8 เรื่องที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบี
บ้างก็ว่าโรคไวรัสตับอักเสบบีเป็นโรคติดต่อทางน้ำลายบ้าง การไอการจามบ้าง หรือทานอาหารร่วมกันไม่ได้บ้าง จริงๆ แล้วไวรัสตับอักเสบบีอันตรายมากน้อยแค่ไหนกันนะ
ถ้าพูดถึงโรค “ไวรัสตับอับเสบบี”
เชื่อว่าหลายคนรู้จัก เพราะเราเรียนและได้ยินชื่อโรคนี้อยู่ตลอด
แม้แต่รายชื่อวัคซีนก็มีวัคซีนของโรคไวรัสตับอับเสบบีเป็นวัคซีนแรกๆ
ที่เด็กต้องได้รับนอกเหนือไปจากวัคซีนป้องกันโรควัณโรค บาดทะยัก
และโปลีโอ
แต่ถึงแม้ชื่อโรคจะคุ้นเคย
แต่เราก็มั่นใจว่าหลายคนยังมีความเข้าใจผิดๆ
เกี่ยวกับโรคไวรัสตับอับเสบบีอยู่ Sanook! Health
เลยจะมาไขข้อสงสัยของใครหลายๆ คนกันค่ะ
istockphoto
8 เรื่องที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบี
1. โรคไวรัสตับอับเสบบีไม่ใช่โรคที่ติดต่อกันทางน้ำลาย
สามารถกอดจูบ (จูบได้แต่ภายในปากต้องไม่มีบาดแผล) ทานข้าวร่วมกัน
ดื่มน้ำร่วมกันได้ และไม่ติดต่อผ่านทางลมหายใจ
2. โรคไวรัสตับอับเสบบีติดต่อกันทางสารคัดหลั่งอื่นๆ เช่น น้ำเหลือง
น้ำเชื้อ และเลือด ที่ผ่านเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล
ดังนั้นการติดต่อจะผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ใช้เข็มที่สักหรือเจาะหูร่วมกัน
และติดต่อทางกรรมพันธุ์จากแม่สู่ลูก
ดังนั้นวิธีติดต่อจะคล้ายกับโรคเอดส์มาก
3. โรคไวรัสตับอับเสบบีแบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือแบบเฉียบพลัน
และแบบเรื้อรัง หากเป็นแบบเฉียบพลันจะเป็นแล้วหายขาดเลยภายใน 6 เดือน
แล้วร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาจนไม่กลับไปเป็นอีก
แต่แบบเรื้อรังจะเป็นนานมากกว่า 6 เดือน
เฉพาะผู้ป่วยที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้นกันขึ้นมาไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะสู้กับเชื้อไวรัสได้
จนทำให้กลับมาเป็นโรคอีก
4. นอกจากจะมีผู้ป่วยโรคไวรัสตับอับเสบบีแล้ว
ยังมีผู้ที่เป็นเพียงพาหะ
คือผู้ที่มีเชื้ออยู่ในร่างกายแต่ไม่แสดงอาการป่วยออกมา
(เช่นเดียวกันกับโรคเลือดจาง หรือธาลัสซีเมีย และอื่นๆ)
ดังนั้นตอนตรวจร่างกายก่อนแต่งงานควรหาเชื้อโรคไวรัสตับอับเสบบีด้วย
5. โรคไวรัสตับอับเสบบี ตามชื่อโรค มีไวรัสทำให้ตับอักเสบ
จนทำให้มีอาการป่วย เช่น เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ท้องร่วง ตัวเหลือง
ตาเหลือง ปวดกระเพาะ กล้ามเนื้อ และตามข้อต่างๆ
หากเป็นแบบเรื้อรังอาจลุกลามจนเป็นโรคมะเร็งตับได้
6. นอกจากนี้ยังมีโรคไวรัสตับอับเสบเอ ซี ดี และอี อีกด้วย
แต่โรคไวรัสตับอับเสบบีเป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด
และอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ในภายหลัง (หากเป็นเรื้อรัง)
7. โดยปกติเด็กเล็กแพทย์จะนัดฉีดวัคซีนโรคไวรัสตับอับเสบบีให้ครบ 3
เข็มอยู่แล้ว แต่เมื่อโตขึ้นอาจมีการฉีดวัคซีนกระตุ้น
แล้วแต่ความเหมาะสมและดุลยพินิจของแพทย์ ทางที่ดีควรตรวจสุขภาพ
และตรวจเลือดทุกปี
เพื่อตรวจว่ายังมีวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอับเสบบีอยู่ในร่างกายหรือไม่
8. พบผู้ป่วยที่เป็นโรคไวรัสตับอับเสบบีน้อยลงเรื่อยๆ
จนยอดผู้ป่วยปัจจุบันเหลืออยู่แค่ 1-3% เท่านั้น
จากการที่คนไทยได้รับวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีกันตั้งแต่เด็กๆ
เพราะฉะนั้นโรคนี้ไม่ได้พบบ่อยอย่างที่ใครหลายๆ คนคิด
istockphoto
เพราะฉะนั้นโรคไวรัสตับอับเสบบีก็ไม่ได้น่ากลัว หรือน่ารังเกียจ
ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษอย่างที่ใครหลายคนคิดแล้วนะคะ
แต่ทางที่ดีหมั่นตรวจสุขภาพอยู่เป็นประจำ
และรับวัคซีนเพื่อป้องกันโรคตามที่แพทย์แนะนำ ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด
เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ความอุ่นใจให้แก่คุณและครอบครัวค่ะ
คุณกำลังดู: 8 เรื่องที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบี
หมวดหมู่: รู้ทันโรค