“น้ำผึ้ง บัวเจริญ” จากภาวะหมดไฟสู่ Saturday I’m in Love นิยายอีโรติกเล่มแรกในชีวิต

Saturday I’m in Love ผลงานของ "น้ำผึ้ง บัวเจริญ" คือบันทึกชีวิตในต่างแดน และเรื่องราวของหมอนวดสาวชาวไทยกับชายชาวต่างชาติ ที่นำเสนอทุกแง่มุม อย่างละเอียด ลึกซึ้ง ทำให้คนผ่านร่วมสัมผัสความรู้สึกได้ทุกห้วงอารมณ์

“น้ำผึ้ง บัวเจริญ” จากภาวะหมดไฟสู่ Saturday I’m in Love นิยายอีโรติกเล่มแรกในชีวิต

Highlight

  • น้ำผึ้ง บัวเจริญ นักเขียนนิยายอีโรติกเรื่อง Saturday I’m in Love ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์จริงและเรื่องราวของคนรู้จัก เมื่อครั้งที่เธอเดินทางไปใช้ชีวิตและทำงานในร้านนวด ณ เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
  • Saturday I’m in Love คือบันทึกชีวิตในต่างแดน และเรื่องราวของหมอนวดสาวชาวไทยกับชายชาวต่างชาติ ที่นำเสนอทุกแง่มุม อย่างละเอียด ลึกซึ้ง ทำให้คนผ่านร่วมสัมผัสความรู้สึกได้ทุกห้วงอารมณ์ 
  • ผู้หญิงคือประชากรส่วนใหญ่ที่อ่านนิยายอีโรติก สะท้อนค่านิยมในสังคมที่จำกัดว่าผู้หญิงไม่ควรพูดคุยหรือแสดงท่าทีสนใจเรื่องทางเพศ ทำให้การอ่านนิยายอีโรติกกลายเป็นวิธีการในการแสดงออกทางเพศของผู้หญิงหลายคน 
  • Harold Leitenberg แห่ง The Journal of Sex Research เผยว่า 74% ของผู้หญิงที่อ่านนิยายอีโรติกจะมีเซ็กส์ที่มากกว่าและดีมากกว่าผู้หญิงที่ไม่อ่าน ซึ่งเหตุผลก็เป็นเพราะผู้หญิงมีจิตนาการที่สมจริงและเข้มข้นกว่า

สำหรับหลายคนแล้ว วิธีการเยียวยาตัวเองเวลารู้สึกเหนื่อยล้าและหมดไฟจากการทำงาน คงเป็นการได้พักผ่อนอยู่บ้าน ทานของอร่อย ๆ หรือเดินทางท่องเที่ยว แต่นั่นไม่ใช่กับ “น้ำผึ้ง บัวเจริญ” ด้วยเป้าหมายอยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น บวกกับช่วงวัยที่ล่วงเลยเข้าเลข 4 ทำให้น้ำผึ้งตัดสินใจแพ็กกระเป๋า บินลัดฟ้าไปยังเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ด้วยความสนใจงาน “หมอนวด” เป็นทุนเดิม จึงทำให้เธอเลือกปักหลักที่งานนี้ จากประสบการณ์ที่ตัวเองพานพบและเรื่องราวของเพื่อนร่วมอาชีพ น้ำผึ้งเรียงร้อยเรื่องราวทั้งหมดมาเขียนเป็นหนังสือนิยายเรื่อง “Saturday I’m in Love” นิยายอีโรติกเล่มแรกในชีวิตที่ถ่ายทอดทุกแง่มุมของอาชีพหมอนวดในต่างแดน และสีสันอารมณ์ที่ตรึงใจคนอ่านได้อย่างอยู่หมัด 

Sanook มีโอกาสได้พูดคุยกับน้ำผึ้งเรื่องที่มาที่ไปของ Saturday I’m in Love ค่านิยมของสังคมไทยเกี่ยวกับเรื่องเพศ และอุตสาหกรรมหนังสือในไทยที่ต้องได้รับการสนับสนุนและดูแล 

หมดไฟจึงไปเมลเบิร์น

“เรารู้สึกว่าเหนื่อยจากการทำงาน เราหมดไฟ แล้วอายุก็ 40 แล้ว ก็เลยอยากให้แรงบันดาลใจผู้คน” น้ำผึ้งเริ่มต้นบอกกับเรา

ชื่อของ “น้ำผึ้ง บัวเจริญ” ไม่ใช่ชื่อใหม่ในวงการนักเขียนไทย เธอคือนักเขียนพ็อกเก็ตบุคส์เรื่อง “ปลดล็อกความคิด ชีวิตติดปีก” หนึ่งหนังสือขายดีสำหรับมนุษย์เงินเดือน นอกจากนี้ เธอยังเป็นพีอาร์ เป็น MC เป็นเจ้าของธุรกิจ และอีกหลายบทบาท ทว่า ภาวะหมดไฟไม่เข้าใครออกใคร น้ำผึ้งก็เช่นกัน เมื่อเป็นดังนั้น เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปหาประสบการณ์ที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

“ก่อนจะไปก็เตรียมตัวว่าจะทำงานอาชีพเสริมอะไรได้บ้าง เราก็ไปเรียนบาริสตา ไปเรียนนวดไทยที่วัดโพธิ์ คือเราก็เตรียมตัวไป พอไปถึงก็ลองทำงานแทบจะทุกอย่าง เป็นครูสอนภาษาไทย ทำงานเสิร์ฟ ทำงานนวด แต่ก็มาปักหลักที่งานนวด เพราะเราอยากรู้จักตัวเอง แล้วก็คงไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว ส่วนตัวเรานับถือคนที่ทำอาชีพนี้ เรารู้ว่ามันไม่ง่าย จริง ๆ มันเป็นอาชีพที่ไทยมีความเป็นเลิศ แต่ที่ผ่านมากลับถูกมองไปในด้านมืดเสียมากกว่า ในฐานะที่เราชื่นชอบงานนวด เราก็อยากหาทางที่จะทำให้คนเห็นคุณค่าของอาชีพหมอนวด” 

งานหมอนวดในต่างแดน

เพราะตั้งใจอยากสะท้อนเรื่องราวของงานหมอนวดให้คนทั่วไปได้รู้จักมากขึ้น น้ำผึ้งจึงตัดสินใจสมัครเข้าทำงานที่ร้านนวดในเมลเบิร์น เพื่อบันทึกเรื่องราวและรายละเอียดของงาน ทั้งไปคลุกคลีกับเพื่อนหมดนวดที่ต่างก็มีเรื่องราวมากมายอยากแบ่งปันให้คนอื่นได้รับรู้ 

“เท่าที่คลุกคลีมา งานนวดเป็นงานที่รายดีมาก เป็นกอบเป็นกำเลย และสองคือทักษะงานนวดไทยที่โน้นดีมาก ในมุมมองของชาวต่างชาติเขาก็ยอมรับนวดไทย งานนวดไทยได้รับความนิยมมาก เพราะนวดดี และคนไทยมีหัวใจรักการบริการ แต่ในแง่มุมมืดมันก็มี ซึ่งเราว่ามันเหมือนกันทุกที่ มันเป็นงานที่ต้องถูกเนื้อต้องตัว แต่มันก็เป็นเรื่องของปัจเจกชน แล้วแต่บุคคลว่าจะยังไง แล้วเราก็อยากรู้เรื่องนี้แหละ ก็เลยไปสัมภาษณ์ ไปถามน้องที่รู้จักกันที่เขาทำอยู่ งานแบบนี้เรียกว่านวดแฝง ซึ่งแต่ละร้านก็จะแตกต่างกันไป แต่จะมีประมาณ 3 ระดับ หนึ่งนวดเปลื้องผ้าโชว์เรือนร่าง สองคือการใช้มือ ใช้ปากช่วยสำเร็จความใคร่ และสามก็คือมีเซ็กส์เลย” 

Saturday I’m in Love

จากประสบการณ์การทำงานของตัวเองในร้านนวดและเรื่องเล่าจากเพื่อนหมอนวดที่ได้เจอ น้ำผึ้งจึงใช้ข้อมูลเหล่านั้นมาเขียนเป็นหนังสือนิยายเรื่อง Saturday I’m in Love ที่เสริมแต่งสีสันเพื่อสร้างความสนุกตื่นเต้นให้กับเรื่องเล่า สะท้อนเรื่องราวการทำงานและความรักที่ลึกซึ้ง

“เราเป็นนักเขียนที่เจอเรื่องอะไร มีประเด็นอะไรก็อยากสะท้อนออกมา ก็เลยเลือกที่จะนำเสนอออกมาเป็นเรื่อง Saturday I’m in Love ซึ่งวิธีนำเสนอก็ค่อนข้างละเอียด เป็นประสบการณ์จริงบวกกับโรแมนซ์ มีการเติมความเป็นนิยายฟุ้งฝันนิดนึง โดยเส้นเรื่องทั้งหมดจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของหญิงไทยกับชายต่างชาติ แล้วก็นำเสนอผ่านมิติความสัมพันธ์ ผ่านงานนวด สะท้อนค่านิยมของสังคม” 

“คือเราอยากฉายแสงไปที่งานนวด ว่ามันเป็นงานที่ไม่ง่าย มันต้องใช้ทักษะ และมีอะไรอีกหลายอย่างมากเลย เราอยากให้เห็นวิธีการเบื้องหน้าเบื้องหลัง รวมถึงในห้องนวดที่ทุกคนอาจจะไม่เคยได้เห็น แล้วเราก็เติมความเพลิดเพลินลงไปอีกนิด มีเรื่องความสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยว จึงต้องใช้วิธีการบรรยายที่ละเอียดมาก พอฉากเข้าพระเข้านาง เราก็เลยตัดสินใจเขียนให้ละเอียดไปด้วย รวมถึงฉากร่วมรัก แล้วมันมีความน่าสนใจพอสมควร เราก็เลยรู้สึกว่างั้นนำเสนอเป็นแนวอีโรติกไปเลย และในฐานะนักเขียนเอง มันก็เป็นการเติบโตอีกขั้นหนึ่งของเราเช่นกัน เพราะมันเป็นงานเขียนที่ยาก ค่อนข้างท้าทายในหลายเรื่อง ทั้งวิธีการเขียน การวางตัว การรับรู้ของสังคม” 

นิยายอีโรติก ผู้หญิง และค่านิยมสังคม

“เราเช็กจากยอดงานที่เขาส่งยอดมาให้ ส่วนใหญ่จะบอกว่าผู้หญิงอ่านเยอะมาก 80% เลยม้ง แล้วยอดก็ยังไปได้เรื่อย ๆ นะ” 

งานวิจัยของต่างประเทศหลายชิ้นชี้ว่า “ผู้หญิง” เป็นกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ที่อ่านนิยายอีโรติก ขณะที่ Harold Leitenberg แห่ง The Journal of Sex Research เผยว่า 74% ของผู้หญิงที่อ่านนิยายอีโรติกจะมีเซ็กส์ที่มากกว่าและดีมากกว่าผู้หญิงที่ไม่อ่าน ซึ่งเหตุผลก็เป็นเพราะผู้หญิงมีจิตนาการที่สมจริงและเข้มข้นกว่า ยิ่งไปกว่านั้น นิยายอีโรติกยังช่วยให้ผู้หญิงรู้สึกว่า สิ่งตัวเองกำลังคิดและรู้สึกอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องผิด 

“เราทำแต่เราไม่พูด คือกำลังจะบอกว่าเดี๋ยวนี้มันไปไกลแล้วในเชิงปฏิบัติ แต่ภาพที่สังคมคาดหวังกับผู้หญิง เขาคาดหวังว่าผู้หญิงต้องแสดงออกในเชิงนี้ แบบนี้ ไม่พูดเรื่องนั้น ไม่พูดเรื่องนี้ แต่ถ้าเรามาดูหลังบ้านกันจริง ๆ ทุกคนเขาก็พูดหรือทำกันเป็นปกติ ก็ตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน เขามีเสรีภาพในการเลือก แต่เหตุผลหนึ่งที่ผู้หญิงมาอ่านเยอะ ก็เหมือนถูกปลดปล่อยจากการกดทับจากค่านิยมของสังคมนั่นแหละ” 

“การอ่านนิยายอีโรติกก็ไปซัพพอร์ตว่าลึก ๆ แล้วผู้หญิงต้องมีทางออก แต่ที่ผ่านมาสังคมสอนให้เราเหนียมกับเรื่องแบบนี้ แล้วเราก็ไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันมันคืออะไร คือความอายมันมีอยู่แล้วแหละ แต่ความต้องการมันเป็นธรรมชาติ ซึ่งเราก็เขียนลงไปใน Saturday I’m in Love เหมือนกัน เพราะนางเอกเติบโตมาก็ไม่รู้เรื่องทางเพศเลย คิดมากคิดมายก่อนจะเซ็กส์กับเขา ซึ่งกำลังจะบอกว่ามันเป็นความที่นางเอกไม่รู้ได้รู้ตัวนั่นแหละว่ามันคือความต้องการทางธรรมชาติ สิ่งที่เราเชื่อมา สิ่งที่เราถูกหล่อหลอมมา ณ ช่วงเวลาหนึ่ง พอเราไปสู่ข้างนอก มันทำให้เรารู้สึกว่าเราทำผิด เราเสียพรหมจรรย์ อะไรอย่างนี้ แต่จริง ๆ การมีเซ็กส์ไม่ใช่ตราบาป”

“แต่ทุกอย่างต้องบริหารจัดการ การพูดถึงเรื่องเซ็กส์เพื่อวัตุประสงค์อะไรที่จะนำไปสู่ความไม่ดีงาม คือทุกอย่างมันต้องอยู่ในภายใต้ขอบเขตของความรับผิดชอบด้วย แต่ต้องบอกว่าเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติ เหมือนกับเรากินข้าว เราต้องเรียนรู้ ไม่งั้นผู้หญิงหรือใครหลายคนจะไม่มีพื้นที่แลกเปลี่ยนกัน ดังนั้น มันอาจจะท้าทายสักหน่อยในการที่จะเปิดรับ สิ่งที่จะทำให้ความคาดหวังของสังคมที่มีต่อภาพกุลสตรีไทยเปลี่ยนไป อาจจะต้องค่อย ๆ ทำให้เขาเห็น อาจจะผ่านการสร้างงาน การพูดคุย การมีประเด็นในเรื่องแบบนี้ว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องธรรมดา” 

อุตสาหกรรมนิยายอีโรติกไทย

“อันดับแรกคาดหวังต่อวงการหนังสือก่อน อย่าว่าไปถึงอีโรติกเลย เพราะหนังสือเล่มก็นิ่ง ๆ แต่มันยังไม่ตายหรอก คนทำงานยังเชื่อกันแบบนั้น แต่เราอยู่หลังบ้าน ในฐานะคนทำเอง ผลิตเอง นำเสนอเอง เราก็รู้ว่ามันไม่ใช่ฝันที่เราจะสร้างฝันอย่างเดียว มันมีต้นทุนในการทำ ความฝันต้องใช้เงิน มันก็เป็นความจริงอย่างหนึ่งที่เราต้องยอมรับ แล้วในอุตสาหกรรมหนังสือก็ช่วยเหลือกันเองมาในระดับหนึ่งแล้ว ถ้ามีหน่วยงานไหนมาจะเข้ามาดู ก็ต้องมาดู บริหารจัดการอะไรได้บ้าง” 

“ส่วนความคาดหวังต่อนิยายอีโรติกไทย ก็คืออยากให้ทุกคนมีอิสระในการคิด ไม่ใช่สิ่งที่เป็นบาป ไม่ใช่โป๊ หรือไม่ใช่อนาจาร มันเป็นสิ่งที่คุณต้องบริหารจัดการทัศนคติหรือวิจารณญาณ มีอิสระในการเสพ ทั้งคนทำงานและคนอ่าน เราว่ามันท้าทายทั้งคู่ สำหรับคนอ่านก็ยังต้องแอบอ่าน แต่เราก็พยายามทำปกให้มันไม่เก้อเขินจนเกินไป ในด้านคนเขียน ก็ต้องนำเสนอรีโรติกให้มีคุณค่า ไม่ใช่โป๊เปลือยแล้วจัดกันเลย ซึ่งเราก็หวังว่ามันจะเติบโตอย่างอิสระ ผ่านอุปสรรคทัศนคติเดิม ๆ ไปได้ ทั้งในแง่คนอ่านและคนทำงาน และยังหวังว่าจะมีงานเขียนใหม่ ๆ ที่ได้รับการยอมรับ มีคนรุ่นใหม่ ๆ ผลิตงานออกมาอย่างต่อเนื่องในบ้านเรา” น้ำผึ้งกล่าวทิ้งท้าย

คุณกำลังดู: “น้ำผึ้ง บัวเจริญ” จากภาวะหมดไฟสู่ Saturday I’m in Love นิยายอีโรติกเล่มแรกในชีวิต

หมวดหมู่: ผู้หญิง

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด