10 วิธีใช้ “ลู่วิ่งไฟฟ้า” อย่างถูกวิธี ลดบาดเจ็บ-ลดน้ำหนักได้ผล
ใครได้ไปฟิตเนสคงจะได้ใช้ลู่วิ่งไฟฟ้ากันมาบ้าง แต่ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ ใช้อย่างถูกต้องหรือเปล่า?
ลู่วิ่งไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ฟิตเนส หรือยิมควรจะมี และทุกคนที่เคยไปฟิตเนสน่าจะเคยเล่นกันมาบ้าง แต่ค่อนข้างจะแน่ใจว่าใน 10 คนที่เคยใช้ จะต้องมีบางคนที่ใช้ลู่วิ่งอย่างไม่ถูกต้องแน่ๆ หากใช้ลู่วิ่งไม่ถูกต้อง อาจส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บระหว่างวิ่ง หรืออาจทำให้การวิ่งในครั้งนั้นไม่ได้ผลต่อร่างกายก็ได้
10 วิธีใช้ “ลู่วิ่งไฟฟ้า” อย่างถูกวิธี
- ก่อนเปิดเครื่องเริ่มวิ่ง ควรอบอุ่นร่างกายด้วยการทำท่าบริหาร
ยืดเส้นยืดสาย คลายกล้ามเนื้อให้ทั่วร่างกายเป็นเวลา 5-10 นาที
ก่อนเริ่มต้นวิ่ง
- หากใช้ลู่วิ่งที่สามารถตั้งโปรแกรมอัตโนมัติโดยใส่ข้อมูลส่วนตัว
เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง ฯลฯ ลงไปได้
ก็ควรใส่ก่อนเริ่มต้นวิ่งให้เรียบร้อย
- ไม่ควรเปิดทีวี เปิดแท็บเล็ต หรือมือถือดูหนัง ละคร
คลิปวิดีโอต่างๆ เพราะอาจทำให้เราเกร็งกล้ามเนื้อบางส่วน โดยเฉพาะคอ
ไหล่ หรือต้นแขนขณะวิ่ง
ทำให้การวิ่งของเราไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนอย่างที่ควรจะเป็น
แต่หากอยากชมวิดีโอขณะวิ่งจริงๆ ควรตั้งจอทีวีให้อยู่ตรงหน้าลู่วิ่ง
โดยที่เราไม่ต้องก้มหน้า หรือชะเง้อมองจอจากด้านข้างจะดีกว่า
หรือเปลี่ยนเป็นฟังเพลงก็ไม่เลวนะ
- การวิ่งที่เป็นธรรมชาติ
คือการวิ่งที่ให้ผลลัพธ์ต่อร่างกายได้ดีที่สุด
ดังนั้นควรวิ่งบนลู่วิ่งโดยเสมือนว่าลู่วิ่งคือทางบนถนนที่วิ่งปกติ
ดังนั้นเมื่อวิ่งได้จังหวะที่สม่ำเสมอแล้ว ควรเอามือออกจากราวจับ
ไม่ควรวิ่งไปจับราววิ่งไปด้วย เพราะอาจทำให้เราเสียจังหวะในการวิ่ง
วิ่งได้ไม่เป็นธรรมชาติ
และไม่ได้ขยับกล้ามเนื้อที่แขนมากเท่าที่ควร
- ไม่จำเป็นต้องโฟกัสที่ตัวเลขบนเครื่องมากเกินไป
โดยเฉพาะตัวเลขจำนวนพลังงานที่เผาผลาญได้จากการวิ่งในครั้งนั้นๆ
เพราะพลังงานเป็นแคลอรี่ที่โชว์อยู่บนเครื่อง
เป็นตัวเลขที่เครื่องทำการคำนวณให้คร่าวๆ เท่านั้น ควรใส่ใจกับเวลา
และความเร็วที่ใช้ในการวิ่งจะดีกว่า
- ควรเดินในความเร็วปกติเพื่ออบอุ่นร่างกายก่อนเริ่มวิ่งจริงๆ ราว 5
นาที แล้วค่อยๆ ปรับความเร็วในการวิ่งเพิ่มมากขึ้นอย่างช้าๆ
เมื่อเริ่มวิ่งไปได้ราว 15 นาที สามารถเพิ่มระดับความเร็วได้เรื่อยๆ
จนถึงระดับที่วิ่งแล้วเหนื่อยหอบ แต่ยังพอพูดได้เป็นคำๆ
เมื่อถึงจุดนั้นให้หยุดการเพิ่มความเร็ว
แล้ววิ่งในระดับความเร็วนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเริ่มไม่ไหว จึงค่อยๆ
ลดความเร็วลงมาจนถึงจุดที่เดินได้ หากยังพอไหวเมื่อเดินจนหายเหนื่อย
ก็ค่อยๆ เร่งความเร็วเพื่อวิ่งต่อได้
- ควรวิ่งสลับเดินไปเรื่อยๆ ติดต่อกันอย่างน้อย 30 นาที
- ระวังอย่าปรับความเร็ว และความความชันของลู่วิ่งมากจนเกินไป
เพราะการวิ่งเกิดขีดจำกัดของตัวเองไม่ได้เป็นผลดีต่อร่างกายเลยแม้แต่น้อย
หนำซ้ำยังทำให้ร่างกายทำงานหนักจนเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บ
และอาจอันตรายต่อสะดุดล้มบนลู่งวิ่งได้
โดยเฉพาะใครที่โรคประจำตัวที่เกี่ยวกับหัวใจ
อาจอันตรายถึงชีวิตอีกด้วย
- เมื่อใช้ลู่วิ่งไปได้สักระยะ อย่าวิ่งด้วยโปรแกรมเดิมๆ ซ้ำๆ
หากตั้งค่าด้วยโปรแกรมอัตโนมัติเป็นประจำ วิ่งในระยะเวลา
หรือความเร็วซ้ำๆ เดิม ควรเปลี่ยนด้วยการเพิ่มความเร็ว เพิ่มระยะทาง
หรือวิ่งสลับเดินในเวลาที่แตกต่างกันดูบ้าง
เพื่อไม่ให้ร่างกายเคยชินกับการออกกำลังกายซ้ำแบบเดิมๆ
และเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้ออย่างช้าๆ
- อย่าลืมคูลดาวน์หลังวิ่งเสร็จด้วยการลดระดับความเร็วจากการวิ่งมาเป็นเดินราวๆ 10 นาที หลังวิ่งสามารถนั่งพัก จิบน้ำได้ และสามารถเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ ของร่างกายเพิ่มได้ด้วยการเล่นเวทต่อ แต่ถ้าหากเหนื่อยล้ามากจนไม่ไหวแล้ว ก็ควรพักให้หายเหนื่อย แล้วค่อยเล่นเวทวันอื่นได้
สิ่งสำคัญของการวิ่งบนลู่วิ่ง คือการใช้ลู่วิ่งให้ใกล้เคียงกับการวิ่งบนทางปกติให้มากที่สุด อย่าเพิ่งพาเทคโนโลยีบนลู่งวิ่งมากจนเกินไป ปรับระดับความเร็ว และความชันของลู่วิ่งให้เหมาะสมกับร่างกายของตนเอง เท่านี้ก็จะใช้ลู่วิ่งเพื่อการออกกำลังกาย หรือเพื่อการลดน้ำหนักได้อย่างถูกวิธี และเห็นผลดั่งใจได้แน่นอน
คุณกำลังดู: 10 วิธีใช้ “ลู่วิ่งไฟฟ้า” อย่างถูกวิธี ลดบาดเจ็บ-ลดน้ำหนักได้ผล
หมวดหมู่: สุขภาพ