เรื่องเล่าจาก "เจต" จากกัมพูชาสู่ไทย ชีวิตที่ดีขึ้นเพราะการวิ่ง

เรื่องเล่าจาก "เจต" จากกัมพูชาสู่ไทย ชีวิตที่ดีขึ้นเพราะการวิ่ง

12 ปีเต็ม ที่เจต ชาญโสริยา สุข หนุ่มชาวกัมพูชา จากบ้านเกิดมาทำงานเพื่อชีวิตที่ดีกว่าในประเทศไทย 9 ปีหลังจากนั้นเจตเข้าสู่วงการวิ่งถนนประเทศไทย กลายเป็นก้าวแห่งความพลิกผัน ที่เจตได้ค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบที่นำพาให้ได้พบกับสิ่งที่ดีขึ้นมากมาย นี่คือเรื่องราวของ เจต ชาญโสริยา ชีวิตในไทย และเป้าหมายในฐานะนักวิ่ง

"นายจ้าง" ผู้ชักนำสู่เส้นทางนักวิ่ง

เจต ชาญโสริยา สุข ตอนนี้อายุ 25 ปี เป็นคนสัญชาติกัมพูชา เริ่มต้นจากการมาเที่ยวเมืองไทย ก่อนจะย้ายมาอยู่แบบกึ่งถาวรนาน 12 ปีเต็ม เจตบอกว่า คนกัมพูชามาอยู่เมืองไทยเยอะ เพราะค่าแรงสูงกว่า "แรกๆมาอยู่ไทยก็แฮปปี้เลย ชอบ มาอยู่ที่กรุงเทพตั้งแต่แรก อยู่กับรุ่นพี่ที่รู้จักกัน เริ่มทำงานเป็นเด็กปั้ม คนที่นู่นมาอยู่ที่นี่เยอะ เพราะที่นู่นค่าแรงมันถูก"

จากเด็กปั้มน้ำมัน เจตเริ่มฝึกและเรียนภาษาไทย ซึ่งเขาบอกว่า ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เมื่อสื่อสารภาษาไทยได้มากขึ้นทำให้เขาได้เปลี่ยนมาทำงานในบริษัทผ้าเกี่ยวกับกีฬา ชีวิตการทำงาน และชีวิตประจำวันราบรื่น มีความสุข เป็นที่รักของนายจ้าง จนทำงานที่นี่มาจนถึงทุกวันนี้ และบริษัทแห่งนี้ก็คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ที่นำพาเจตเข้าสู่วงการวิ่ง

"นายชวนผมมาวิ่ง มีงานวิ่งงานนึง พอไปวิ่งแล้วก็ชอบเลย ติดวิ่ง รู้สึกว่าได้อยู่กับตัวเอง เหนื่อย แต่ก็สนุก ก็เลยมาตั้งใจซ้อมจริงจัง ผ่านมา 3 ปีแล้วครับ" ความจริงจังในการวิ่งขอเจตอยู่ในระดับสูงมาก เพราะมีตารางการซ้อมจากโค้ช ฝึกซ้อมแบบถูกต้อง เป้าหมายเพื่อสถิติที่ดีขึ้น

ถ้วยรางวัลแรก สู่การวิ่งระดับประเทศในไทย

หลังซ้อมจริงจังได้ 3 เดือน เจตได้เจอกับจุดเปลี่ยนที่ 2 คือ การไปซ้อมที่สนามอินทรีจันทรสถิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ทำให้เขาได้พบกับทีมวิ่งปากหวานรันนิ่ง ทีมวิ่งสมัครเล่นที่มีนักวิ่งถนนรวมตัวกันหลากหลาย สมาชิกในทีมเห็นเจตมาวิ่งประจำจึงชักชวนมาอยู่ด้วยกัน

"เขาก็ชวนเข้าทีม ก็เลยเปลี่ยนโค้ชคนใหม่ เจอเพื่อนใหม่ สังคมนักวิ่ง สนุกกว่าเดิม ซ้อมกับทีมปากหวานได้ 5 เดือนก็ได้ถ้วยเลย เป็นงานวิ่งที่สมุทรปราการ 10 กิโล วิ่ง 39 นาที" เจตบอกว่าตอนนั้นดีใจมาก เพราะเคยฝันเอาไว้ว่าวันนึงอยากจะได้ถ้วยจากการวิ่ง นั่นทำให้เจตกลับมาตั้งใจซ้อมยิ่งกว่าเดิม เพราะอยากท้าทายงานวิ่งครั้งต่อไป ซึ่งเจตก็ลงแข่งงานวิ่งถนนอีกหลายงาน และได้ถ้วยรางวัลต่อเนื่อง

แต่ถ้วยที่ภูมิใจคือการได้ประชันกับทีมชาติและอดีตทีมชาติไทย ที่พระนครศรีอยุธยา ในงานซิตี้รัน มันส์ฟันเวอร์ ยิ่งกว่าเดิม ระยะ 10 กิโลเมตร เจตได้เจอกับคู่แฝด บิ๊ก ณัฐวุฒิ อินนุ่ม, เดี่ยว ปฏิการ เพชรศรีชา, ตั้ม อาทิตย์ โสดา รวมถึงนักวิ่งสมัครเล่นอีกหลายคน และเจตสามารถทำผลงานได้ดี เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 4

"รู้สึกดีใจได้แข่งกับทีมชาติไทย ไม่ได้กดดัน ก็วิ่งไปตามที่ซ้อมมา ตอนแรกกะจะไปวิ่งเล่นๆ แต่ก็ทำได้ดี" เจตเล่าสะท้อนถึงความรู้สึกของตัวเอง ว่าเขามาได้ไกลกว่าที่คิดไว้มาก ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตในต่างแดน และการได้ก้าวเข้าสู่การเป็นนักวิ่งแนวหน้าคนหนึ่ง ในวงการวิ่งถนนประเทศไทย

 

ชีวิตที่ดีขึ้นจากการเข้าสู่วงการวิ่ง

"ไม่เคยคิดนะ ว่าจะมาวิ่งที่เมืองไทย เคยคิดแค่จะมาทำงานอยู่ไปวันๆ พอมาวิ่งก็รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้น ได้เจอคนที่ดี มีโอกาสที่ดี" เป็นคำพูดที่ยืนยันจากปากชาวกัมพูชาธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่พลิกชีวิตตัวเอง มีการงานที่มั่นคงในเมืองไทย และมีงานอดิเรกเป็นการวิ่งที่พาให้เขาได้พบผู้คนและโอกาสที่ดี

การวิ่งของเจต ณ ตอนนี้ ถือได้ว่าเป็นช่วงพัฒนาตัวเอง ด้วยวัย 25 ปี กับสถิติที่ดีที่สุด 35.50 นาทีในระยะ 10 กิโลเมตร เจตยังมุ่งมั่นในการซ้อมแบบต่อเนื่อง เพื่อเป้าหมายที่อยากท้าทาย ความฝันของเจตนี้ ยังได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากทางบ้านที่กัมพูชา และนายจ้างที่กรุงเทพฯ

"เวลาต้องไปแข่งต่างจังหวัด ถ้าต้องลางาน นายก็สนับสนุนเต็มที่ เวลาชนะ เขาก็ดีใจกับเรา เหมือนพี่เหมือนน้อง เพราะอยู่กันมานาน ส่วนที่บ้านก็คอยให้กำลังใจตลอด เขาดีใจทุกครั้งที่วิ่งแล้วได้ถ้วย และยังได้ทำงานส่งเงินกลับไปบ้านด้วย" 

โดยเป้าหมายต่อไปในการวิ่งของเจตคือการรับถ้วยพระราชทานจากพระหัตถ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงาน เขาชะโงก ซูเปอร์ฮาล์ฟมาราธอนปีหน้า งานวิ่งที่เป็นเสมือนปริญญาสำหรับนักวิ่งไทยทุกคน

"สิ่งที่ใฝ่ฝัน คืองานเขาชะโงกอยากรับถ้วยพระราชทาน ตั้งใจว่าปีหน้า ก็จะพยายามให้ดีที่สุด ผมชอบการเจอนักวิ่งแนวหน้า แข่งในงานใหญ่ๆ ชีวิตผมสนุกกับการวิ่ง และชีวิตที่เมืองไทยก็เป็นชีวิตที่ดี แฮปปี้ มีแต่เรื่องที่ดีๆ" เจตเล่าทิ้งท้าย

คุณกำลังดู: เรื่องเล่าจาก "เจต" จากกัมพูชาสู่ไทย ชีวิตที่ดีขึ้นเพราะการวิ่ง

หมวดหมู่: ผู้ชาย

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด