"ก๊อตจิ ทัชชกร" เปิดหมดใจ! ย้อนชีวิตวัยเด็ก วินาทีบอกพ่อแม่ว่าเป็น LGBTQ+
กว่าจะเป็น "ก๊อตจิ ทัชชกร" ชีวิตไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ต้องต่อสู้ดราม่า LGBTQ+ ตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ส่งเข้าคอร์สบำบัดจิตแพทย์
ประสบความสำเร็จยืนหนึ่งในฐานะ LGBTQ+ ที่หลายคนให้การยอมรับในความสามารถ สำหรับพิธีกรฝีปากกล้า ก๊อตจิ-ทัชชกร บุญลัภยานันท์ หรือ ก๊อตจิ เทยเที่ยวไทย ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ต้องผ่านร้อยเรื่องดราม่า เพราะเกิดมามีอุปสรรคในอดีต ที่น้อยคนนักจะยอมรับในเพศสภาพ
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยืนยันมั่นคง พร้อมเล่าประสบการณ์ชีวิตผ่านรายการ โต๊ะหนูแหม่ม กับพิธีกรคนเก่ง หนูแหม่ม สุริวิภา ถึงอดีตการต่อสู้กับการเป็น LGBTQ+ ที่ครอบครัวถึงขั้นพาเธอไปพบจิตแพทย์เพื่อให้ผ่านช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ย้อนเล่าชีวิตตอนเด็กต้องเจอดราม่าเยอะ เพราะเติบโตมาในชุมชนใหญ่
ที่อาจจะไม่เป็นที่ยอมรับ ?
"สมัยก่อนหนูเป็นลูกคนเดียว อยู่ในซอยเล็กๆ เป็นตึกแถว แถวบ้าน
ก็จะมีลูกๆ บ้านอื่นในวัยเดียวกัน คุณพ่อก็จะไปเกณฑ์มา
ก็จะไปเรียกให้มาเล่นกับหนู รวมๆ กันประมาณ 10-20 คน
ส่วนมากก็จะเป็นกลุ่มผู้หญิงที่มาเล่นด้วยกัน
เพราะว่าหนูไม่ค่อยชอบเล่นกับผู้ชาย
เพราะผู้ชายชอบเล่นเตะบอลซึ่งหนูไม่ชอบ
มันไม่ใช่จริตของเราแต่เคยเล่นเตะบอลอยู่ครั้งหนึ่ง
แล้วเราเล่นไม่เก่งให้หนูเป็นกองหน้าก็เล่นไม่ได้ ปีกก็เล่นไม่ได้
เขาก็เลยให้หนูเป็นโกลว์ มันไม่เตะอัดหนูค่ะ มันเตะใส่หน้าหนูเลยค่ะ
หน้าหนูที่เป็นเหมือนทุกวันนี้เพราะโดนบอลเตะบอลอัดค่ะ (หัวเราะ)"
พื้นฐานของเราเป็นยังไง รู้ตัวเองเลยไหมว่าเราชอบอะไร
?
"ตอนเด็กๆ ถ้าจะให้พูดนะก็เป็นเหมือนเด็กผู้ชายที่เรียบร้อย
ครูก็จะเขียนในสมุดพกว่า
เป็นเด็กที่มีพฤติกรรมเรียบร้อยก็จะเป็นลักษณะแบบนี้มา
หนูก็ทำไม่ได้วี๊ดว๊ายมากมาย
ดูอาจจะเรียกว่ารู้จักกาลเทศะหน้าที่ของเรามากกว่า
หน้าที่ของเราคือการเรียน เรื่องที่หนูเป็น LGBTQ+
หนูว่าครอบครัวหนูรู้มาโดยตลอด ครอบครัวหนูรู้ตั้งแต่หนูเด็ก
พ่อแม่หนูเขาก็รู้แต่เขาไม่มาพูดกับหนูตรงๆ
เขาก็เลี้ยงหนูมาอย่างดีและทำหน้าที่พ่อแม่มาโดยตลอด
เมื่อถึงเวลามันก็จะเป็นเวลาของมันไปเอง"
ตอนเด็กๆ ทางครอบครัววางแผนไว้ให้เรายังไงบ้าง
?
"คุณพ่อเป็นคนวางแผนให้หนูตั้งแต่เด็ก
เขาก็จะวางว่าเราต้องเรียนที่ไหนอะไรยังไง
เป็นปกติที่ต้องวางแผนว่าให้เราเรียนโรงเรียนชายล้วน
ซึ่งหนูก็เรียนโรงเรียนชายล้วน
เพราะว่าตอนนั้นคุณพ่อก็เริ่มสังเกตุแล้วว่าเรามีพฤติกรรมแบบนี้
เขาก็คิดว่าถ้าไปโรงเรียนชายล้วนมันอาจจะช่วย แต่ประทานโทษนะคะ
คุณพ่อคุณแม่ทั่วประเทศไทยทั้งหลาย อยากฝากบอกเลยว่า
อย่างหนูถ้ามีพฤติกรรมน่ารักๆ แบบหนู หนูก็จะไม่เล่นกับผู้ชายแล้ว
หนูก็จะไปจับกลุ่มคนที่เป็นแบบพวกเรามารวมกัน
ก็รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่คนแบบพวกหนู ได้กลุ่มใหญ่กว่าเดิม
อันนี้ต้องบอกเลยว่ามันไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหา
แต่สมัยก่อนผู้ใหญ่อาจจะคิดแบบนี้
พ่อก็จะวางไว้ทุกอย่างแต่ว่าเขาก็ไม่ได้กะเกณฑ์ไว้ว่าเราโตขึ้นเราจะเป็นอะไร
เข้าแค่วางทางเดินเฉยๆ แล้วให้หนูเป็นคนเลือก"
แล้ววันที่แกรนด์โอเพนนิ่งบอกกับครอบครัว ณ
ตอนนั้นเป็นยังไง ?
