ทะเลาะยับที่สถานีชาร์จ ! ไม่เหลือสักคาราเบล รถยนต์ไฟฟ้าขับทางไกล ทำไมต้องรอ ?
ไม่เหลือสักคาราเบล! ขับใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเที่ยวทางไกลช่วงส่งท้ายปีอย่างไรให้ไฟไม่หมดกลางทาง!!
เคล็ดลับในการใช้ประโยชน์สูงสุดจากการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อขับทางไกล คุณได้เรียนรู้ทั้งก่อนและระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนอย่างรัดกุมที่จะเพิ่มระยะทางด้วยจุดชาร์จไฟที่ปลอดภัยต่อระยะทางที่ขึ้นตรงกับไฟในแบตฯ กุญแจสู่ความสำเร็จในการเดินทางบนถนนด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระยะทำการ 400-450 กิโลเมตรก็คือ การวางแผนให้ครอบคลุม อุดรูรั่วที่จะไปไฟหมดกลางทาง หรือหาสถานีชาร์จไฟเพื่อไปต่อไม่ได้ และต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับบางอย่าง เพื่อทำให้การเดินทางไกลด้วยยานยนต์ EV ถึงจุดหมายโดยปลอดภัย ไฟไม่ไปหมดกลางทางซะก่อน
1. ขับเรื่อยๆ
ไม่ใช้ความเร็วในลักษณะที่จะเพิ่มระยะทางให้กับรถยนต์ไฟฟ้า
รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่มีราคา 8-9 แสนบาท ไปจนถึง 1.2 ล้านบาท
อยู่ในกลุ่มที่มีผู้คนสนใจและควักเงินซื้อมากที่สุด
รถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้ สามารถวิ่งได้ประมาณ 400 กิโลเมตร
จากการชาร์จจนเต็ม
ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่ารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในกลุ่มที่มีราคาย่อมเยา
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความสามารถด้านระยะทางและความจุของแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่
เช่น Tesla Model 3 / Y / S และ X จะอยู่ที่ 400-650 กิโลเมตร BMW iX
/ Mercedes-EQS500 4Matic
ตัวเลขระยะทางที่เคลมมาจากโรงงานจะเพิ่มขึ้นจนเกือบจะแตะ 650 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงค่าประมาณการเท่านั้น
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิธีที่คุณขับ เนื่องจากอุปกรณ์สำคัญในรถยนต์ไฟฟ้า
ใช้พลังงานไฟจากแบตเตอรี่ การลดการใช้ไฟในแบตเตอรี่
จึงช่วยยืดระยะทางได้บ้างไม่มากก็น้อย
ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องปรับอากาศขับแบบเหยียบคันเร่งเบาๆ
ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
และใช้ระบบเบรกแบบสะสมพลังงานหรือ Regenerative braking
เพื่อชะลอความเร็วแทนการเหยียบแป้นเบรก อย่าลืมว่า
ตัวเลขระยะทางมักจะไม่สัมพันธ์กับการใช้ความเร็ว
ยิ่งขับเร็วก็จะเปลืองไฟในแบตฯ เหมือนขับเร็วในรถยนต์สันดาป ICE
ก็ย่อมสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เป็นเรื่องปกติ
2. วางแผนการชาร์จไปพร้อมกับพักรับประทานอาหาร
เมื่อเดินทางด้วยรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน โดยปกติแล้ว
คุณสามารถเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันและกลับมาบนถนนอีกครั้งภายในไม่กี่นาที
แต่ไม่ใช่กับยานยนต์ EV
ถ้าพบสถานีชาร์จที่ติดตั้งเครื่องชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรงหรือ DC
ตามเส้นทาง การเพิ่มไฟให้กับแบตเตอรี่ ถึง 80
เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้นโดยทั่วไปจะใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง
หรือแค่ 30 นาที เมื่อตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทางแล้วพบว่า
ถนนที่จะไป มีสถานีชาร์จอยู่ตลอดทาง
ให้ขับไปให้ไกลที่สุดก่อนที่จะหยุดชาร์จ
ไม่ควรคาดหวังว่าจะพบสถานีชาร์จตามชุมชนหรือสถานที่ท่องเที่ยวที่ห่างไกล บางครั้งสถานีชาร์จไฟก็หาได้ยากเย็นราวกับงมเข็มในมหาสมุทร สำหรับวิธีเพิ่มเวลาในขณะที่รอชาร์จ สถานีชาร์จไฟฟ้าหลายแห่งตั้งอยู่ในศูนย์การค้าและใกล้ร้านอาหาร จึงเหมาะสมที่จะรวมการชาร์จเข้ากับการรับประทานอาหารหรือเดินเล่น แต่ควรกลับมาที่จุดชาร์จให้ตรงตามเวลาที่ได้กำหนดเอาไว้เพราะคนอื่นก็รอชาร์จอยู่เหมือนกัน
3. ใช้แอปฯ ที่มีอยู่ กำหนดระยะล่วงหน้า
มีหลายวิธีในการค้นหาสถานีชาร์จสาธารณะ ดาวน์โหลดแอปฯ
ที่ออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์นี้โดยเฉพาะ เช่นEVolt /EA Anywhere /
PlugShare /MEA EV /EV Station PluZ / PEA VOLTA /GO TO-U หรือใช้
Google Maps เพื่อค้นหาประเภทสถานีชาร์จที่คุณต้องการแบบเร่งด่วน แอปฯ
เหล่านี้ยังสามารถช่วยคุณค้นหาที่ชาร์จตามเส้นทางได้
จำไว้ว่าระยะทางโดยประมาณของรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่ของคุณ
สภาพอากาศ และการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น
เครื่องปรับอากาศเมื่อนำมาพิจารณาเพื่อวางแผนเส้นทางและระยะทางควรมองหาที่ชาร์จล่วงหน้าฉุกเฉิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จุดชาร์จที่อยู่ใกล้กับโรงแรมที่พัก
ห้ามขับจนระยะทางเหลือไม่ถึง 20 กิโลเมตร
ก่อนที่จะหาสถานีชาร์จเจอ!
