ปวดจากการออกกำลังกายควรใช้ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาบรรเทาอาการปวดไหม?
เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีอาการ “ปวด” จากการออกกำลังกาย ซึ่งอาจคิดว่าอาการปวดนั้นเป็น “สัญญาณที่ดี” เหมือนสำนวนติดปากที่ว่า “No Pain, No Gain” แต่ในความเป็นจริงอาการปวดนั้นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่ามีอาการ “บาดเจ็บ” บางอย่างกับกล้ามเนื้อ ข้อต่อ หรือส่วนอื่นของร่างกายได้ ดังนั้นควรรู้ทันเพื่อไม่ให้อาการเหล่านี้มาทำลายความตั้งใจในการออกกำลังกายของเราได้
ลักษณะของการปวดกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย
สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 2 กลุ่ม ดังนี้
1. อาการปวดระบม หรือปวดตึง (DOMS : Delayed Onset Muscle
Soreness)
อาการปวดกล้ามเนื้อในลักษณะนี้จะมีสาเหตุมาจากเส้นใยกล้ามเนื้อ
(Muscle fiber) มีการฉีกขาด
อันเนื่องมาจากมีการออกแรงหรือใช้งานมากกว่าที่เคยทำเป็นประจำโดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดกับคนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ
หรืออาจจะเกิดขึ้นกับคนที่มีการออกกำลังกายอยู่แล้ว
แต่มีการปรับเปลี่ยนโปรแกรมการออกกำลังกาย เช่น
เพิ่มระยะเวลาหรือความหนักของการออกกำลังกายให้สูงขึ้นกว่าที่เคยปฏิบัติอยู่
โดยปกติอาการปวดระบม หรือปวดตึงสามารถหายได้เอง
2. อาการปวดที่เกิดจากการบาดเจ็บโดยตรง
มีอาการปวดแบบแปล๊บๆ จี๊ดๆ
ที่บริเวณกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ
อาจเกิดจากการกระแทกที่กล้ามเนื้อโดยตรง ทำให้เกิดการช้ำหรือฉีกขาด
โดยสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งขณะออกกำลังกายและหลังออกกำลังกาย
อาการปวดแบบนี้จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวในส่วนที่บาดเจ็บ
และอาการปวดอาจไม่หายไป ถึงแม้จะมีการพักร่างกายแล้วก็ตาม
เราจำเป็นต้องใช้ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาบรรเทาปวดไหม
โดยปกติแล้วอาการปวดจากการออกกำลังกายทั่วไปสามารถหายไปได้เอง
ดังนั้นการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อจึงแทบไม่จำเป็นต้องใช้เลย
แต่หากอาการปวดนั้นส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ก็ควรเลือกใช้ยาบรรเทาปวดกล้ามเนื้อที่ใช้ภายนอก
ใช้ตรงบริเวณจุดที่ปวด
แต่หากมีอาการปวดรุนแรงอาจกินยาคลายกล้ามเนื้อร่วมด้วย
แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง
เทคนิคป้องกันและบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
เราสามารถลดความเสี่ยงและความรุนแรงของอาการปวดอักเสบกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายได้
ด้วยวิธีดังนี้
1. อุปกรณ์
เราควรป้องกันไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อด้วยการสวมอุปกรณ์ป้องกันข้อต่อหรือใส่รองเท้าที่เหมาะสมกับกีฬาที่เลือกเล่น
2. การทำวอร์มอัพก่อนออกกำลังกาย
ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ (heart rate)
ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนระบบกล้ามเนื้อช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว
เพิ่มอุณหภูมิกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนของระบบเลือด
เพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นเอ็นและข้อต่อ
3. คูลดาวน์หลังออกกำลังกาย
เป็นการเตรียมร่างกายให้กลับสู่สภาวะปกติ
เพราะหลังจากออกกำลังกายระบบต่างๆ ในร่างกายจะยังคงมีค่าสูงอยู่ เช่น
หัวใจเต้นเร็ว อุณหภูมิร่างกายสูง
และการคูลดาวน์ยังช่วยลดภาวะกล้ามเนื้อล้าหลังจากออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี
4.
พกผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการปวดอักเสบกล้ามเนื้อแบบเย็น
ควรพกยาบรรเทาอาการปวดอักเสบกล้ามเนื้อที่มีตัวยาต้านอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
เช่น ตัวยาไดโคลฟีแนค (Diclofenac) โดยอาจเลือกผลิตภัณฑ์แบบเย็น
เพราะผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการปวดอักเสบกล้ามเนื้อแบบเย็นมีคุณสมบัติทำให้เส้นเลือดหดตัวและลดอาการบวมหลังจากมีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อเบื้องต้นภายใน
72 ชั่วโมง โดยไม่ควรนวดบริเวณที่ปวดเด็ดขาด
เพราะจะทำให้อาการปวดอักเสบกล้ามเนื้อรุนแรงมากขึ้น
ดังนั้นเราจึงควรเลือกใช้ยาบรรเทาภายนอกชนิดสเปรย์เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่มีอาการอักเสบโดยตรงและลดความเสี่ยงที่จะมีการอักเสบเพิ่ม
เรียบเรียงโดย
ดร.ชลชัย อานามนารถ
อาจารย์ประจำวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา
มหาวิทยาลัยมหิดล
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://goo.gl/HvDExa
https://goo.gl/sGMyqQ
www.facebook.com/unirenspray
[Advertorial]
คุณกำลังดู: ปวดจากการออกกำลังกายควรใช้ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาบรรเทาอาการปวดไหม?
หมวดหมู่: รู้เรื่องยา