ส่องมือสองน่าสน Suzuki Ciaz อีโคคาร์ผมไม่เล็ก ขับดี ราคาโดน

ราคาสบายกระเป๋า เอาแค่พอใช้ได้ Suzuki Ciaz มือสอง ราคา 389,900 บาท ถึง 424,900 บาท

ส่องมือสองน่าสน Suzuki Ciaz อีโคคาร์ผมไม่เล็ก ขับดี ราคาโดน

ในสภาวะเศรษฐกิจฝืด ราคาน้ำมันแพงแบบนี้ ผู้คนให้ความสนใจยานยนต์ไฟฟ้ากันมากเพราะประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และลดการปล่อยมลพิษท่อไอเสีย ณ จุดที่รถคันนั้นวิ่งผ่าน แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ในขณะที่คนกำเงินราวหกแสนสามารถเข้าถึงรถ EV ป้ายแดงได้ ยังมีคนไทยอีกมากที่มีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์ เช่นผู้คนที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัดที่ยังไม่มีรถประจำทางหรือรถสาธารณะที่เดินทางจากที่ทำงานกลับถึงบ้าน หรือแม้แต่คนในเมืองหลวง หากคุณเป็นเด็กสาวจบใหม่ ทำงานที่แรก เงินเดือนสองหมื่น แต่บริษัทใช้งานกะเอาตายยิ่งกว่ารีดนมดิบจากแม่วัวแก่ คุณทำงานเสร็จสี่ทุ่ม บ้านหรือหอพักของคุณอยู่ชานเมืองที่ถนนบางช่วงเปลี่ยวสนิทในยามดึก คนเหล่านี้จำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการเดินทาง เอื้อมมือยังไม่ถึง EV ที่ถูกที่สุด และจำเป็นต้องใช้รถที่มีความประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่ใช่แค่ค่าเชื้อเพลิง แต่ยังรวมถึง ค่าบำรุงรักษา ค่าประกัน+พ.ร.บ. ค่าต่อทะเบียน

อีโคคาร์มือสองที่อายุยังไม่แตะสิบปี คือคำตอบที่ให้บาลานซ์ดีที่สุด ทั้งในเรื่องการประหยัดทรัพย์และการพยายามช่วยประเทศปล่อยมลภาวะเท่าที่จำเป็น รถเหล่านี้เครื่องยนต์เดิมๆออกมาปล่อยมลภาวะไม่เยอะ เพราะน้ำหนักไม่มาก เติมน้ำมัน 100 บาทขับแบบสุภาพเรียบร้อยก็วิ่งได้ 60 กิโลเมตรขึ้นไป คนบ้านอยู่บางใหญ่หรือรังสิตคลองหก ทำงานในตัวเมือง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่ำ ค่าประกันไม่แพงเพราะไม่ใช่รถอะไหล่ทองคำหรือรถสมรรถนะสูงที่เสี่ยงต่อการมิดข้างทาง ต่อทะเบียนครั้งนึง ถ้าจดทะเบียนในนามบุคคล เสียปีละพันนิดๆ อีโคคาร์หลายรุ่นบิลค่าซ่อมมักไม่บานถ้าไม่เจอรถที่สภาพแย่มา บางส่วนแม้ไม่พัง แต่คุณแข็งใจเปลี่ยนก่อนมันพัง จ่ายหนักสักรอบ แล้วใช้แบบไม่ต้องกวนพี่รถสไลด์ไฟวิบวับไปอีก 5-10 ปี

Suzuki Ciaz คืออีโคคาร์รุ่นหนึ่งที่น่าสนใจมาก เพราะราคาของตัวรถ หากเอารุ่นอุปกรณ์เท่ากัน ปีเดียวกันมาเทียบกับรถเจ้าตลาดราคาแข็งอย่าง Toyota Yaris ATIV คุณจะพบว่า ความไม่ใช่รถเจ้าตลาดทำให้ Suzuki ถูกกดราคาไว้ต่ำกว่ากัน 50,000-80,000 บาท ซึ่งเป็นเงินโขอยู่สำหรับชาวเงินเดือนสองหมื่นบวกลบทั้งหลาย จุดดีจุดด้อยย่อมมีแลกกันตามราคา และตามมุมมองของผู้ซื้อ คุณเตรียมเงินเริ่มต้นไว้ได้ตั้งแต่สองแสนบาท ไล่ไปจนถึงสามแสนปลายๆ สำหรับรถรุ่นท็อปสภาพดีที่อายุรถยังไม่เกิน 6 ปี

