แรงเอาเรื่อง! Isuzu D-MAX 2.2 Ddi MAXFORCE ลองขับไกลถึงเวียดนาม

04 ก.พ. 2568 | 16:51 น.

ลองขับ Isuzu D-MAX 2025 เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 Ddi MAXFORCE ใหม่ล่าสุดบนเส้นทางจีน-เวียดนาม พิสูจน์ความแรงและประหยัดตามฉบับอีซูซุ จะเป็นอย่างไรไปติดตามอ่านกันได้เลย

เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 Ddi MAXFORCE ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา เสริมทางเลือกทั้งไลน์อัปกระบะ D-Max และรถอเนกประสงค์ MU-X วางจำหน่ายควบคู่ไปกับเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 Ddi MAXFORCE อีกหนึ่งรุ่น (เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร ปัจจุบันมีเฉพาะรุ่น X-Series เท่านั้น)

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE กันสักนิด โดยเครื่องยนต์บล็อกนี้เป็นเครื่องยนต์ที่อีซูซุพัฒนาขึ้นแบบ In-house ซึ่งมีจุดแข็งในด้านของความทนทาน ความประหยัดน้ำมัน การบำรุงรักษาง่าย และสมรรถนะที่เหนือกว่าคู่แข่ง

เครื่องยนต์บล็อกดังกล่าวมีกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 - 2,400 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อม Rev Tronic ใหม่ล่าสุด

หากเทียบกับเครื่องยนต์ 1.9 เดิม แม้ว่าจะมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่กลับมีอัตราสิ้นเปลืองต่ำลง 10.7% และยังมีค่าการปล่อย CO2 ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน

ก่อนจะเริ่มการขับรถบนถนนของประเทศเวียดนาม เราได้มีโอกาสไปอุ่นเครื่องกันก่อนที่ประเทศจีน เริ่มต้นด้วยการชมความอลังการของน้ำตกเต๋อเทียน เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของทวีปเอเชีย มีความสูงประมาณ 30-70 เมตร และมีความกว้างถึง 200 เมตร ตั้งอยู่บนพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่าง 2 ประเทศ คือ จีนและเวียดนาม

หากมองจากมุมด้านบนจะพบว่าน้ำตกฝั่งเวียดนามเป็นน้ำตกชั้นเดียว แต่หากมองทางฝั่งจีนจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ไหลลดหลั่นกันลงมา แถมน้ำยังเป็นสีมรกตใสปิ๊ง สามารถล่องเรือชมน้ำตกได้ทั้งจากฝั่งจีนและเวียดนาม แต่ทางฝั่งจีนจะมีความคึกคักของนักท่องเที่ยวมากกว่า

คืนนั้นเองเราได้เข้าพักที่โรงแรม LUX Choungzuo ซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับ 6 ดาว ตั้งอยู่ในมณฑลกวางสี ท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวขจี

วันต่อมาเรามุ่งหน้าไปยังชายแดนจีน-เวียดนาม เพื่อข้ามแดนไปทดลองขับ Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่รอเราอยู่บริเวณชายแดนฝั่งเวียดนามในเมืองลังซอน (Lang Son) มุ่งหน้าสู่เมืองฮาลอง (Ha Long) ระยะทางกว่า 170 กิโลเมตร

สำหรับคันที่เราได้ทดสอบขับเป็นรุ่น Hi-Lander 2.2 Ddi M A/T ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดในตระกูล Hi-Lander 4 ประตู เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,137,000 บาท

เริ่มต้นทริปกันด้วยเส้นทางชนบท 2 เลนสวน ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างหฤโหดทีเดียว เนื่องจากถนนมีลักษณะแคบ ลัดเลาะไปตามไหล่เขา เต็มไปด้วยโค้งหักศอก รถบรรทุกก็เยอะ แถมยังไม่มีเส้นแบ่งเลนไว้คอยอ้างอิงอีกต่างหาก

สัมผัสแรกที่ได้จาก Isuzu D-Max 2.2 Ddi MAXFORCE คือ อัตราเร่งช่วงออกตัวที่ตอบสนองฉับไวขึ้นกว่ารุ่น 1.9 อย่างเห็นได้ชัด อาการรอรอบแทบไม่หลงเหลืออยู่เลย ถือเป็นจุดขายหลักของการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์มาเป็นขนาด 2.2 ลิตรเลยก็ว่าได้

ส่วนเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดก็สามารถตอบสนองได้ดีเช่นกัน การเปลี่ยนอัตราทดเป็นไปอย่างลื่นไหล จังหวะเปลี่ยนเกียร์ทำได้ชาญฉลาด ช่วยเสริมการทำงานของเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร สามารถเร่งความเร็วตามฝีเท้าได้ทันใจ คล่องตัวทั้งย่านความเร็วต่ำและความเร็วกลาง

การเร่งแซงก็ทำได้ดีเช่นกัน ด้วยแรงบิดมากถึง 450 นิวตัน-เมตร เพียงแค่เพิ่มน้ำหนักคันเร่งลงไปเบาๆ ก็สามารถฉุดตัวรถให้พุ่งทะยานแซงรถคันหน้าได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะบนถนนชนบทของเวียดนามที่จำเป็นต้องใช้ความรวดเร็วในการเร่งแซงพอสมควร จุดนี้ถือว่าเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE บวกเกียร์ 8 สปีดสอบผ่านฉลุย

จากนั้นเราเดินทางต่อบนทางด่วนมุ่งหน้าสู่เมืองฮาลอง ซึ่งมีสภาพถนนค่อนข้างเรียบ สามารถใช้ความเร็วตามกฎหมายได้สูงสุด 120 กม./ชม. เทียบเท่ากับมอเตอร์เวย์และถนนหลวงบางสายของบ้านเรา ประกอบกับการจราจรที่ค่อนข้างบางตา สามารถปลดปล่อยพละกำลังของเครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ได้อย่างเต็มที่

แม้ว่างานออกแบบจะไม่มีความแตกต่างไปจากรุ่นเดิม แต่การปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นขนาด 2.2 ลิตร สามารถเปลี่ยนบุคลิกของ Isuzu D-Max ไปจากเดิมอย่างชัดเจน

โดยเฉพาะการตอบสนองที่ความเร็วต่ำไปจนถึงความเร็วกลาง มีความฉับไว แรงบิดเหลือเฟือ แถมยังประหยัดน้ำมันกว่าเดิม ส่วนย่านความเร็วสูงก็มีเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มาช่วยเพิ่มความสบายในการเดินทาง ทั้งในแง่ของเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ที่ลดลง