4. วางแผนสำรอง
จากประสบการณ์ สถานีชาร์จอาจเจ๊ง
หรือหยุดทำงานเพื่อการซ่อมบำรุงวันหยุดยาวแบบนี้
จุดชาร์จมักจะแน่นเอี้ยด
หรือมีบางคนชาร์จแบบแช่ยาวไม่ยอมกลับมาที่รถตามเวลาหรือพบว่าหัวชาร์จไม่สามารถสื่อสารกับรถของคุณ
ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
เมื่อไฟในแบตเตอรี่ของคุณเหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ
ไม่ควรขับไปยังพื้นที่ห่างไกล ที่มีสถานีชาร์จสาธารณะเพียงแห่งเดียว
หรือยังหาไม่เจอ คุณจะทำอย่างไรถ้าไปถึงแล้วที่ชาร์จนั้นกลับไม่ทำงาน
หรือไม่สามารถชาร์จไฟได้ ? การมีแผนสำรอง เช่น
การรู้จักใครสักคนในพื้นที่ที่อาจอนุญาตให้คุณเสียบปลั๊กไฟแบบข้ามคืนได้
อาจเป็นความแตกต่างระหว่างการเดินทางบนถนนที่ประสบความสำเร็จและน่าจดจำกับการเดินทางด้วยยานยนต์ไฟฟ้าที่ยากลำบากและทำให้คุณอยากลืมเรื่องที่ไม่น่าประทับใจ
5. รถยนต์ไฟฟ้าระยะทำการ 350-400 กิโลเมตร
เหมาะสำหรับใช้งานในเมืองมากกว่าการขับออกนอกเส้นทาง
แม้แต่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่มีจุดชาร์จ EV
เยอะมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การหาเครื่องชาร์จเร็วนอกเมืองนั้นจะกลายเป็นเรื่องยาก
การเดินทางไปยังสถานที่ห่างไกล เช่น อุทยานแห่งชาติ
จะต้องมีการวางแผนล่วงหน้า มากกว่าการขับใช้งานในเขตเมือง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลก็แทบจะหาสถานีชาร์จไม่เจอ
หรือไม่มี หากดวงกุด
การวางแผนล่วงหน้าแทบไม่เกิดประโยชน์เมื่อขับไปที่จุดชาร์จแล้วพบว่ามันไม่ทำงาน
หรือมีรถจอดรอชาร์จอยู่เป็นจำนวนมาก หรือแอปฯ แจ้งว่าจุดชาร์จว่าง
ตามเวลาที่จองไว้
แต่พอไปถึงก็พบว่ามีรถจอดชาร์จอยู่แล้วไม่มีเจ้าของอยู่ใกล้ๆ
นี่คือยุคแรกของยานยนต์พลังงานสะอาดที่เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องทำใจ
และทำการวางแผนเดินทางล่วงหน้าเผื่อเหลือเผื่อขาดทุกครั้งที่ออกเดินทาง
ขอให้มีความสุขกับ Electric Car ครับ.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
คุณกำลังดู: ทะเลาะยับที่สถานีชาร์จ ! ไม่เหลือสักคาราเบล รถยนต์ไฟฟ้าขับทางไกล ทำไมต้องรอ ?
หมวดหมู่: รถยนต์
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- มาแล้ว สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 180-360 kW ความเร็วทะลุมิติของไทย ครั้งแรกในอาเซียน!
- ชาร์จเต็มวิ่งไกล 500 กิโลเมตร มาแล้วเอสยูวีไฟฟ้า The new Audi Q8 e-tron
- แน่ใจแล้วนะวิ! รถยนต์ไฟฟ้าปลอดภัยหรือไม่?
- ประกอบไทย ราคาดีงาม สัมผัสแรก! ทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า MERCEDES-EQS 500 4MATIC AMG PREMIUM
- วิ่งไกล เข้าไทยต้นปีหน้า รถยนต์ไฟฟ้า BMW iX1 ELECTRIC
- สะอาด 100% VOLVO ติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์