"คือเรื่องครอบครัวหนูว่ามันน้อยคนมากนะที่จะมีคนเดินไปบอกว่า
คุณพ่อครับคุณแม่ครับผมเป็น LGBTQ+ มันค่อนข้างที่จะน้อย
ส่วนใหญ่มันจะระแคะระคายมาจากข้างนอก นอกครอบครัวของเราคนข้างบ้านบ้าง
ป้าข้างบ้านบ้าง มันเป็นอย่างนี้
แต่ในส่วนของหนูอันนี้ต้องเรียนตามตรงว่า คุณครูเป็นคนบอก
อันนี้หนูไม่ได้โทษเขานะคะเพราะว่ามันเป็นหน้าที่ของเขา
หนูเข้าใจนะคะคุณครูทำหน้าที่ถูก
เขาก็บอกว่าลูกของคุณมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ
ที่นี้คุณพ่อคุณแม่ก็เลยมาคุยกับหนูตรงๆว่าจริงไหม หนูก็ตอบว่าจริง
ท่านก็ไม่ได้มีอาการตกใจอะไรนะเท่าที่จำได้
ลักษณะเหมือนที่หนูได้พูดออกไปได้เปิดอกคุยกันอยู่เหมือนยกภูเขาออกจากอก
หนูก็ร้องไห้เหมือนความอัดอั้นตันใจทุกอย่างได้ระบายออกหมดแล้ว
มันโล่งใจ ณ ตอนนั้น แต่คุณพ่อคุณแม่จะมีความกังวลอยู่คือ
โตขึ้นแล้วจะดูแลตัวเองได้ไหม
กับสังคมที่เราจะอยู่หนูจะแข็งแรงรับมือกับมันได้ไหม แค่นั้นเลย
คือเขาเป็นห่วงว่าลูกจะใช้ชีวิตในอนาคตได้อย่างไร"
หลังจากได้พูดออกไปพ่อแม่ว่ายังไงบ้างมีท่าทีเปลี่ยนไปไหม
?
"เหมือนเดิมทุกอย่างเลยค่ะ
มีแค่หนึ่งอย่างเท่านั้นเองคือเขาให้หนูไปพบจิตแพทย์
แต่เขาคิดว่าเรื่องที่ไปพบจิตแพทย์เนี้ยถ้ามันรักษาได้
อันนี้ย้อนไปสมัยก่อนนะคะเขาจะมีความคิดแบบนี้
คิดว่ามันอาจจะทำให้เปลี่ยนแปลงได้
มันจะดีกว่าไหมถ้าหนูจะกับไปใช้ชีวิตในสังคม
เป็นครั้งเดียวเท่านั้นที่หนูได้ไปพบ พอออกมาปุ๊บหนูก็บอกกับป๊าม้า
คือก๊อตว่าเรื่องนี้มันไม่สามารถแก้ได้นะ เราเป็นโดยเนื้อแท้ของเรา
เราเป็นตัวตนของเรา การพบจิตแพทย์มันไม่ได้เป็นการแก้ไขในจุดนี้
หลังจากนั้นเขาก็บอกว่าไม่ต้องไปอีกเลย อยากทำอะไรทำ
อยากให้ใช้ชีวิตแบบไหนใช้เลย"
หลังจากนั้นเราเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่งหญิงเลยหรือเปล่า
?
"ยังค่ะ หนูใช้ชีวิตตามสเต็ปเลยค่ะ หนูไม่ได้แกรนด์โอเพนนิ่ง
แล้ววันรุ่งขึ้นลั้นลา
เพราะว่าหนูเรียนโรงเรียนชายล้วนหนูก็แต่งชุดผู้ชาย
เรียนมหาวิทยาลัยหนูก็ใส่เสื้อกับกางเกง
ทำงานแล้วปีแรกหนูก็ใส่เสื้อกับกางเกง
หนูมาเริ่มแต่งหญิงในเมื่อตอนที่รู้สึกว่าเลี้ยงตัวเองได้
หนูมาแต่งหญิงตอนหนูทำงานแล้ว
และก็ทำงานเอาเงินเดือนให้คุณแม่ให้คุณพ่อ
ใช้ชีวิตให้ตัวเองได้แล้ว"
คุณกำลังดู: "ก๊อตจิ ทัชชกร" เปิดหมดใจ! ย้อนชีวิตวัยเด็ก วินาทีบอกพ่อแม่ว่าเป็น LGBTQ+
หมวดหมู่: ความบันเทิง