เทรนด์ทรงผม เทรนด์สีผม 2023 เลือกอย่างไรให้เข้ากับรูปหน้า รู้ไว้ไม่มีพลาด
จัดมาให้แล้ว กับเทรนด์ทรงผม และเทรนด์สีผมมาแรงในปี 2023 พร้อมวิธีเลือกทรงผมให้เข้ากับรูปหน้า แบบรอดไม่มีร่วง
แค่เปลี่ยน "ทรงผม" ก็เปลี่ยนลุคได้แล้ว Sanook Women จะชวนสาวๆ มาเปลี่ยนตัวเอง ด้วยการพาไปอัปเดตเทรนด์ทรงผม และเทรนด์สีผมมาแรงในปี 2023 พร้อมวิธีเลือกทรงผมให้เข้ากับรูปหน้า แบบรอดไม่มีร่วง เลือกทรงผมได้แล้ว พุ่งตัวไปปรับลุครับปีใหม่กันได้เลยค่ะ
เรื่องของเทรนด์มีการปรับเปลี่ยนขึ้นทุกปี รวมทั้งเรื่องของ
"ผม" เช่นกัน ครั้งนี้
คุณช็อคโกแลต-สุชีวัน แป้นเจริญ เจ้าของ Be
My Guest Salon ร้านผมลับๆ ย่านห้วยขวาง
ตัวเจ้าของอัดแน่นไปด้วยประสบการณ์ด้าน
"ผม" ออกแบบดูแลผม ตามสไตล์เกาหลี
จบคอร์สดัดผมสไตล์เกาหลีจาก Juno Academy และ Create จากประเทศเกาหลี,
จบคอร์ส cutting จากสถาบัน Mazella & Partners ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
อยู่ในวงการ "ผม" มามากกว่า 10 ปี
และลงมือทำผมเองทุกขั้นตอน ได้เผยเทรนด์ "ทรงผม ปี
2023" ไว้ให้สาวๆ ได้อัปเดตแล้ว
เทรนด์สีผม 2023
pantone.com
ปีนี้เทรนด์สีมีความหลากหลายมาก Pantone 2023
ได้ประกาศสีประจำปีออกมาแล้ว คือสี "Viva Magenta"
โทนแดงเข้มหรือม่วงอมแดง
เป็นสีที่สะท้อนถึงพลังความกล้าหาญและความแข็งแกร่ง ด้วยความที่เราเพิ่งผ่านวิกฤติมา
ผ่านความตึงเครียดกันมาหลายปี สีในปีนี้จึงสื่อสารออกมาให้กระตุ้น
ให้มีชีวิตชีวา มีความหวังมากขึ้น ให้ฟิลเหมือนเราถูกปลุกขึ้นมา
ให้มีพลัง ถูกปลุกขึ้นมาจากความเหนื่อยล้า
เทรนด์สีปีนี้ทำให้เรานึกถึงยุค 80s-90s แฟชั่นของยุค 80s-90s กำลังมา
เห็นได้ชัดจากช่วงสิ้นปีมีดาราหลายคนทำสีผมโทนสีนี้
และลูกค้าหลายคนก็เริ่มทำไฮไลท์เส้นใหญ่ๆ มากขึ้น ยุค 80s-90s
เป็นยุคที่สนุก สีสันค่อนข้างเยอะ เป็นแฟชั่นแบบเรโทร
ที่สามารถแต่งตัวได้เยอะ แต่ละคนที่มาทำผม คืออยากเปลี่ยนลุคจริงๆ
เรื่องสีผม จริงๆ ทางช่างจะช่วยเลือกดูให้ตามความเหมาะสม เหมือนทุกๆ
ปีมันจะมีเทรนด์ถูกกำหนดมา แต่คีย์เวิร์ดของสีที่ออกมา
ไม่ได้จะเหมาะกับคนทุกคน
ช่างก็เลยไม่ได้ให้น้ำหนักกับเรื่องเทรนด์สีสักเท่าไร
แต่จะให้น้ำหนักเกี่ยวกับเรื่องปัจจัยต่างๆ เช่น คุณเป็นคนสีผิวสีอะไร
ทำสีไหนแล้วดูสวยที่สุด หน้าสว่าง หน้าขาว รูปหน้าเป็นยังไง
เลือกกรอบหน้า เลือกทรงยังไง ช่างจะทำหน้าที่ให้คำแนะนำ แล้วพอปีนั้นๆ
มีเทรนด์สีอะไร ก็เอาสีนั้นเข้ามาใส่ในตัวลูกค้า
เช่นปีที่แล้วมีเทรนด์สีม่วงอ่อนออกมา
ไม่ใช่ว่าลูกค้าจะทำแล้วรอดทุกคน
เราก็อาจจะปรับให้เป็นเทาม่วงเพื่อเข้ากับลูกค้าคนั้นๆ มากขึ้น
เป็นต้น
สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกๆ ในการเปลี่ยนสีผมของสาวๆ หรือหนุ่มๆ คือ
องค์ประกอบที่สำคัญรายบุคคล เช่น โทนสีผิว กรอบรูปหน้า
และบุคลิกของลูกค้าแต่ละคนว่า เหมาะกับสีไหนที่สุด ทำออกมาแล้ว ดูดี
ดูหน้าสว่างสดใส ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดีขึ้น มั่นใจขึ้น
องค์ประกอบทั้งหมดนี้ ช่างทำผมควรแนะนำให้ความรู้กับลูกค้า
และเลือกสีให้เหมาะกับแต่ละคน ส่วนเทรนด์สีในแต่ละปีนั้น
ช่างอาจจะใส่ลงไปในเทคนิคการทำผมให้ลูกค้าได้ตามช่วงเวลา เช่นเทคนิค
Highlights, Balayage, Hidden hair หรือ Face frame
highlights
การเลือกสีผมให้เหมาะกับโทนสีผิว
1.ผิวขาวอมชมพู
เหมาะกับ : บลอนด์หม่น /น้ำตาลอ่อน/น้ำตาลส้ม
ควรเลี่ยง : สีดำ หรือสีเข้มมากๆ
เพราะจะทำให้ดูมีอายุ
2.ผิวขาวเหลือง
เหมาะกับ : น้ำตาลโทนร้อน /น้ำตาลแดง
/น้ำตาลประกายม่วง /สีมะฮอกกานี จะทำให้หน้าสว่าง สดใส
ควรเลี่ยง : สีโทนหม่น สีทอง หรือบลอนด์อ่อนมากๆ
จะทำให้ดู ซีด ดูเหมือนคนป่วย
3.ผิวสองสี
เหมาะกับ : สีน้ำตาลอ่อน หรือ น้ำตาลประกายทอง
ควรเลี่ยง : สีดำ สีเข้ม เพราะจะทำให้ดูหน้าดุ
4.สีน้ำผึ้ง หรือผิวเข้ม
เหมาะกับ : สีช็อคโกแลต หรือน้ำตาลธรรมชาติ
ควรเลี่ยง : สีบลอนด์ สีที่ออกทอง
หรือสีสว่างมากๆ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวดูคล้ำ
เทรนด์ทรงผม 2023
แฟชั่นต่างๆ ที่เคยนิยมในยุค
80s-90s จะกลับมาสร้างสีสันให้กับปีนี้อีกครั้ง
เทรนด์ผมของปีที่แล้วจะเป็นเทรนด์เกาหลีเป็นส่วนมาก ส่วนผมบ๊อบ
จากก่อนหน้านี้เป็นผมบ๊อบสไตล์ฝรั่ง
ก็จะเปลี่ยนมาเป็นบ๊อบเกาหลีหมดเลย จริงๆ ปี 2023
มันเหมือนกับว่ามีความหลากหลายของทรงผม
คือทุกคนสามารถทำทรงอะไรก็ได้ที่ตัวเองมั่นใจ ดึงความเป็นตัวเองออกมา
"ผมสั้น" ก็ยังคงมาแรงอยู่ ส่วน "ผมยาว" จะเป็นผมยาวที่มี เทคเจอร์
มีริ้วลาย คือทรงจะกลับไปคล้ายๆ ทรงผมในยุค 80s-90s
ที่มีการใส่เลเยอร์ลงไป ไม่ใช่แบบยาวคลาสสิก
แล้วก็จะไม่ใช่สั้นคลาสสิก
จะเป็นทรงที่มีความดึงความเป็นตัวเองออกมาค่ะ
pinterest.com
ในส่วนทรงผมที่น่าจะเป็นที่นิยม คือทรงผมที่มีความพริ้วไหวสูง เน้นเทกซ์เจอร์ อย่างเช่น ทรง Butterfly hair cut ซึ่งเป็นทรงที่มีกลิ่นอาย ยุค90s ทรงนี้ข้อดีคือ ดูแลง่าย เบาสบาย เป็นอิสระ และสามารถเข้าได้กับทุกรูปหน้า
ทรงผมสั้น 2023
ผมสั้นจะเป็นผมสั้นที่มีความหวานเข้ามาในตัว ไม่ใช่เป็นบ๊อบแข็งๆ
หรือผมบ๊อบทื่อๆ จะมีความหวาน มีความใส่ดีเทลลงไป
อย่างผมสั้นก็จะมีสั้นซอยๆ เป็นสไตล์เกาหลี ญี่ปุ่น
แล้วก็จะเป็นพวกทรงผม Wolf
Cut ที่มีไซซ์กลางแต่ว่ามีกรอบทรง มีการซอยขึ้นมา
ทรงผมยาว 2023
ส่วนผมยาว ก่อนหน้านี้คือเทรนด์มันจะเป็นผมวอลลุ่มหนาๆ
แต่ปีนี้จะเป็นเทคเจอร์บางเบาทุกไซซ์ ไม่ว่าจะเป็นผมบ๊อบ ไซซ์กลาง
หรือแม้กระทั่งผมยาว เทรนด์ของปีหน้าจริงๆ
มันก็ยังอิงอยู่กับทางเกาหลีอยู่ แบบเลเยอร์ เทคเจอร์เยอะๆ เบาๆ
พลิ้วๆ ธรรมชาติ
ความแตกต่างของเทรนด์ผมปี 2022 และปี 2023
เราว่ามีความฉูดฉาด มีความสนุกขึ้น ด้วยทั้งสี ทั้งทรง
เพราะเมื่อก่อนบางคนอาจจะไม่ค่อยกล้าซอยผมที่มีเทคเจอร์เยอะๆ
เวลานี้มันจะมีความนอกกรอบขึ้น อย่างคนที่ผมบ๊อบ
ก็จะต้องรู้สึกว่าเป็นบ๊อบที่ค่อนข้างถูกจัดทรงแล้ว
ปีนี้จะมีเข้ามีออก ทุกคนจะรู้สึกว่าหลุดออกจากกรอบเดิมๆ
เพราะถูกครอบมาเยอะแล้ว ทรงผมจึงออกมาสนุกขึ้น จะกลับไปคล้ายๆ
ทรงผมในยุค 80s-90s ที่มีการซอยเยอะๆ มากกว่า
จะไม่ได้คลาสสิกมาก
วิธีเลือกทรงผมให้เหมาะกับรูปหน้า
แต่ละคนกรอบหน้าหรือรูปหน้าไม่เหมือนกัน ต้องเลือกเป็นทรงที่ดึงรูปหน้าของลูกค้าให้ดีที่สุด อย่างเช่น มีการเวฟ หรือใส่เทคเจอร์ที่กรอบหน้า เพื่อให้หน้าดูเรียว หรือว่าให้เปิดหน้าแล้วให้มีความรู้สึกมั่นใจ
หน้ากลม
เหมาะกับทรง
- ทรงสไลด์กรอบหน้า
- หน้าม้ายาวปัดข้าง
- บ๊อบสั้นปัดข้าง
ไม่แนะนำ
- หน้าม้าสั้นตรง
- บ๊อบตรงทื่อๆ เพราะจะทำให้หน้าสั้น ดูแข็ง
หน้าทรงเพชร
เหมาะกับทรง
- ซอยสั้น ปัดข้าง หรือทรงสไตล์สาวเท่
- ประบ่า ปัดข้าง
ไม่แนะนำ
- ผมดัด ลอนเยอะๆ
หน้ารูปไข่ วงรี
รูปหน้าทรงนี้จะได้เปรียบ ทำได้ทุกทรง
ไม่ว่าจะเป็น
- ผมซอยสัั้น
- ประบ่า แสกกลาง
- ยาวลอน
- ไม่มีทรงที่ห้ามทำ
หน้าทรงยาวตรง
ทรงที่แนะนำ
- ผมยาว ที่มีลอนออก เปิดกรอบหน้า
- ประบ่า หน้าม้า
ไม่แนะนำ
- ผมสั้นมาก หรือยาวมากเกินไป เพราะจะยิ่งเน้นโครงหน้าที่ยาวมากขึ้น
รูปหน้าทรงหัวใจ
ทรงที่แนะนำ
- ยาวสไลด์
- ประบ่าสไลด์
- หน้าม้าเบาๆ ไม่แข็งทื่อ
- ทรงยาวลอน
วิธีการดูแลผมทำสีไม่ให้เสีย
ปีที่ผ่านมาหลายคนกล้าที่จะฟอกสีผมมากขึ้น ในการดูแล คือหนึ่งต้องเข้าใจก่อนว่าเราทำเคมีไป เสียหายระดับไหน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มันเทียบเท่ากันหรือว่าเพียงพอต่อความเสียหายของเส้นผม เช่น บางคนสระผมอย่างเดียวไม่ใส่ครีมนวดเลยด้วยซ้ำ แต่ทำเคมีระดับถึงฟอก ไฮไลท์ ยืด ดัด คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้มันไม่เพียงพอต่อการดูแลผม ฉะนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับเคมีที่เราทำบนเส้นผม
อีกเรื่องหนึ่งที่คนมักจะพลาดกัน
คือเลือกเคมีหรือว่าเลือกการทำเคมีที่รุนแรงเกินไป โดยที่จริง
ลูกค้าอาจจะไม่ค่อยได้รู้ ว่าทำสิ่งนี้จะแรงมาก หรือแรงน้อย
อาจจะต้องเลือกร้านหรือเลือกจากผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงหรือเป็นที่ยอมรับ
เพราะเขาจะมีการวิจัยมาแล้วว่า ทำแบบนี้แล้วผมให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ไม่ใช่ทำขึ้นทรงอย่างเดียวแล้วคุณภาพคือไม่เหลือเลย
ผลิตภัณฑ์ที่ดีจะทำให้คุณภาพผมที่เปลี่ยนแปลงไป คือเปลี่ยนทรงได้
เปลี่ยนสีได้ แต่ว่ามันไม่พัง
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ช่างด้วยว่าช่างเลือกผลิตภัณฑ์อย่างไร
แต่ตอนนี้ปัญหาคือทุกคนน่ะสามารถซื้อผลิตภัณฑ์อะไรก็ไม่รู้มาทำเองได้
แล้วคนที่ทำ
ถ้าไม่ใช่ช่างเขาก็จะไม่มีความรู้เรื่องความเสียหายว่าทำได้ถึงแค่ไหน
ควรทำหรือไม่ควรทำ อย่างน้อยๆ คือตอนนี้ถ้าว่าสาวๆ
จะทำเองก็ควรจะศึกษาให้เยอะขึ้น
จัดการผมเสียให้ฟื้นคืนชีพ กลับมาสภาพดี
ถ้าผมเสียเยอะ แนะนำว่าค่อยๆ ตัด อย่างบางคนเสียจนถึงระดับผมช็อตแล้ว ไม่แนะนำให้เก็บผมไว้นะ เพราะเก็บไว้มันจะเหนื่อย แล้วการตัดทิ้ง เหมือนเป็นการทำให้ร่างกายลดภาระในการที่จะต้องเข้าไปซ่อมแซม ร่างกายมันฉลาด คือถ้ายังเก็บผมแบบนี้ไว้ พอเอาทรีตเมนต์หรือว่าเอาโปรตีนอะไรเข้าไป เขาจะไปซ่อมก่อน จะไม่เกิดใหม่ สังเกตว่าช่วงที่ผมช็อตหรือผมเสียผมจะยาวช้า เพราะว่าเขาซ่อมอย่างเดียว แล้วสุดท้ายแล้วน่ะ ถ้ามันหนักมาก มันซ่อมไม่ไหว เราก็ควรตัดทิ้งแล้วเริ่มต้นใหม่ง่ายที่สุด
อัลบั้มภาพ 29 ภาพ ของ เทรนด์ทรงผม เทรนด์สีผม 2023 เลือกอย่างไรให้เข้ากับรูปหน้า รู้ไว้ไม่มีพลาด
คุณกำลังดู: เทรนด์ทรงผม เทรนด์สีผม 2023 เลือกอย่างไรให้เข้ากับรูปหน้า รู้ไว้ไม่มีพลาด
หมวดหมู่: ผู้หญิง