ในปี 2011 ก่อนช่วงน้ำท่วมใหญ่ภาคกลาง Suzuki ส่งทีมออกแบบและวิศวกรไปตามประเทศต่างๆ รวมถึงไทย เพื่อสอบถามความต้องการของคนในท้องถิ่น มีการสัมภาษณ์สื่อมวลชนไทยด้วยแน่นอนเพราะผมก็คือคนที่เขาเชิญไป แต่ไปในฐานะพยานหลอกกินอาหารฟรีแค่นั้นครับไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรแก่เขานักหรอก สิ่งที่พวกเราสื่อสารกับเขา ก็อาศัยจากความรู้สึกที่เราได้ลองอีโคคาร์ยุคแรกๆ สมัยนั้น มาปรับให้ไปในทิศทางที่เราคิดว่าน่าจะทำให้ตัวผลิตภัณฑ์มีจุดเด่น และผมคิดว่าสื่อมวลชนท่านอื่นหรือประเทศอื่น ก็มีความคิดไปในลักษณะเดียวกันว่า รถราคาถูก ไม่จำเป็นต้องมองแล้วดูเหมือนของราคาถูก ไม่จำเป็นต้องเล็ก คับแคบ ไม่จำเป็นต้องวิ่งแค่ในเมืองความเร็วต่ำๆ ทีมชาวญี่ปุ่นก็รับฟังและพยายามพัฒนารถให้ตรงตามความต้องการของตลาดมากที่สุด ภายใต้ต้นทุนที่ต้องจำกัดตามสไตล์รถเน้นประหยัด

Ciaz จึงเป็นรถที่มีสัดส่วนตัวถัง รูปลักษณ์ ดูเหมือนรถที่ราคาแพงกว่า มันไม่พยายามทำตัวเป็นรถตัวกลมปุ๊กปิ๊กน่ารักแบบอีโคคาร์กระแสหลักสมัยนั้น แต่เลือกที่จะยึดกับสัดส่วนหน้าและท้ายที่ยาวพอดีกัน ที่สำคัญคือขนาดตัวรถนั้น แคบกว่า Mercedes-Benz E-Class ปี 94 แค่ 10 มิลลิเมตร ตัวสั้นกว่ากันไม่ถึงฟุต ตัวใหญ่พอๆ กันกับ Mitsubishi Lancer EX แล้วนอกจากนี้ ยังมีขนาดประตูโตมาก พื้นที่ภายในกว้างขวางกว่ารถยุโรประดับบริหารจากยุค 90s แถมด้วยพื้นที่ความจุฝากระโปรงท้ายโต 565 ลิตร (จุมากกว่า BMW ซีรีส์ 5 คันโตๆ) ซึ่งทำให้ Ciaz เหมาะสมมากที่จะนำมารับใช้บ้านที่คนในครอบครัวตัวใหญ่ หรือบ้านที่มีพ่อเฒ่าแม่แก่ที่ไม่ค่อยมีแรงเวลาขึ้นลงรถ แม้จะไม่สะดวกแบบรถที่มีหลังคาสูง แต่ถือว่าคนออกแบบ สร้างงานออกมาได้ดีมากสำหรับการที่ใช้งานสบายขนาดนี้แล้วยังมีรูปทรงที่ปราดเปรียวไม่ดูเป็นคางคกยักษ์ วัยรุ่นมาขับ ก็ยังดูแล้วสาวสมวัย ไม่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคุณแม่มาเอง

Ciaz เปิดตัวขายครั้งแรกในปี 2015 และไมเนอร์เชนจ์ในปี 2020 แต่เราจะโฟกัสไปที่รถโฉมแรกเพราะเป็นจุดที่อายุรถกับราคากำลังนำมาซึ่งจุดที่คุ้ม มีให้เลือกหลายรุ่นย่อยตั้งแต่รุ่น GA ซึ่งให้ล้อเหล็กไร้ฝาครอบ อุปกรณ์แทบไม่มี มีแต่รุ่นเกียร์ธรรมดา ขึ้นมาเป็นรุ่น GL ที่ตกแต่งดูดีแบบเป็นกลาง มีของให้เท่าที่จำเป็น แอร์ลูกบิด ล้อฝาครอบ มีทั้งเกียร์ CVT และเกียร์ธรรมดา แล้วค่อยมาเป็นรุ่น GLX เกียร์ CVT ซึ่งเป็นตัวท็อปในช่วงแรกของการจำหน่าย มีล้ออัลลอย ไฟตัดหมอก แอร์ออโต้ กุญแจแบบสมาร์ทคีย์

สำหรับคนทั่วไป ผมมักให้เลือกรุ่น GL หากต้องการรถที่จุดดูแลรักษาน้อย ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน แต่ถ้างบมากพอ การเลือกรุ่น GLX ก็ไม่ผิด เพราะได้ของดีเพิ่มขึ้น อย่างแอร์ออโต้ของ Ciaz นี่ ตอนผมไปทดสอบ ขนาดรถทดสอบไม่ติดฟิล์ม วิ่งกลางแดด แอร์ยังเย็นสู้แดดได้ และมีฮีทเตอร์ทำลมร้อนได้ ถูกใจคนใช้รถภาคเหนือ สมาร์ทคีย์ ก็สะดวกต่อการพกกุญแจไว้ในกระเป๋าถือ เดินเข้าใกล้รถ กดปุ่มดำๆ บนมือเปิดประตูทีเดียว จะเป็นการเปิดล็อกประตูแค่บานนั้นๆ ซึ่งลดโอกาสที่โรคจิตหน้าไหนก็ตามจะฉวยโอกาสขึ้นรถคุณจากอีกฟาก กดสองครั้งเป็นการเปิดล็อกประตูทุกบาน ก็ดีในแง่ความปลอดภัย แต่บางคนนานทีมีหนุ่มขอติดรถกลับบ้านด้วย ก็จะลืมกดสองที มีบ้างล่ะครับ

ในปี 2018 มีการเพิ่มรุ่น RS ซึ่งกลายเป็นตัวหรูสุด ราคาตอนป้ายแดงเพิ่มจาก 625,000 เป็น 675,000 บาท รุ่นนี้จะมีชุดแต่งสเกิร์ต สปอยเลอร์จากโรงงาน ล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว เบาะหนัง เครื่องเสียงจอ 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แต่ยังไม่มีกล้องหลังมาให้จากโรงงาน นอกจากนี้ รุ่น RS และรุ่น GLX ล็อตปี 2018 เป็นต้นไป จะมีช่องเป่าลมแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังเพิ่มมาให้อีกด้วย RS พอได้ของแบบนี้ มาดของรถดูดีขึ้น แต่สำหรับคนอยากประหยัด ผมจะบอกว่า ยาง 195/55 ขอบ 16 ของรุ่น RS เวลาหาเปลี่ยนที ราคาแพงกว่าไซส์ 185/65 ขอบ 15 ของรุ่น GL/GLX นะครับ เปลี่ยนยางสีเส้น จ่ายต่างกันครั้งละ 4,000-8,000 บาท ถ้ายอมได้ก็เอาครับ

ปี 2019 ก่อนที่จะไมเนอร์เชนจ์ ทาง Suzuki ทำรุ่น GL Plus ออกมาขายอยู่แป๊บเดียว รถรุ่นนี้ คือ GL ที่เพิ่มชุดแต่งภายนอก สปอยเลอร์ และเปลี่ยนใส่เครื่องเสียงแบบจอของ Kenwood ที่มีกล้องมองหลัง ซึ่งกล้องหลังนี่ขนาดตัว RS แพงสุดยังไม่ติดมาให้เลยครับ รุ่น GL Plus นี้เกิดจากการที่ดีลเลอร์กับผู้บริหารเขาสังเกตว่า เวลาลูกค้าตัวจริงเขาออกรถรุ่น GL ไป ก็มักจะขอของแถมเป็นสิ่งเหล่านี้ Suzuki เลยทำเพิ่มให้เองจากโรงงานในราคาเพิ่มจาก GL แค่ 9,000 บาท ทุกวันนี้ความต่างตรงนี้ไม่มีผลต่อราคามือสองครับ ถ้าคุณจะเล่นรุ่น GL ก็อาจจะอยากใจเย็นแล้วมองหาเป็น GL Plus ไปเลย

อันที่จริง เรื่องเครื่องเสียง หรือกล้องมองหลัง ถ้าคุณไม่ซีเรียส มันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าได้ของตรงใจโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ก็ถือว่าเซฟเงินกว่า ถูกไหมครับ? แต่ถ้าอยากได้กล้อง ได้ลูกเล่นแบบรถสมัยใหม่จริง เจียดเงินเปลี่ยนจอ Android ใหม่ๆ ไม่กี่พัน ต่อ Android Auto ได้ มีกล้องหลังชัดๆ จอโตๆ เดี๋ยวนี้มีที่พร้อมทำให้คุณเยอะแยะครับ

ในการขับและการใช้งาน คุณต้องเข้าใจในความเป็นอีโคคาร์ที่ใช้เครื่องยนต์ปอดลูกแมวเพียงแค่ 1.2 ลิตร มีกำลัง 91 แรงม้า จะไปหวังความแรงแบบสั่งแล้วมาเลย ก็คงผิดจุด แต่ข่าวดีก็คือ หนึ่ง Ciaz เป็นรถตัวโต แต่น้ำหนักเบาเพียง 950-1,050 กิโลกรัม ภารกรรมการขับเคลื่อนจึงไม่เยอะ และ สอง ถ้ารถคันเก่าของคุณคือ Corolla 1.5 จาก 25 ปีก่อนที่เป็นเกียร์ออโต้ Ciaz 1.2 ลิตรใหม่ๆ ก็ไม่ได้อืดกว่ารถเหล่านั้นถ้าคุณกดคันเร่งจริงจัง นิสัยของเครื่องยนต์ K12B ใน Ciaz นั้น ถ้ากดคันเร่งเบาบาง หรือกดแบบแอบเกรงใจรถ มันจะไม่พุ่ง ออกแนวหนืดเสียด้วยซ้ำ ต้องกดปุ่มเล็กที่หัวเกียร์เพื่อเปิดโหมด Sport แล้วคุณจะพบว่าเวลาขับรีบๆ รถตอบสนองได้คล่องขึ้น เครื่องไม่ได้แรงขึ้นนะครับ แต่เกียร์มันจะมีความตื่นตัวรอคำสั่งคุณมากขึ้น เวลาเดินทางไกลแล้วต้องแซง ขอให้กดแบบมั่นๆ ไป เสียงเครื่องจะดัง รอบเครื่องจะสูง ก็ไม่ต้องกลัวครับ เครื่อง K12B ออกแบบภายในมาไม่เปราะหรอก ผมดูเพื่อนผมที่มันขับรุ่นเกียร์ธรรมดา ยัด 5-6 พันรอบแทบทุกครั้งที่ขับ ป่านนี้ก็ยังไม่เห็นกำลังอัดรั่ว แรงตกใดๆ ขอแค่ใช้น้ำมันเครื่องดี เปลี่ยนถ่ายตรงกำหนดครับ

เรื่องความประหยัดน้ำมัน Ciaz สามารถวิ่งเล่นในเมืองแบบรถไม่ติดบ้าคลั่งเกินเหตุ ด้วยตัวเลขระดับ 13-14 กิโลเมตรต่อลิตร ถ้าเจอรถติดหนักมากทุกวัน เช่นวิ่ง 30 กิโลเมตรใช้เวลาเกินชั่วโมงครึ่ง แบบนั้นจะเหลือ 12 ได้ ส่วนการออกวิ่งทางไกล ขอแค่คุณพยายามทำความเร็วไม่เกินกฎหมายกำหนด 17-18 กิโลเมตรต่อลิตรก็มีให้พบได้ บางคนที่กะจังหวะคันเร่งเป็น และวิ่งไม่เกิน 100 เลย ได้ระดับ 20 กิโลเมตรต่อลิตรก็มี มันอาจจะไม่ได้ประหยัดแบบรถไฮบริดในแง่ของค่าน้ำมัน แต่ข้อดีคือ คุณไม่ต้องลุ้นว่าจะมีองค์ประกอบไฮบริดแพงๆ รอวันพังในภายหน้า ในแง่การบริหารความเสี่ยง ค่าใช้จ่ายที่มีความสม่ำเสมอ ทำให้เราควบคุมเงินได้ง่ายกว่า คุณเติมน้ำมัน E20 เต็มถังก็แค่พันนิดๆ เติมที่แถวๆ ดอนเมือง ขับดีๆ ก็ไปเติมอีกทีแถวลำพูนเชียงใหม่ได้ (แต่อย่าเลย คุณไม่ใช่รถส่งหนังสือพิมพ์ ไม่ต้องทำเวลาขนาดนั้น อยากเติมเมื่อไหร่ก็แวะสิครับ)

ความน่ารักของ Ciaz อีกจุดคือความสบายของช่วงล่าง ซึ่ง Suzuki ปรับนิสัยให้ต่างจาก Swift คือ นุ่มนวลกว่า นั่งเต็มคันแล้วไม่ตึงตังเท่า วิ่งบนถนนขรุขระก็ซับแรงกระแทกได้ดี วิ่งทางไกลใช้ความเร็วระดับ 120 นี่สบาย ไม่หวิว ถือว่าช่วงล่างเดิมๆ นี่ขับวันละ 6-700 กิโลเมตรไม่เครียดเลย ถ้าคุณไม่ได้เอามาตรฐานรถสปอร์ตรถซิ่งมาวัด แต่พวงมาลัยของ Ciaz จะเป็นสไตล์ที่นักซิ่งไม่ชอบ เบา ขับสบาย แต่ไม่คม ไม่ไว รถรุ่นแรกๆปี 2015-2017 มีอาการคล้าย Toyota Yaris คือเวลาวิ่งไปตรงๆ จะต้องคัดซ้ายคัดขวาช่วย บางคนมองว่าพวงมาลัยไวไป จริงๆ มันไวแค่ช่วงใกล้ศูนย์กลาง พอหักมากๆ กลับช้า พอปี 2017 Suzuki ก็ปรับจูนแร็คเพาเวอร์ไฟฟ้า ปรับศูนย์ใหม่ ทำให้อาการดังกล่าวลดลง ขับสบายขึ้น ผู้ใหญ่ชอบ แต่วัยรุ่นขาซิ่งก็ไม่ชอบอยู่ดี

ที่ผมท้าเลยอีกอย่างคือ คุณลองขับ Ciaz ที่สภาพดีแล้ววิ่ง 100-120 ดูนะครับ แล้วคุณไปขับ Honda Civic หรือ Corolla Altis ที่อายุเท่ากันแต่ราคาแพงกว่าเยอะ คุณจะพบว่าการเก็บเสียงรบกวนของอีโคคาร์อย่าง Ciaz กลับซีลปิดกั้นเสียงได้ดีกว่าเสียอีก ไม่เชื่อไปลองได้ครับเพราะผมขับรถทั้งสามรุ่นมาแล้วอย่างน้อยรุ่นละ 8-10 ครั้งในรถต่างคันกัน ไม่เช่นนั้นผมไม่มีทางพูดแบบนี้ได้

รถคันไม่เล็ก คนวัยทำงาน โสด สวย ไม่ต้องรวยก็ขับได้ คนมีครอบครัวแล้ว พ่อแม่บวกลูกสอง ก็ใช้ได้อย่างมีความสุข แต่มันไม่ใช่รถที่ไร้ที่ติเมื่อเทียบกับรถรุ่นปีใกล้เคียงกัน ข้อเสียอย่างแรกเลยก็คือ Ciaz นั้น ไม่ว่าจะรุ่นไหนปีไหน ก็ไม่มีระบบกันรถลื่นไถล ระบบควบคุมการทรงตัวมาให้ คุณอย่าแปลกใจถ้าคนใช้ทั่วไปขับแล้วบอกว่าดี แต่อาจารย์อั๋นขับใน MaxTV แล้วรถกวาดท้ายเกือบหมุน เพราะ Ciaz ช่วงล่างมีหน่วยก้านดี แต่บางกรณี ต้องใช้ความสามารถของอิเล็กทรอนิกส์ช่วยจริงๆ ครับถ้าคุณไม่ได้ขับเก๋งระดับมืออาชีพ Ciaz นั้นโผล่มาในยุคที่ระบบเหล่านี้ยังเป็นของแปลกสำหรับอีโคคาร์ แต่พอปี 2017 Toyota Yaris ATIV โผล่มา มีระบบเหล่านี้ในทุกรุ่นย่อย และมีถุงลม 7 ใบในขณะที่ Ciaz มีแค่ 2 ใบ ผมมองว่านี่คือข้อเสียที่สำคัญ และต้องแจ้งให้ทราบ ส่วนคุณจะใส่ใจหรือไม่นั้น แล้วแต่คุณครับ

นอกจากนี้ แม้พื้นที่ท้ายรถจะโต ขนาดรถจะใหญ่ แต่ Ciaz ขาดความอเนกประสงค์ตรงที่เบาะหลังพับไม่ได้ครับ ดังนั้น นี่ก็ต้องพิจารณาว่าชีวิตคุณมีความจำเป็นต้องบรรทุกสินค้ายาวๆบ่อยหรือไม่ ถ้าบ่อย ไปหารุ่นอื่นดีกว่า

อาการและโรคประจำตัวของ Ciaz นั้น เมื่อตอนที่เปิดตัวใหม่ๆ มีการเคลมแร็คพวงมาลัยกันไปบ้าง แต่รถที่ขายหลังปี 2017 มา จะได้แร็คที่ปรับใหม่แล้ว ส่วนเกียร์ CVT ของ JATCO นั้น ผมบอกเลยว่า ถ้าไม่พังคือไม่ปกติ หรือไม่ก็ทำบุญมาดีมาก ประสบการณ์ส่วนตัวเจอมาแล้วกับเกียร์ที่เย่อและพังตั้งแต่ 60,000 กิโลเมตร ภายหลังจึงมีการปรับปรุงให้ทนทานขึ้น แต่เกียร์หอนวี้ดเบาๆ นั้น แก้ไม่หายครับ ดูเหมือนเกียร์รุ่นปรับปรุงใหม่ที่พังยากกว่า ก็หอนดังกว่าด้วย แต่ต้องลองขับเทียบดูหลายๆ คันตอนซื้อครับ เพราะมันจะมีโทนเสียงที่ต่าง ความดังที่ต่างกัน ระหว่างหอนปกติของมัน กับหอนแบบเกียร์เตรียมพัง อย่างไรก็ตาม CVT JATCO นั้น ความที่พังบ่อย ก็ทำให้มีคนรับซ่อมข้างนอกได้ในราคาหมื่นกลางถึงปลาย ทำเสร็จแล้ว เจอกันอีกทีเมื่อผ่านไปแสนโลครับ บางคนก็พยายามช่วยโดยการไปหากรองเกียร์มาใส่ เกียร์ของ Ciaz และ Almera เป็นลูกเดียวกัน แต่ Nissan จะมีกรองเกียร์ให้เบิกเปลี่ยนได้ ในขณะที่ Suzuki จะไม่มี ศูนย์ไม่มีให้เบิก ต้องไปทำที่อู่นอกครับ

นอกจากนั้นแล้ว อาการอื่นๆ เป็นเรื่องที่ตามมากับอายุการใช้งาน ถ้าขับอยู่แล้วไฟรูปเครื่องยนต์ขึ้น ก็มีทั้งออกซิเจนเซนเซอร์ชำรุด หรืออีกทีหนึ่งก็คือหัวฉีดจ่ายเชื้อเพลิงที่เครื่องมีอาการรั่ว ซึ่งเกิดขึ้นได้เมื่อรถใช้มาเกิน 150,000 กิโลเมตร คอยล์เย็นของชุดเครื่องปรับอากาศ ก็มีการผุและรั่วบ้างเหมือนกัน ค่าอะไหล่ค่าแรงทำที่ศูนย์ราวห้าพันบาท แต่ต้องระวังหน่อยเพราะศูนย์ Suzuki นั้น ประสบการณ์ส่วนตัวคือบางที่ เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีความชำนาญในการวินิจฉัยปัญหา ให้ข้อมูลลูกค้ามั่วๆ ฟังไม่ขึ้น บางทีคอยล์เย็นไม่ได้รั่ว รั่วแค่แหวนปะเก็นไม่กี่ร้อยบาท ถ้าอยากเซฟเงิน แอร์เสียก็ไปร้านแอร์หรืออู่ที่ชำนาญ Suzuki ก็ได้ เว้นเสียแต่ว่าแถวบ้านคุณมีศูนย์ Suzuki ที่คนใช้ Suzuki เขาไปกันแล้วหลายคนพูดตรงกันว่าดี

ก็ต้องพูดตามตรงว่านี่ล่ะครับปัญหาอย่างหนึ่งที่ Suzuki จะไม่เหมือนรถตลาด อย่าง Toyota นั้นแต่ละที่จะมีมาตรฐานที่ใกล้เคียงกัน แต่จะไม่ทำอะไรออกนอกตำราให้คุณ ส่วน Suzuki นั้น บางทีผมต้องยอมขับรถไปไกลจากบ้าน 60 กิโลเมตร เพราะศูนย์แห่งนั้นๆ วิเคราะห์อาการเก่งกว่า ตรงไปตรงมากกว่า บางศูนย์ ผมบอกให้เช็กเครื่องสั่น ถามผมว่าเติมน้ำมันอะไร ผมบอกว่า E20 เจ้าหน้าที่หัวเราะแล้วบอกว่า Suzuki เติมได้แค่โซฮอล์ 95 ผมแทบอยากจะเปิดคู่มือไปแปะหน้ามันให้อ่านก่อนทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง ท้ายสุด ปัญหาผมจบที่ศูนย์ที่รู้เรื่อง แก้ไขให้ เครื่องไม่สั่น และเติม E20 มาตลอดได้

เมื่อคุณซื้อรถมา ถ้าเจ้าของเก่าไม่ได้เก็บประวัติการเปลี่ยนถ่ายของเหลวไว้ ก็ลงทุนเปลี่ยนใหม่แล้วนับหนึ่งไปเลย Ciaz ไม่ใช่รถที่ต้องการของเหลวขั้นเทพครับ น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ที่ไม่ปลอม น้ำมันเกียร์ที่ตรงสเปกตรงค่า ก็จบเรื่อง ไม่แพง สิ่งที่อยากให้เปลี่ยนไม่ว่าจะได้รถมายังไงก็ตามก็คือนอตยึดปีกนกคู่หน้าครับ ซึ่งตัวนอตของ Suzuki นั้น เท่าที่ทราบมา มีอาการนอตขาด หัวนอตขาดจากแท่งเกลียว ซึ่งก็ฟันธงไม่ได้ว่าเป็น Defect หรือเกิดจากการโดนกระแทกแรงๆ ตามพฤติกรรมการขับ แต่ในเมื่อค่านอตกับค่าตั้งศูนย์รวมแล้วน่าจะแค่พันนิดๆ ก็เบิกมาเปลี่ยนเสียเลยดีกว่า จากนั้นก็ตรวจเช็กทุก 10,000 กิโลเมตร และเปลี่ยนทุกแสนกิโลเมตร น่าจะปลอดภัยครับ รถส่วนมากถ้าไม่ได้โหลด แต่งแปลงช่วงล่างก็ไม่ได้เจออาการนี้ แต่ผมชอบความชัวร์มากกว่าโดยเฉพาะถ้ามันไม่ได้ใช้เงินเยอะ

นอกเหนือจากนี้ไป Ciaz จัดว่าเป็นรถที่ไม่มีอาการเรื้อนประจำตัว ประเภทขับไปรอลุ้นไป มันเป็นรถที่ไว้ใจได้แบบ 95% ว่าไม่พาคุณไปกินข้าวลิงกลางทาง อู่นอกที่ทำ Suzuki โดยเฉพาะก็พอมี และอู่ทั่วไปก็สามารถซ่อมได้ ไม่ใช่รถที่ยุ่งยากซับซ้อนต่อการดูแล ไม่ใช่รถที่ขายดีแบบ Yaris แต่ก็พบเห็นได้ทุกวัน บริษัทรถเช่าบางเจ้าก็ยังใช้ ซึ่งบริษัทรถเช่านี่รู้กันนะครับว่า ถ้ารถเปราะปัญหาเยอะ เขาจะไม่คบรถแบบนั้นกัน

ถ้าคุณกำเงินไว้สัก 350,000 บาท โอกาสก็คือ คุณจะสามารถจบกับรถ Ciaz รุ่น RS อายุแค่ราว 4-5 ปี หรือถ้ากำเงิน 250,000 ก็ได้รุ่น GL ที่อายุราว 7 ปี ยังไม่ถึงวัยที่อะไรต่อมิอะไรจะพากันร่วง แตก แหก พัง มีเงินเหลือพอไว้ตรวจสอบรถ ซ่อม เปลี่ยนถ่ายของเหลวตามจำเป็น ก็ยังมีเงินเหลือ ได้รถที่คันไม่เล็ก ขับสบาย นั่งสบาย วิ่งได้ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด เอาไว้ให้คุณใช้ทำงานในระหว่างเก็บสะสมเงินเพื่อสร้างอนาคตที่ดี หรือเก็บไว้ซื้อ EV ในวันที่คุณพร้อมอย่างจริงจังครับผม.

Pan Paitoonpong

คุณกำลังดู: ส่องมือสองน่าสน Suzuki Ciaz อีโคคาร์ผมไม่เล็ก ขับดี ราคาโดน

หมวดหมู่: รถยนต์

แชร์ข่าว

โพสต์ล่าสุด