ส่องสาเหตุ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ทำไมถึงแพง?
ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาของแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้าจะไม่มีวันถูกลงกว่านี้.....
เมื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ต่างตระหนักถึงสภาวะภูมิอากาศของโลกที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้าย หากเรายังคงปล่อยมลพิษโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ ท้ายสุด...เราจะอยู่อาศัยบนโลกใบนี้ได้อย่างยากลำบาก การหาพลังงานใหม่ที่ไม่ใช่เชื้อเพลิงฟอสซิลมาทดแทน กลายเป็นความจำเป็นอย่างเร่งด่วน พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และเทคโนโลยีสีเขียวอื่นๆ ถูกนำมาใช้ปั่นไฟฟ้าเพื่อชาร์จและขับเคลื่อนยานพาหนะพลังงานสะอาดในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้พลังงานสะอาดจากธรรมชาติมีแนวโน้มที่จะมีราคาถูกลง เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปข้างหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ
รถยนต์ไฟฟ้าได้รับการคาดหมายมานานแล้วว่าจะเป็นไปตามวิถีเดียวกันนี้ เมื่อมันได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่ว ยานยนต์ EV ก็จะมีราคาถูกลง แต่สิ่งที่เราคิดกลับไม่เป็นแบบนั้น จากความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาของแบตเตอรี่จะไม่มีวันถูกลง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ที่เกิดอุบัติเหตุแล้วส่งผลกระทบต่อแบตเตอรี่แพ็ก ทำให้ต้องเปลี่ยนชุดแบตเตอรี่ใหม่หมดนั้น ราคาที่จะต้องจ่ายนั้นแพงจนสะดุ้ง รถยนต์ BYD ราคา 1.2 ล้านบาท มีราคาแบตเตอรี่ใหม่สูงถึง 565,750 บาทถึง656,000 บาท (แล้วแต่รุ่น) ราคาที่สูงเกิดจากเทคโนโลยีใหม่ของแบตเตอรี่แบบใบมีด ความต้องการที่ไม่เพียงพอต่อการผลิต และความนิยมที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับคนที่กำลังจะเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปภายในไปเป็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ก็ควรจะคิดหน้าคิดหลังให้ดีๆ นี่ยังไม่นับแบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์หรูหราอย่าง BMW Mercedes-Benz Porsche Audi และอีกหลายค่ายที่เน้นขายรถหรู มักจะมีราคาของแบตฯ ลูกหนึ่งทะลุ 1-3 ล้านบาท เฉลี่ย เกือบ 40-50% ของราคารถทั้งคัน
เป็นเวลาเกือบทศวรรษที่เกิดเรื่องเพ้อฝันขึ้นในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ นักวิเคราะห์รถยนต์ไฟฟ้าได้คาดการณ์จุดเปลี่ยนมหัศจรรย์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า นั่นคือ “ความเท่าเทียมกันของราคา” คนเหล่านั้นคิดว่าเมื่อรถยนต์ไฟฟ้าได้รับควมนิยมมากๆ ราคาของมันจะต่ำลง และถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม หลังจากนั้นเมื่อราคาแบตเตอรี่ลดลง ในที่สุดยานยนต์ EV จะมีราคาต่ำกว่ารถยนต์สันดาปภายใน นักวิเคราะห์คาดการณ์มานานแล้วว่า ราคาของรถยนต์สันดาปจะเท่ากับรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อแบตเตอรี่มีราคาถูกลงจากการผลิตในปริมาณสูง
หลายปีที่ผ่านมา ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความสนใจในรถยนต์ EV ของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 1-2 ปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้น และบริษัทรถยนต์หลายค่ายได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ เพื่อเข้ามาแทนที่รถยนต์สันดาปภายในมากขึ้น ในช่วงสองสัปดาห์หลังการรุกรานยูเครนของรัสเซียในเดือนมีนาคม 2565 ตามมาด้วยตัวเลขราคาเชื้อเพลิงที่สูงต่อเนื่อง การค้นหารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ทางออนไลน์ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จากความคิดที่ถูกกรอกหูมาตลอดว่า รถยนต์ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงตลอดอายุการใช้งาน รถยนต์ไฟฟ้ามีต้นทุนในการ "เติมพลังงาน" น้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน และด้วยชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่า จึงมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อยกว่าด้วย แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือ ราคาของชุดแบตเตอรี่ที่แพงมาก
หลังจากทศวรรษที่ตกต่ำ ปัจจุบันราคาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าพุ่งขึ้น 7% ในปีนี้ Bloomberg NEF รายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาที่ดีดตัวสูงขึ้นของแบตเตอรี่ คุกคามอนาคตของรถยนต์ไฟฟ้า EV หลายคนคิดว่าในอนาคตอันใกล้พวกมันจะมีราคาที่ย่อมเยามากขึ้น การแข่งขันของอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุนแรงขึ้น เพื่อค้นหาวิธีที่ถูกกว่าในการใช้พลังงานไฟฟ้า ทำให้เกิดคำถามว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ ผู้ผลิตรถยนต์กำลังเข้าสู่ยุคใหม่แห่งความไม่แน่นอนหรือไม่ เป็นความไม่แน่นอนที่นำพาลูกค้าที่เลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไปร่วมอยู่ในวังวนแห่งราคาอันแสนแพงของชุดแบตเตอรี่ด้วยหรือไม่
ในปีนี้ วัสดุแบตเตอรี่ที่มีต้นทุนสูง โดยเฉพาะ ลิเธียม นิกเกิล และโคบอลต์ ราคาต้นทุนของแร่ธาตุและการผลิต ส่งคลื่นกระแทกไปทั่วอุตสาหกรรมยานยนต์ ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ต่างแข่งขันกันเพื่อเพิ่มระยะทางของยานยนต์ไฟฟ้า EV ทำให้แร่ลิเธียมเพียงอย่างเดียวมีราคาพุ่งสูงขึ้น 500% ตามข้อมูลของ McKinsey
เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนส่งผลกระทบให้ต้องเปลี่ยนแบตฯ ใหม่ทั้งลูก ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ท่ีแพงมากกลายเป็นสิ่งที่เกินกว่าการประเมินของคนที่เลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่มีราคาที่ย่อมเยาและเหมาะกับคนทั่วไป รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่วิ่งไกลประมาณ 380 กิโลเมตร โดยเฉลี่ยมีราคาสูงถึง 850,000-1,200,000 บาท ต้นทุนของแบตเตอรี่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไม่สามารถกดราคาของยานยนต์ไฟฟ้าให้ต่ำลงได้ และราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับราคาของรถยนต์สันดาป จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย เราจะเห็นอุปสงค์ส่วนเกินเมื่อเทียบกับอุปทานที่เพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หมายความว่าต้นทุนของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น (จากราคาแบตฯ) ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ความต้องการแบตเตอรี่ EV ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้แบตเตอรี่ใหม่ไม่มีวันที่จะมีราคาลดลงอีกต่อไป
ต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วง 4 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดแคลนวัตถุดิบหลักที่จำเป็นในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ EV ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามการคาดการณ์ไว้ เป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับวัตถุดิบหลัก เช่น ลิเธียม ซึ่งจำเป็นต่อการผลิตเซลล์แบตเตอรี่หลายสิบล้านเซลล์ การขาดแคลนลิเธียมสำหรับผลิตแบตฯ ส่งผลให้แบตเตอรี่มีราคาสูงขึ้น และเราเองก็ยังไม่สามารถผลิตแบตเตอรี่แบบอื่นได้ หากไม่ได้มีการขุดแร่ลิเธียม
