สุดยอดความหนัก รวม 5 รถอ้วนน้ำหนักตัวเกิน 2.3 ตันที่ขายในไทย!
หนักจังเลยจ้าพี่จ๋า! รวมรถอ้วนน้ำหนักตัวน้องๆ รถบรรทุก
บนโลกใบนี้ อะไรก็ตามที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมากก็ย่อมต้องต่อสู้กับแรงดึงดูดหรือ gravity ที่จะกระทำต่อวัตถุที่มีมวลมหาศาล รถยนต์ก็เป็นวัตถุชนิดหนึ่งที่มีน้ำหนัก ไม่ว่ามันจะเล็กหรือใหญ่ หากน้ำหนักตัวมากเกินไป มวลน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะกลายตัวการที่คอยบั่นทอนประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ วิศวกรจึงต้องคิดค้นเครื่องยนต์ที่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะทำให้รถคันโตเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ปัจจุบัน รถยนต์ 1 คันมีชิ้นส่วนเฉลี่ยมากถึง 30,000 ชิ้น หรือมากกว่านั้น ชิ้นส่วนบางชิ้นต้องรับแรงมหาศาล เช่น แชสซี เครื่องยนต์ หรือเกียร์ โดยเฉพาะรถอเนกประสงค์คันใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการใช้งานอย่างครอบคลุม การออกแบบให้ตัวถังมีขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ความใหญ่ของมิติตัวรถนั้นส่งผลไปถึงน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว แชสซีที่แข็งแรงของเอสยูวีมักจะมีน้ำหนักมากกว่ารถทั่วไป เพื่อความแข็งแกร่งทนทานไม่บิดตัวหรือฉีกขาดเมื่อขับลุยทางวิบาก การลดน้ำหนักด้วยการใช้โครงสร้างที่เป็นโลหะเบาอย่างอะลูมิเนียม หรือแม้แต่คาร์บอนไฟเบอร์ แม้จะเข้ามาช่วยทำให้รถมีน้ำหนักน้อยลงแต่รถยนต์ประเภทเอสยูวีที่มีทุกสิ่งทุกอย่างครบครันกลับมีมวลน้ำหนักที่คอยบั่นทอนประสิทธิภาพของแรงบิดที่ถูกส่งออกมาจากเครื่องยนต์ผ่านระบบเกียร์ และนี่คือรถยนต์ 5 คัน ซึ่งบางคันมีขายในประเทศไทยและมีน้ำหนักตัวทะลุเกิน 2.3 ตัน
5. BMW X5 xDrive M50d – 2,337 kg
New X5 xDRIVE M50d มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียง เทอร์โบ 4
ตัวกระหน่ำแรงบูส 2 ตัวต่อ 3 กระบอกสูบ!! เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่
ความจุ 3.0 ลิตร 2,993 ซีซี กำลัง 381 แรงม้า ที่ 4,000-4,400
รอบต่อนาที แรงบิดอย่างโหดที่ 740 นิวตันเมตร ในย่าน 2,000-3,000
รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.3 วินาที
โดยมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หมูอ้วน X5 M50d
มีช่วงล่างแบบถุงลม Adaptive Air Suspension โหมดขับเคลื่อน 5
รูปแบบและการปรับตั้งอัตโนมัติในระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDRIVE
น้ำหนักตัวส่วนใหญ่ของ X5 เกิดจากโครงสร้างแชสซี เครื่องยนต์และเกียร์
ชุดขับเคลื่อน 4 ล้อ
ช่วงล่างกับอุปกรณ์ในระบบอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัย
เบาะไฟฟ้าของ X5 ก็หนักเอาเรื่องกว่า 20 กิโลกรัม
ทำให้มันมีน้ำหนักตัวพุ่งสูงถึง 2.3 ตัน
แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของน้ำหนักตัวรถทั้งคันในกลุ่มเอสยูวีหรูไซส์กลางจากเยอรมนี
4. Ford Ranger Raptor 2.0 Bi-Turbo 4x4 10AT – 2,420 kg
กระบะตัวสุดคันนี้ มีดีที่สมรรถนะของแชสซี เครื่อง
เกียร์และช่วงล่างหมาจิ้งจอก FOX Racing
แชสซีอย่างหนากลายเป็นน้ำหนักตัวส่วนเกินที่คล้ายคนอ้วนกินจุ!Ranger
Raptor วางเครื่องดีเซล 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบคู่ หรือ
Bi-Turbo ใช้เทอร์โบสองตัวกับอินเตอร์คูลเลอร์คอยลดอุณหภูมิของไอดี
เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996
ซีซี. อัดอากาศด้วยเทอร์โบคู่ High-Pressure (HP Turbo)
เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ
ควบคุมด้วยวาล์ว (Bypass) กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุดมากถึง
500 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
เป็นเกียร์ขับสี่ลูกโตที่หนักเอาเรื่อง กำลังแรงม้านั้นไม่เท่าไหร่
แต่ตัวเลขแรงบิด 500 นิวตันเมตร บนเครื่องดีเซลแค่ 2 ลิตร
วิ่งดีทั้งทางราบและทางวิบาก จากกำลังที่เหลือล้นของมัน น้ำหนัก 2.4
ตันของไดโนเสาร์นักล่าคันนี้ เกิดจากแชสซีสุดแกร่ง โครงสร้าง
เครื่องและเกียร์ รวมถึงระบบความปลอดภัยต่างๆ
ส่วนล้อและยางของมันก็ยังมีน้ำหนักมากเป็นพิเศษ
ออกแบบเพื่อลุยและแกร่ง จะมาทำให้เบากว่านี้คงลำบากล่ะครับ
3. Ford Everest 2,0 Bi-Turbo 4x4 Limited 10AT – 2 467 kg
Everest Titanium plus 2.0L Bi-Turbo 10A/T ราคา 1,799,000 บาท
เป็นรถกระบะดัดแปลงให้กลายเป็นรถเอสยูวี หรือที่เรียกกันว่า PPV-SUV
มาพร้อมกับหน้าตาท่าทางที่โดนใจคนไทย จุดเด่นของ Everest รุ่นสูงสุด
นอกจากเครื่องยนต์ตัวใหม่แล้วก็ยังได้อานิสงส์จากความแข็งแกร่งของแชสซีที่อ้างอิงกับรถออฟโรดภายใต้แบรนด์
Ford ซึ่งจำหน่ายอยู่ในสหรัฐอเมริกามาช้านานแล้ว
มิติตัวถังมีความกว้าง 1,862 มิลลิเมตร ยาว 4,893 มิลลิเมตร และสูงถึง
1,836 มิลลิเมตร ความสูงใหญ่ของมันทำให้คนรูปร่างเตี้ยต้องตะกาย
หรือโหนตัวเข้าห้องโดยสารกันเลยทีเดียวเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร
เทอร์โบคู่ ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 10
สปีด สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Ford
ในการส่งถ่ายกำลังแรงบิดที่ได้รับจากเครื่องยนต์อย่างเต็มประสิทธิภาพ
กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
พละกำลังไม่ได้แรงจนกระชากหลังติดเบาะ
แต่มีแรงบิดที่ดีพอจะเอาตัวรอดในเส้นทางวิบาก
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นรถรุ่นนี้ล้วนแล้วแต่มีน้ำหนักมากทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นแชสซีโครงสร้าง เครื่องและเกียร์
รวมถึงความหนักของล้อขนาด 20 นิ้วและยาง ทำให้ Everest รุ่น Titanium
plus 2.0L Bi-Turbo มีน้ำหนักตัวมากถึง 2.4 ตันครับ
2. BMW X7 xDrive M50d Steptronic – 2,588 kg
เอสยูวีฟูลไซส์ใหญ่ยักษ์ในชั่วโมงนี้คงไม่มีใครใหญ่เกินหน้าเกินตา BMW
X7 M50d xDrive นี่คือยักษ์เยอรมันของจริง
ที่มาพร้อมความยาวของตัวถังในระดับ 5,151 มิลลิเมตร กว้างถึง 2,000
มิลลิเมตร สูง 1,805 มิลลิเมตร ฐานล้อก็ยังยาวเหยียด 3,105 มิลลเมตร
เจ้า M50d วางเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ X5 M50d
แต่มีการปรับแรงม้าและแรงบิดเพื่อให้มาความเหมาะสมกับขนาดและน้ำหนักของ
X7 เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 สูบ 2,993 ซีซี กระหน่ำเทอร์โบ 4
ตัวเพื่อการบูสที่ไม่ขาดตกบกพร่อง กำลัง 400 แรงม้าที่ 4,400
รอบต่อนาที แรงบิดระดับนรกแตกที่ 760 นิวตันเมตร มาในย่าน 2,000-3,000
รอบต่อนาที ระบบเกียร์ 8 สปีดพ่วงชุดขับสี่ xDRIVE เร่งจาก 0-100
กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.4 วินาที ล้ออัลลอยแบบใหม่ของ M ขอบ 9.5J x 21
นิ้ว ยางสปอร์ต 285/45 R21 113Y XL จากความยักษ์ของ X7
ทำให้มันมีน้ำหนักตัวไม่ต่างไปจากไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ซึ่งหนักถึง 2.5
ตัน เลยทีเดียว
1. Mercedes-AMG G63 4MATIC+ Speedshift-TCT 9G – 2,599 kg
สุดยอดความหนักในยุคนี้ของรถอเนกประสงค์ออฟโรดต้องยกให้กับพี่ดาวมาเฟียยุโรป
AMG G63 4MATIC+
ยักษ์ปักหลั่นคันนี้ถ้าเพิ่มอะไรแค่กิโลเดียวมันจะหนักถึง 2,600
กิโลกรัม ทันที Mercedes-AMG G63 4MATIC+ วางเครื่องยนต์เบนซิน รหัส
M177 ความจุ 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี แบบ V8 ทวินเทอร์โบ กำลัง 585 แรงม้า
แรงบิดจัดมาเต็มเม็ดที่ 850 นิวตันเมตร ในย่าน 1,800-3,500 รอบต่อนาที
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AMG Performance 4MATIC Plus all-wheel drive
with rear-biased torque distribution
ถ่ายเทแรงบิดแบบผกผันไปที่ล้อทั้งสี่
มีแรงฉุดลากมากพอที่เอาไว้พ่วงกับเทรลเลอร์รถบ้านหรือเทรลเลอร์เรือเพื่อลากจูงน้ำหนักได้กว่า
4,000 กิโลกรัม หรือเอาไว้ขับเร็วๆ บนไฮเวย์ก็ได้ทั้งนั้น
ระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G-Tronic 9 สปีด
เชื่อมต่อการทำงานกับระบขับเคลื่อน 4 ล้อ
รวมถึงอุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆของ G Class รุ่นสูงสุด
โดยเฉพาะแชสซีและช่วงล่างแบบถุงลม เกียร์ 9-G ลูกอย่างใหญ่พร้อม
transfer case เชื่อมต่อเพลาหน้า-หลัง ที่โคตรจะหนัก
ทำให้ยักษ์มาเฟียคันนี้มีน้ำหนักตัวบานเบอะมากถึง 2,599 กิโลกรัม
ถ้ารวมผู้โดยสาร 5 คน บวกสัมภาระเต็มคัน มันจะหนักประมาณ 3 ตัน
แม้ตัวจะใหญ่และมีน้ำหนักน้องๆ รถบรรทุก 6 ล้อ แต่ G63 เร่งจาก 0-100
ได้ในเวลาแค่ 4.5 วินาที โดยมีสปีดความเร็วสูงสุด 240
กิโลเมตรต่อชั่วโมง นี่ถ้าหั่นให้เหลือแค่ 1.5 ตัน มันน่าจะดัน 0-100
ได้แค่ 3 วิ เท่านั้นละครับ!
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
คุณกำลังดู: สุดยอดความหนัก รวม 5 รถอ้วนน้ำหนักตัวเกิน 2.3 ตันที่ขายในไทย!
หมวดหมู่: รีวิวรถใหม่