สังเกตเด็กๆ สุ่มเสี่ยงจะก่ออาชญากรรมหรือไม่
ปัจจุบันนี้ อายุของอาชญากรที่ก่อคดีต่าง ๆ ตามหน้าสื่อมีแนวโน้มที่จะน้อยลงทุกวัน ในรอบปีที่ผ่าน ๆ มา เราจะได้ยินได้เห็นข่าวการก่อคดีที่เด็กและเยาวชนเป็นผู้กระทำผิดเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก นอกจากลักษณะคดีที่เกิดขึ้นจะเป็นเหตุสะเทือนขวัญในตัวของมันเองแล้ว เรื่องที่น่าตกใจกว่าคือไม่น่าเชื่อว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นเพียงเด็กหรือเยาวชนเท่านั้น ที่เราเห็นเด็กที่สุดอาจเป็นเด็กวัยประถมที่แกล้งเพื่อนจนปางตาย หรือเด็กวัยรุ่นที่ก่อเรื่องชกต่อยทำร้ายร่างกายคนอื่นจนบาดเจ็บสาหัส หรือเลวร้ายถึงขั้นฆ่าแกงกันก็มี อายุเพียงสิบกว่า ๆ ก็เป็นฆาตกรฆ่าคนตายแล้ว
การที่เราต้องมานั่งอ่านข่าวดูข่าวอาชญากรรมที่เด็กหรือเยาวชนเป็นผู้กระทำความผิดดูเหมือนจะยังไม่เลวร้ายพอ เพราะเราจะเห็นว่าการกระทำความผิดนั้นแยบยลมาก หรือมีการใช้ความรุนแรงต่าง ๆ อย่างโหดเหี้ยม ไม่ต่างจากอาชญากรผู้ใหญ่เลยด้วยซ้ำไป การที่เด็กและเยาวชนก่อคดีได้ขนาดนี้เป็นเรื่องที่ผิดปกติมากในสังคม ถึงกระนั้นปัญหาเหล่านี้ก็ไม่ใช่เพิ่งมี มันมีมานานมากแล้ว หากแต่ผู้ใหญ่ยังไม่ค่อยให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาอย่างถูกทาง
อย่างไรก็ดี ปัญหานี้อาจเริ่มต้นป้องกันได้จากสถาบันครอบครัว คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องใส่ใจให้ความสำคัญกับปัญหานี้ให้มากขึ้น รวมถึงคอยสังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานว่าสุ่มเสี่ยงจะใช้ความรุนแรงหรือไม่ เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาได้ก่อนที่จะสายเกินไป เนื่องจากพฤติกรรมความรุนแรงของเด็กนั้น ถ้าพบเร็วตั้งแต่วัยเด็ก ก็ยังมีโอกาสแก้ไขได้ทัน
โมโหร้ายจนควบคุมตัวเองไม่ได้
เด็กเล็ก ๆ ก็สามารถแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมก้าวร้าวได้แล้ว
เมื่อพวกเขาเริ่มมีพัฒนาการทางด้านอารมณ์
จะเริ่มมีการแสดงออกเมื่อรู้สึกไม่พอใจ หากเด็กมีอารมณ์โกรธที่รุนแรง
โมโหร้ายแบบที่ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ อาละวาดเวลาที่โกรธ
ทำลายข้าวของ ทำร้ายตัวเอง ทุบตีพ่อแม่หรือคนอื่น ๆ
ที่อยู่ใกล้ชิดเวลาที่ไม่ได้ดั่งใจ
เมื่อพ่อแม่พยายามจะควบคุมแล้วแต่ก็พบว่ามันยากมาก
สอนแล้วก็ไม่เชื่อฟัง
หากเป็นเช่นนี้แนะนำให้ไปปรึกษาจิตแพทย์เด็กจะดีกว่า
ให้แพทย์วินิจฉัยว่าต้องให้การรักษาอย่างไรเพื่อหยุดพฤติกรรมแบบนั้น
ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือน่าอายแต่อย่างใด
ดีกว่าปล่อยให้เติบโตไปแบบนั้น
จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตในระยะยาวของเด็กได้
พฤติกรรมเลียนแบบ
การเลียนแบบเป็นพฤติกรรมปกติของมนุษย์
เรามักจะทำตามสิ่งที่พบเห็นแทบทั้งสิ้น
โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชนที่เป็นวัยกำลังเรียนรู้
สิ่งแวดล้อมที่เด็กเห็นล้วนมีอิทธิพลต่อตัวเด็ก
เริ่มจากการแสดงออกด้วยการเลียนแบบเพราะรู้เท่าไม่ถึงการ
หากไม่มีใครคอยอบรมสั่งสอนว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นพฤติกรรมไม่ดี
ไม่ควรเลียนแบบ ก็จะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดา
และยิ่งเห็นว่าทำแล้วมีคนให้ความสนใจ ทำแล้วเท่