การเพิ่มขึ้นของต้นทุนแบตเตอรี่ อาจทำให้ราคาของ EV ที่ขายในปี 2569 สูงขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นยอดขายรถ EV คาดว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นทั่วโลก ตามการคาดการณ์ล่าสุดจากบริษัทที่ปรึกษา LMC Automotive ผู้ผลิตรถยนต์เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น เนื่องจากผู้คนทั่วโลก (จำนวนมาก) ยอมรับแนวคิดของรถยนต์ไฟฟ้า
Jim Farley CEO ของ Ford เรียกร้องให้มีการขุดแร่ธาตุจำเป็นสำหรับผลิตแบตเตอรี่ให้มากขึ้น หลังการเปิดตัว F-150 Lightning กระบะพลังงานไฟฟ้าของ Ford “เราต้องการใบอนุญาตการขุดหาแร่ธาตุ เราต้องการสารตั้งต้นในการประมวลผล และใบอนุญาตผลิตตัวเก็บประจุไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา และเราต้องการให้ภาครัฐและภาคเอกชนทำงานร่วมกัน และนำมันมาที่นี่” Farley กล่าวกับ CNBC
Elon Musk ซีอีโอของ Tesla กล่าวในช่วงต้นปี 2020 เพื่อกระตุ้นให้อุตสาหกรรมเหมืองแร่เพิ่มการสกัดนิกเกิลให้มากกว่าเดิม และเพียงพอต่อความต้องการ “Tesla มองไปที่การขุดนิกเกิลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” Musk กล่าวระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์ในเดือนกรกฎาคม 2020
ราคาของแร่ลิเธียมที่เพิ่มขึ้นเกือบ 900% ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา
ทำให้สันนิษฐานได้ว่าลิเธียมที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
คาดว่าทั่วโลกจะมีโครงการทำเหมืองแร่ลิเธียมใหม่เกิดขึ้นอีกหลายสิบโครงการ
ซึ่งสนับสนุนเงินทุนโดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
ในทางกลับกันการลงทุนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในประเทศจีน
เพื่อการผลิตแบตเตอรี่จำนวนมากสำหรับห่วงโซ่อุปทานของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจีน
การเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบและส่วนประกอบ
เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาแบตเตอรี่สูงขึ้นในปี 2565
ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของราคาโลหะแบตเตอรี่
ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่และผู้ผลิตรถยนต์หันมาใช้กลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้น
เพื่อป้องกันความผันผวน รวมถึงการลงทุนโดยตรงในการขุดหาแร่ลิเธียม
จากข้อเท็จจริงที่ว่าเซลล์ลิเธียมไอออนราคาถูกที่สุดในโลกอยู่ในจีน
ซึ่งราคาเฉลี่ยสำหรับ 1 กิโลวัตต์ชั่วโมง อยู่ที่ 127 ดอลลาร์
ถูกกว่าในสหรัฐอเมริกาและยุโรป 24 และ 33 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ
จากปริมาณการผลิตที่มากขึ้น
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและชุดแบตเตอรี่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ส่งผลให้จีนรุดหน้าอย่างรวดเร็วในด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า
รวมถึงความจริงที่ว่า จีน
ยังมีลิเธียมสำรองในปริมาณมหาศาลอีกด้วย.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
คุณกำลังดู: ส่องสาเหตุ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ทำไมถึงแพง?
หมวดหมู่: รถยนต์
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- สัมผัสแรกขับโคตรดี รถยนต์ไฟฟ้า BYD SEAL ชาร์จเต็มวิ่งไกล 650-700 กม. คาด เข้าไทยเร็วๆนี้
- รถยนต์ไฟฟ้า BYD Denza D9 ชาร์จเต็มวิ่งไกล 620 กม. เตรียมโชว์โฉมใน Motor Show 2023
- สัมผัสแรก รถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin โผล่ไทยกลางปีนี้ มีดีที่ราคา
- ISUZU เตรียมเปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้าที่ประเทศญี่ปุ่น
- MG เตรียมเปิดราคาและรับจองรถยนต์ไฟฟ้า NEW MG ES 13 มีนาคมนี้
- BENZ จับมือ OR โชว์ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานรถยนต์ไฟฟ้า ทดสอบในภาคเหนือ กับ EQS 500 4MATIC