื่อว่าอย่างน้อยมันก็ทำให้คนเกรงกลัวต่อบาป หรือสิ่งไม่ดีที่กำลังจะทำ”

“ผมว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ยังใช้ได้ดีกับทุกยุคทุกสมัย และผมพยายามที่จะใส่ไปในนิยายทุกเรื่องของผม”

ดังนั้น “นอกจากความสนุกสนานแล้ว คนอ่านจะได้ข้อคิดเล็ก ๆ น้อยๆ กลับไป อาจไม่ถึงกับได้ปรัชญาชีวิต แค่ได้ฉุกคิดว่ากลัวผีมาหลอกถ้าทำเลว นั่นก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วครับ”

คุณกำลังดู: ‘ภาคินัย’ ปลายปากกาที่มีมากกว่าคำว่า ‘สยองขวัญ’ และการเริ่มต้นบนเส้นทางสายใหม่

หมวดหมู่: ความบันเทิง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด