ฝั่งโดนตบ ‘เอ็ม’ แจงบ้าง รับกังวลถูกมองเรื่องชู้สาว ‘ม้า อรนภา’ เดินหน้าดำเน...

ฝั่งโดนตบ 'เอ็ม' แจงบ้างรับกังวลถูกมองเรื่องชู้สาว 'ม้า อรนภา' เดินหน้าดำเนินคดี หลังจากที่ ม้า อรนภา กฤษฎี และ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ต่างก็ออกมาชี้แจงปมดราม่าม้าตบหน้านักแสดงหนุ่มรายหนึ่งที่เก...

ฝั่งโดนตบ ‘เอ็ม’ แจงบ้าง รับกังวลถูกมองเรื่องชู้สาว ‘ม้า อรนภา’ เดินหน้าดำเน...

ฝั่งโดนตบ เอ็ม‘ แจงบ้างรับกังวลถูกมองเรื่องชู้สาว ม้า อรนภา เดินหน้าดำเนินคดี

หลังจากที่ ม้า อรนภา กฤษฎี และ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ต่างก็ออกมาชี้แจงปมดราม่าม้าตบหน้านักแสดงหนุ่มรายหนึ่งที่เกาหลีใต้ เพราะชวนไปกินปู แต่ฝ่ายชายไม่ไป แล้วนั้น ล่าสุด เอ็ม นันทวัฒน์ คู่กรณี ก็ได้มาเปิดใจบ้างหลังจบรายการ คุยแซ่บโชว์ โดยได้เผยว่า

“ก็อย่างที่เห็นว่าถูกตบหรือถูกแตะ ผมเป็นคนเดียวที่รู้ว่าคืออะไร มันไม่ใช่มุมกล้อง หน้าหันเลยครับ”

เหตุการณ์ก่อนหน้าเกิดอะไรขึ้น?
“วันนั้นผมจะไปโซลทาวเวอร์ อย่างที่แม่ม้าบอกเลยครับ แต่ผมอิ่มไง ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้ แล้วผมก็บอกว่า ผมไม่กินปูแล้วครับ นั่นแหล่ะมันก็เลยเป็นเหตุการณ์นั้น”

ความรู้สึกเราว่าตบหรือแตะ?
“อย่างที่บอกเลยว่า คนทำอาจจะรู้สึกว่าแตะ แต่คนโดนซึ่งก็คือผม ผมรู้สึกว่าตบ”

เจ็บมั้ย?
“เจ็บครับ”

แล้วเราโมโหพี่เค้าด้วยใช่มั้ย?
“ผมโมโหครับ ถึงได้บอกว่า พี่ทำอย่างนั้นไม่ได้”

พอหลังจากที่โดนแตะหรือโดนตบ ได้คุยกันมั้ย ปฏิกิริยาต่อจากนั้นยังไง?
“ก็ที่เมียงดงใช่มั้ย ผมก็หยุดเขา ผมรู้ว่าตอนนั้นเขาขึ้นอยู่ ผมก็หยุดเขาด้วยคำพูดที่ว่า พี่ครับ ทำอย่างนี้ไม่ถูกนะ เพราะว่าพ่อกับแม่ผมยังไม่เคยทำเลย ถ้าผมฟ้องแม่ เรื่องมันใหญ่นะ”

เราโกรธแต่เราก็ไปกินปูกันต่อ?
“อันนั้นเป็นเรื่องที่เราเคลียร์กันประมาณ 1 ชม.เลยครับ ว่าทำอย่างนี้ไม่ถูกนะ เขาก็อธิบาย 1-2-3-4 ซึ่งผมก็รู้เลยว่า พอเขาอธิบายมา เขาผิด แต่เขาขอโทษผมก่อน ในเรื่องของกรณีการตบ พอเขาขอโทษผมเสร็จ ผมก็ขอโทษเขา เพราะว่าผมก็ผิดเหมือนกัน เพราะว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อน เราเพิ่งเรียนรู้กัน เพิ่งไปเที่ยวด้วยกัน ผมก็เลยโพล่งออกไปบอกว่า ต่อไปนี้เรามีอะไร เราพูดกันตรงๆ อยากกินอะไร อยากไปไหน อยากเดินที่ไหน”

ทำไมเราถึงย้ายโรงแรม ปิดเครื่องหนี?
“เรื่องย้ายโรงแรมนะครับ สารภาพตรงนี้เลยนะครับ ผมไม่ได้ย้ายโรงแรม ผมขอฟร้อนท์ย้ายไปอยู่ชั้น 13 ส่วนแม่ม้าอยู่ห้องเดิมก็คือชั้น 4 แล้วผมตอนกลางคืนตี 2 ผมไปเอาของ ซื้อขนมแล้วผมก็เก็บไปไว้ชั้น 13 แล้วก็ไม่ออกจากห้องเลย ถ้าออกมาก็จะออกตอนดึกๆ หรือตอนเช้าๆ แล้วก็จะเข้าห้อง”

หลังจากเคลียร์กันวันนั้น ต่างคนต่างอยู่เลยเหรอ?
“ไม่ใช่ครับ วันนั้นตอนเช้าผมก็ต้องไปทำจมูกแล้ว ระหว่างนั้นผมก็ถามคำตอบคำอ่ะพี่ ผมว่าเขาน่าจะรู้ว่ามันมีอะไรตุ่ยๆ แล้ว ถามว่าที่คุยกันว่าจะจบตรงนี้ แล้วทำไมถึงไปบอกคนอื่น ผมไม่ได้บอกเลยนะ ผมคุยกับแม่ผมตามปกติทุกวัน แม่ผมก็จะตะล่อมถามว่า วันนี้ยังไงๆ ผมก็พูดไปเรื่อย เราคุยกับแม่วันละชั่วโมงเลยครับ”

ย้อนกลับไปตอนที่เราเคลียร์กันแล้ว แต่ในใจเราต้องรู้สึกอยู่ใช่มั้ย?
“แน่นอนครับพี่ เราโดนตบหน้า กลับมาจากร้านปู เราอาบน้ำแล้ว วันนั้นผมก็นั่งคิดว่า ผมทำอะไรไม่ดี ขนาดที่โดนตบหน้าเลยเหรอ กับคำที่ว่าไม่กินปู จากการที่เราเงียบๆ ไปแล้ว พอเล่าให้แม่ฟัง เราก็เริ่มคิดว่าแล้ว 7-8 วันที่เหลือจะเป็นยังไง ผมก็เลยเอาตัวเองออกมาห่างๆ ดีกว่า เขาก็ไปส่งผมทำจมูก แล้วก็แค่นั้นเลยครับ เมื่อก่อนผมต้องไปรับเขาที่หน้าห้อง ตอนหลังผมไม่ไปแล้วครับ โทรมาเมื่อก่อนก็จะรับตลอด ตอนหลังก็รับบ้างไม่รับบ้าง”

ที่บอกว่าต่างฝ่ายต่างเคลียร์ แล้วคุยกันตรงๆ แต่ทำไมวันนั้นเราถึงไม่เลือกคุยว่าเราคาใจ เรารู้สึกแย่?
“เพราะว่าผมไม่ได้เปิดโอกาสให้แม่ม้าเข้ามาใกล้ๆ เลย ผมต่างคนต่างอยู่เลยครับ เพราะว่าวันนั้นผมก็ทำจมูกแล้ว ในเมื่อทำแล้ว ก็ไม่มีวันไหนที่ต้องไปเจอกันเลย มีอีกวันที่ไปเจอกันตอนล้างแผล แม่เค้าบอกว่า เอ็มถ่ายคลิปให้แม่หน่อย ผมก็บอกว่าได้ครับ ซึ่งเป็นคลิปที่เห็นกันล่าสุดครับ”

ตอนที่เคลียร์กันแล้ว แล้วพอมานั่งทบทวนตัวเอง มีความคิดที่จะฟ้องมั้ย?
“ผมอยากได้คลิปเพื่อเป็นหลักฐานมากกว่า ว่าผมโดนตบจริง ยังไม่ได้คิดว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง แต่มีความคิดที่จะไปแจ้งความเพื่อเอากล้อง CCTV แล้วผมถึงได้คลิปมา”

แล้วถึงมีภาพที่เราไปเก็บข้อมูลที่เกาหลี?
“ใช่ครับ อันนั้นผมไปเก็บข้อมูลเอง ไม่ได้ส่งให้ทนาย ภาพที่ทนายได้ไป เป็นภาพที่ผมส่งไปให้ครับ คือคนเราจะปรักปรำอะไร ทุกอย่างมันต้องมีหลักฐานอยู่แล้ว แล้วผมก็ไปดู โชคดีมากเลย CCTV มันอยู่บนหัว ไปขอคลิปที่ร้านที่เมียงดง เค้าไม่เปิดให้ เขาบอกต้องไปแจ้งความก่อน ผมก็ไปแจ้งความ แล้วตำรวจมา”