บวกกับความคึกคะนองตามวัยและคบเพื่อนที่ไม่ดี
ก็จะมีการเลียนแบบพฤติกรรมกันในกลุ่มเพื่อที่จะได้มีเพื่อน
ส่วนในครอบครัวที่มีการใช้ความรุนแรงให้ลูกเห็นเป็นประจำ
เด็กก็จะซึมซับพฤติกรรมเหล่านั้นมา เพราะถ้าพ่อแม่ทำได้
พวกเขาก็ทำได้เหมือนกัน เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
ดูจากเพื่อนของลูก
เด็กและเยาวชนเป็นวัยที่เริ่มเข้าสังคมใหม่ ๆ
ได้ทำความรู้จักกับคนอื่น ๆ นอกเหนือจากคนในครอบครัว
มีแนวโน้มที่เด็กจะติดเพื่อน
และติดเอาพฤติกรรมของเพื่อนมาด้วยหากเลือกคบเพื่อนที่ไม่ดี
เนื่องจากจะพยายามทำตัวให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มแก๊ง ให้เข้ากับคนอื่น
ๆ ในกลุ่มได้ อาจมีการชักชวนกันไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร เช่น
ยาเสพติด ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สิน การใช้ความรุนแรงในโรงเรียน
พ่อแม่จึงจำเป็นต้องให้เวลาในการสอดส่องบุตรหลานอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
โดยที่ไม่จับผิดจนเด็กรู้สึกอึดอัด
ไม่ใช่การเรียกมาคุยแล้วบอกให้เลิกคบเพื่อนคนนั้น
ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะเตลิดได้ แต่ต้องค่อย ๆ สอนอย่างเข้าใจ
ให้รู้ผิดชอบชั่วดี ถ้าเห็นว่าไม่ดี พวกเขาจะถอยออกมาเอง
เคยประสบพบเจอกับความรุนแรงมาก่อน
เด็กที่เคยถูกล่วงละเมิดหรือมีประสบการณ์จากการใช้ความรุนแรงในครอบครัว
เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กเติบโตขึ้นมาโดยนิยมใช้ความรุนแรง
ส่วนหนึ่งคือคือพฤติกรรมเลียนแบบพ่อแม่ เห็นพ่อแม่ทำได้
ทำแล้วไม่ผิดเป็นเรื่องปกติก็เลยทำตาม
แต่อีกส่วนมาจากบาดแผลในใจเด็กที่เคยเป็นผู้ถูกกระทำ
ผลพวงจากการที่เคยมีประสบการณ์เลวร้ายแบบนั้นเป็นเหมือนกับแรงขับให้เด็กมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง
เป็นความผิดปกติทางด้านสังคมที่พยายามจะแก้แค้นในสิ่งที่ทำให้ตนเองรู้สึกทุกข์ทรมาน
มีบุคลิกต่อต้านสังคม จึงแสดงออกด้วยการใช้ความรุนแรง
ขาดความเห็นใจผู้อื่น ขาดความสำนึกผิด ขาดความยับยั้งชั่งใจ
ความรู้สึกด้านชาไม่เกรงกลัวสิ่งใด และที่สำคัญคือ
เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง
เลี้ยงลูกแบบปล่อยปละละเลย
เมื่อมีข่าวการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญ
ฆาตกรมักจะถูกนำตัวไปตรวจสุขภาพจิตว่าป่วยเป็นโรคจิตเภทหรือเป็นเพียงพฤติกรรมที่ต่อต้านสังคม
ในรายที่ไม่ได้ป่วยด้วยโรคจิตเภท
ส่วนใหญ่แล้วจะพบว่าพื้นฐานวัยเด็กของพวกเขามีปัญหา
เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมต่อพัฒนาการ การเรียนรู้
พ่อแม่เลี้ยงดูแบบปล่อยปละละเลยไม่อบรมสั่งสอน
ถูกปฏิเสธจากคนในครอบครัว ปฏิเสธการมีตัวตนในสังคม หรือถูกทอดทิ้ง
นี่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พวกเขาใช้ ความรุนแรงแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
เนื่องจากพวกเขาไม่เคยรู้สึกว่าตนเองปลอดภัยเมื่ออยู่ในครอบครัวหรืออยู่ในสังคม
จึงพยายามที่จะสร้างความปลอดภัยด้วยตัวเอง
พวกเขาคิดว่าความรุนแรงสามารถปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยจากสิ่งต่าง ๆ
คุณกำลังดู: สังเกตเด็กๆ สุ่มเสี่ยงจะก่ออาชญากรรมหรือไม่
หมวดหมู่: ผู้หญิง