เอ็มติดต่อพี่ทนายยังไง?
“ติดต่อพี่ทนายนี่พอเราตัดสินใจว่าจะฟ้อง เราก็ติดต่อไปหลายคน แต่เรายังไม่รู้อะไร เราก็ตั้งคำถาม แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เอ่ยชื่อ ม้า อรนภา ซึ่งผมส่งไปถามว่า ถ้าเราโดนทำร้ายที่เกาหลี แล้วถูกตบ จะทำยังไงได้บ้าง แต่ไม่มีใครตอบเลยครับ มีทนายคนหนึ่ง เค้าตอบมาเป็นพารากราฟเลยครับ ผมก็เลยบอกผู้จัดการเลยว่า ผมจะได้ทนายแล้วครับ”

แต่เราเคลียร์กับเขาแล้วว่าเราจะไม่เอาเรื่อง แต่ตอนหลังเราส่งไปถามทนาย ตอนนั้นเราบอกเขามั้ยว่า เราจะเอาเรื่องเขาแล้วนะ?
“ไม่ได้บอกเลยครับ พอรู้ตัวว่าได้ทนาย ผมเก็บของเลยครับ วันหนึ่งหนีไปนอนอีกโรงแรมหนึ่ง แล้วค่อยกลับมานอนโรงแรมตัวเองแล้วหนีไปชั้น 13”

หลังจากนี้จะฟ้องมั้ย?
“คืออันนี้มันกดดันผมมากเลย ว่าผมจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง ถามโมเมนต์ตอนนี้เลย ตอนที่ผมอยู่เกาหลี ผมจะฟ้องครับ มันแน่นอนเลยครับ การถูกตบมันผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นที่เกาหลีหรือที่ไทย”

วันนี้รู้สึกยังไง?
“ผมรู้สึกโล่งเลยครับ ปลดล็อกที่สุดเลยครับ ตั้งแต่ผมอยู่ที่เกาหลี ไม่เคยรู้เลยครับ แต่เผลอไปอ่านคอมเมนต์บ้างอะไรบ้าง บางทีไปคุยกับเพื่อนที่คิดว่าสนิท เพื่อนก็แคปออกไปว่า ผมบอกว่า แม่ม้า เป็นคนดีนะ แต่เพื่อนแคปออกไปอย่างนั้น ทัวร์ก็มาลงผม หาว่าเราจะเอายังไง อยากจะดังรึเปล่า

พี่ครับ ผมอยู่ตรงนี้มา ไม่เคยรู้จักใครเลย แต่พอมาข่าวนี้ คนรู้จักผมจนผมแบบควบคุมตัวเองไม่ได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนสนใจเราขนาดนี้ ทำไมทุกคนอยากฟังเราขนาดนี้ ผมไม่ได้คิดว่ามันอย่างนั้นเลย แต่จริงๆ อยากดังมั้ย ก็ดูพี่ ผมไปทำจมูกมา ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้ใครรู้เลยนะครับ แต่เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมบอกผู้จัดการว่า ผมขอทำจมูกเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ถ้าไฟดวงนี้มันไม่เปิด เดี๋ยวผมขอไปทำอย่างอื่นดีกว่า สุดท้ายทุกคนรู้หมดเลยว่าผมไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี”

คนมองว่าเราต้องการแสง?
“พี่ครับ สาบานเลยนะว่าตอนนั้นไม่ได้คิดว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ เพราะว่าตอนที่ผมคิดว่าตั้งใจจะฟ้อง ในวงการบันเทิงผมจบแล้วนะ เพราะการฟ้องผู้ใหญ่ เราจะมีโอกาสได้มานั่งแถลงอย่างนี้เหรอครับ ไปงานอีเวนต์ยังไม่มีคนสนใจผมเลย ยังไม่มีใครรู้เลยว่าผมเป็นคน ยังมาถามในคอมเมนต์เลยว่า คนนี้ชื่ออะไร ดาราเหรอ จนวันหนึ่งแสงมาหาผมเอง ผมก็ไม่ได้คิดเลยว่า วันหนึ่งผมจะได้มานั่งตรงนี้ ในเมื่อมันได้มาแล้ว ผมก็ต้องพูดในสิ่งที่ผมเจอ แล้วก็ให้ผู้ใหญ่รับฟัง ว่าผมไม่ใช่เด็กที่ก้าวร้าวเลยครับ พี่ม้ารู้ดี เพราะเราอยู่กันขนาดนั้น ตอนที่เราโกรธกัน เราฟ้องร้องกัน ผมยังยกมือไหว้แม่อยู่เลยครับ”

ไม่อยากเจอเขา?
“เจอตอนวันตัดไหมครับ วันที่ 29 พ.ย. ผมก็เข้าไปที่ รพ. แล้วแอบย่องไปชั้น 1 ไม่เจอแม่ มาเจอแม่ที่ชั้น 3 เขาก็เดินเข้ามา ผมก็ตกใจว่า เอ้า มาด้วยเหรอครับ แล้วผมก็ยกมือไหว้ เขาก็บอกว่า เขาต้องมาสิ เพราะเป็นหน้าที่เขา”

ณ ตอนนี้ไม่ติดใจอะไรกับพี่ม้าแล้ว?
“ถามว่าความโกรธในวันแรก ผมก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้นะ ผมไปอ่านก็โกรธสุด ไปเจอในสื่อที่เขียนว่า ม้า อรนภา เตรียมฟ้อง ผมก็โกรธมาก อารมณ์ขึ้นสุด เลยโทรไปบอกผู้จัดการว่า ตบกูเหรอ ไม่ยอม ยังไงก็จะฟ้องกลับ แต่พอผู้จัดการบอกว่าเขาไม่ได้พูด ก็อารมณ์ลงมา ผมไปเกาหลีไม่ได้เที่ยวเลยนะ อยู่ในโรงแรมคนเดียว ตั้งใจว่าจะไม่เปิดโทรศัพท์ แต่สุดท้ายข่าวก็มาหาผม”

แล้วทำไมเราไม่อยากเจอเขาในวันนั้น ในเมื่อมันไม่มีอะไรแล้ว?
“เอาจริงๆ อันนี้ เพราะว่าพี่ม้าได้พื้นที่สื่อไปเมื่อวานแล้วคนเดียว วันนี้ผมก็อยากได้เหมือนกัน ผมบอกตรงๆ เลยนะ ถา้เกิดมาคุยด้วยกัน 2 คน แล้วเหตุการณ์มันไม่ตรงกัน ผมก็จะแย้ง สิ่งที่กลัวที่สุดเลยอะไรรู้มั้ยครับ ผมคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ขนาดนั้น แต่เมื่อวานผมเห็นพี่ม้า ผมรู้สึกว่าทำไมเค้านิ่งขนาดนั้น ทำไมเค้าเล่าได้หัวเราะได้ แล้วทำไมเราต้องใส่อารมณ์ขนาดนั้น แต่ทุกอย่างที่ผมพูดไป มันคือเรื่องจริงแน่นอน”

ได้ฟังที่พี่ม้าแถลงเมื่อวาน อันไหนที่ได้ฟังเมื่อวานแล้ว รู้สึกว่าไม่ตรงกัน?
“ที่พี่ม้าพูด เป็นความจริงหมดเลยครับ แต่มันเกิดขึ้นในส่วนต่างๆ อย่างเช่นที่แม่ม้าบอกว่า เอ็มแกต้องฟังนะ ถ้าแกไม่ฟัง แกจะเป็นคนไม่ฉลาด อันนี้ผมได้ยินคำนี้ ผมอึ้งเลย เกิดมาในชีวิตไม่เคยมีใครพูดอย่างนี้เลย แต่ผมไม่ได้เถียงนะ ผมยกมือไหว้เลยว่า พี่ครับ แม่ครับ ไม่เคยมีใครพูดกับผมอย่างนี้เลยนะ ถ้าแม่เห็นอะไรไม่ดี อยากสอน สอนได้นะครับ”

เราจะแจ้งความพี่ม้ากลับมั้ย?
“อันนี้ต้องปรึกษาทนายครับ เพราะผมไม่รู้เรื่องกฎหมายเลยครับ แต่เอกสารอะไรมีหมด”

ทางที่เกาหลีว่ายังไง?
“พูดตรงๆ เลยนะครับ วันที่แม่ม้าเดินทางกลับ วันที่ 29 ผมยังไปสถานีตำรวจที่เกาหลีอยู่เลย แต่ก็ใช้ล่ามเกาหลี แต่พูดไทยได้ เค้าให้ผมเซ็นยินยอมว่า เอกสารฉบับนี้จะมาใช้ที่ไทยเท่านั้นนะ ใช้ที่เกาหลีไม่ได้แล้ว เพราะว่าเค้ายกเลิกที่เกาหลีไปแล้ว มันไม่มีผลที่เกาหลีอยู่แล้ว แล้วผมก็ยินดีที่มันเป็นอย่างนี้ ต้องรอให้แม่กลับไปก่อน”

ทำไมเรากล้าไม่เผชิญหน้ากับพี่ม้า?
“ผมกลัวใจอ่อน เพราะว่าวันนั้นแม่ม้าก็ร้องไห้ วันที่ก่อนไปกินปู เขาก็ร้องไห้ ผมก็โอเคครับ ผมให้อภัยแล้ว เพราะรู้สึกสงสารครับ อย่างวันที่ตัดไหมวันที่ 29 ที่เจอกันก็รู้สึกสงสารครับ”

แต่เขาออกมายอมรับว่าขอโทษแล้ว เราให้อภัยเขามั้ย?
“โหยพี่ เขาขอโทษเอ็ม เอ็มก็ขอโทษเขา เพราะว่าเขาอธิบายเป็น 12345 พอเขาอธิบายมา แล้วเขาขอโทษเราแล้ว เราจะไปเอาอะไรเขาอีก ขอโทษก็จบแล้ว แต่ในเรื่องกฎหมายก็อยากจะเอาเป็นตัวอย่างครับ ไม่ใช่ว่าใครจะถูกตบก็ได้”

สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้างเพราะว่าเราโดนเยอะ?
“ผมไม่ได้คุยกับแม่เลยผมให้ผู้จัดการคุยว่าแม่จะเอายังไง แต่วันที่แม่ไปรับผมที่สนามบินได้กอดกัน 5 นาที แม่ผมร้องไห้แล้วผมก็แตะแม่บอกว่าไม่เป็นไรๆ ไหวๆ แม่ก็จะบอกว่าใจเย็นๆ ผมพยายามจะไม่ฟังอะไรจนกว่าจะถึงวันที่ผมมาแถลงเอง ผมอาจจะขาดสติบ้างเพราะการที่ผมมาเจอสื่อแบบนี้ผมยังใหม่มากนะ แต่มันก็หลุดออกมาจากปากเราดีกว่าไปฟังจากคนโน้นคนนี้ ถามว่าแสงมันส่องมาถึงตัวผมแล้ว แต่ถ้าจะให้ไปรายการอะไรอีกผมบอกเลยว่าไม่อยากไปแล้ว และคลิปที่ผมโดนตบก็ไม่อยากให้แม่หรือตัวผมเห็นหลายๆ รอบแล้ว ผมพร้อมมูฟออนจากตรงนี้แล้วครับ”

ถ้าม้าขอนัดเคลียร์จะโอเคไหม?
“มันพูดยากนะแต่ทุกอย่างมันก็ต้องเคลียร์ครับ แต่ต้องเอาที่ผมพร้อมก่อนเพราะผมเป็นคนโดนกระทำ”

จะไปแจ้งความวันไหน?
“อาจจะต้องถามผู้จัดการ”

มีบางคนมองเรื่องชู้สาว?
“อันนี้ตอนแรกอ่านแล้วก็ขึ้นแต่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ผมก็เห็นเขาเป็นรุ่นแม่เวลาเขาจะเข้าห้องผมมันมีช่วงหนึ่งที่ผมทำจมูกเขาก็จะเปิดประตูทิ้งไว้เขาก็ไม่ค่อยกล้าเข้ามา เรื่องชู้สาวไม่มีแน่นอน แต่ผมก็กลัวมากหรือว่าแม่ม้าจะออกมาพูดว่ามันเป็นแฟนฉันเองแหละ”

ทำไมถึงกลัวเขาจะพูดแบบนั้น?
“ก็มันเป็นสิ่งที่ผมคิดไปเอง ให้ผมคิด ผมกลัวเพราะใครจะเชื่อผมว่าผมแบบนั้น แล้วเราไปกันสองคน”

เขามีท่าทางให้เรารู้สึกแบบนั้นเหรอเราถึงกลัว?
“ไม่มีเลยครับ มีแค่เวลาที่จะข้ามถนนแล้วผมจูงมือเขาบ้างนะ (กลัวคนเข้าใจผิดมั้ย) ไม่มีครับ ผมก็ระวังตัวอยู่ เพราะคนไทยทักแม่ตลอดทาง ผมเดินกันแค่ 2 คน แต่คนน่าจะไม่คิด ข่าวมันใหม่มาก ผมกลัวว่ามันจะไม่จริง จะแต่งเรื่องขึ้น แต่สุดท้าย ผมก็ได้ขอบคุณเขาเพราะมันเป็นเรื่องจริง”

ปมว่ากินงู?
“อันนี้ผมว่าแรงมาก ใครจะกล้า”

คนบอกว่าเอ็มไม่ชอบกินปู เพราะขี้เกียจแกะ แต่ที่ไปกินเพราะใจอ่อน?
“ใจอ่อนครับ เห็นน้ำตาเขาแล้วสงสาร”

วันที่ไปโรงพักเกาหลีทำไมไม่บอกว่าเขาเป็นใคร?
“มันเป็นเรื่องใหญ่นะที่ต่างประเทศ ผมมองว่าไม่ได้เอาสะใจ เราเอาความถูกต้อง เขาตบผม ผมยืนเฉยๆ ผมจะไปแจ้งความที่ไทย แค่จะเอาใบแจ้งความมาเป็นหลักฐานเฉยๆ และผมกลัวเรื่องขึ้นศาลต้องบินไปเกาหลีเหรอ”

อยากบอกอะไรกับคนที่ติดตามข่าว?
“ผมใหม่กับเรื่องนี้จริงๆ ผมไม่รู้ว่าจะยืนตรงไหน ผมควรจะสงสารตัวเอง หรือโฟกัสใคร ผมโดนตบ ผมเป็นผู้เสียหาย ทุกคนมาวิจารณ์หน้าผม ไปบูลลี่แม่เขา หลงประเด็น ข่าวไม่กี่วันก็หาย แต่คอมเมนต์พวกนั้นผมอ่านไปแล้ว มันอยู่ในใจผม อยากให้คิดนิดนึง เมนต์อะไรก็คิดหน่อย คนที่ได้อ่านมันก็จี๊ด ตอนนี้ผมใช้ชีวิตแล้ว เพื่อนรออยู่จะไปกินส้มตำกับเพื่อนแล้วจากนี้จะไม่ร้องไห้อีกแล้ว ขอบคุณมากๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับความสนใจขนาดนี้ (ยกมือไหว้) เคยมีความฝันว่าตัวเองอยากจะมาอยู่ตรงนี้แล้วถือรางวัลแล้วได้พูด แต่วันหนึ่งก็ได้มาอยู่ตรงนี้ แต่ผลมันจะเป็นยังไงก็รอติดตามต่อไป”

ได้คุยกับทนายตั้มมั้ย?
“ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้คุยเลย ผมยังไม่ได้เช็กข่าวเลย เดี๋ยวว่ากัน”

ทนายตั้มบอกว่าคุยกับเอ็ม และบอกว่าโทรไปหาทำไมถึงพูดเข้าข้างพี่ม้า?
“ตอนนั้นในคลับเฮ้าส์ ก็เข้าไปฟัง ผมพูดเป็นรายละเอียดว่าอย่าเพิ่งโทรหาผม รอให้ผมกลับไปแล้วค่อยว่ากัน ส่วนเรื่องบูลลี่อย่าไปบูลลี่เขา มันไม่ควรอยู่แล้ว ผมแค่อยากให้ทุกคนหยุดก่อน แล้วรอฟังผมทีเดียว”

ทนายตั้มคุยอะไรกับเอ็ม?
“พิมพ์คุย ไม่ได้โทรคุย ก็บอกว่าขึ้นคลับเฮ้าส์หรือเปล่า ผมก็พูดตามที่บอกไป เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร เราเป็นคนถูก รอเขาดีกว่า ไม่มีการตำหนิ พี่ตั้มไม่ได้ตำหนิผม ไม่มีครับ”

บทเรียนที่ได้คืออะไร?
“ผมต้องมีวิจารณญาณ เพราะมีคนส่งข่าวมาให้ ผมก็เก็บทุกอย่างมาใส่ตัวเอง”

คุณกำลังดู: ฝั่งโดนตบ ‘เอ็ม’ แจงบ้าง รับกังวลถูกมองเรื่องชู้สาว ‘ม้า อรนภา’ เดินหน้าดำเน...

หมวดหมู่: ความบันเทิง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด