6 สัญญาณเตือนภูมิคุ้มกันตก ร่างกายอ่อนแอ พร้อมวิธีรับมือ
ช่วงที่ผ่านมา การระบาดของโควิด-19 ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพมากขึ้น การปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน เช่น การล้างมือบ่อยๆ และการเว้นระยะห่างทางสังคม เป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันการติดเชื้อ แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการมี ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าขณะนี้ภูมิคุ้มกันของเรากำลังตก ร่างกายอ่อนแอ พร้อมวิธีรับมือ
6 สัญญาณเตือนภูมิคุ้มกันตก
1.ความเครียดเรื้อรัง ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
เคยสังเกตไหมว่าหลังจากผ่านช่วงเวลาที่เครียดมากๆ เช่น ทำงานหนัก หรือเจอปัญหาส่วนตัว ร่างกายมักจะอ่อนแอลงและป่วยง่ายขึ้น นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย ความเครียดเรื้อรังส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันของเราโดยตรงตามที่สมาคมจิตวิทยาอเมริกันได้ระบุไว้ ความเครียดที่ยาวนานจะทำให้ร่างกายตอบสนองต่อการต่อสู้กับเชื้อโรคได้ลดลง
เหตุผลก็คือความเครียดจะทำให้จำนวนลิมโฟไซต์ ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับการติดเชื้อลดลง เมื่อลิมโฟไซต์ลดลง ร่างกายก็จะอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ เช่น ไข้หวัดมากขึ้น ดังที่ ดร.นาเดีย ฮาซัน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ได้อธิบายไว้
2.เป็นหวัดบ่อยเกินไป อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายอ่อนแอ
เป็นเรื่องปกติที่ผู้ใหญ่จะเจอไข้หวัดปีละ 2-3 ครั้ง โดยเฉลี่ยแล้วอาการจะทุเลาลงภายใน 7-10 วัน ดร.ฮาซันอธิบายว่า "ในช่วงเวลานั้น ระบบภูมิคุ้มกันจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วันในการสร้างแอนติบอดีเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค" แต่ถ้าคุณเป็นหวัดบ่อยมาก หรือหวัดไม่หายสักที นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณกำลังทำงานหนักเกินไปและอ่อนล้า
3.ปัญหาเกี่ยวกับท้องบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนสุขภาพ
หากคุณมีอาการท้องเสีย ท้องอืด หรือท้องผูกบ่อยๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณกำลังอ่อนแอลง
จากการวิจัยพบว่าระบบภูมิคุ้มกันของเรากว่า 70% อยู่ในระบบทางเดินอาหาร แบคทีเรียดีและจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา ช่วยปกป้องลำไส้จากการติดเชื้อและสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อปริมาณแบคทีเรียดีเหล่านี้ลดลง คุณจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส การอักเสบเรื้อรัง และโรคภูมิต้านทานตัวเอง
4.แผลหายช้า อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายอ่อนแอ
เมื่อผิวหนังของเราเกิดบาดแผล ไม่ว่าจะเป็นจากการถูกไฟไหม้ บาดเจ็บ หรือการถลอก ร่างกายจะทำหน้าที่ซ่อมแซมตัวเองโดยอัตโนมัติ โดยการส่งเลือดที่อุดมไปด้วยสารอาหารไปยังบริเวณที่บาดเจ็บเพื่อช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาทดแทน
กระบวนการรักษาแผลนี้จะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เซลล์ภูมิคุ้มกันเหล่านี้มีหน้าที่สำคัญในการต่อสู้กับเชื้อโรคและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น หากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เซลล์เหล่านี้จะทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้การสร้างเนื้อเยื่อใหม่เป็นไปอย่างช้าๆ หรืออาจไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้เลย ส่งผลให้แผลหายช้าและอาจติดเชื้อได้ง่าย
5.ติดเชื้อบ่อย อาจเป็นสัญญาณเตือนสุขภาพ
หากคุณสังเกตว่าตัวเองติดเชื้อบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณกำลังทำงานไม่เต็มที่ สมาคมภูมิแพ้ หอบหืด และภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ระบุสัญญาณเตือนของการที่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอในผู้ใหญ่ ดังนี้
- ติดเชื้อในหูมากกว่า 4 ครั้งต่อปี: การติดเชื้อในหูบ่อยครั้งอาจบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เป็นปอดบวม 2 ครั้งภายใน 1 ปี: การเป็นปอดบวมซ้ำๆ ในระยะเวลาอันสั้น เป็นสัญญาณที่น่ากังวลเกี่ยวกับสุขภาพของปอดและระบบภูมิคุ้มกัน
- เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง หรือมีอาการไซนัสอักเสบจากแบคทีเรียมากกว่า 3 ครั้งต่อปี: การติดเชื้อในโพรงไซนัสบ่อยครั้ง อาจบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ต้องใช้ยาปฏิชีวนะมากกว่า 2 คอร์สต่อปี: การต้องใช้ยาปฏิชีวนะบ่อยครั้งบ่งบอกว่าร่างกายมีการติดเชื้อบ่อย และระบบภูมิคุ้มกันอาจไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคได้เอง
หากคุณมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพ
6.เหนื่อยล้าตลอดเวลา อาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกาย
เราต่างก็รู้ดีว่าการทำงานหนักเกินไปหรือพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า แต่ถ้าคุณนอนหลับพักผ่อนเพียงพอแล้ว ยังรู้สึกอ่อนล้าอยู่ตลอดเวลา นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณกำลังส่งสัญญาณเตือน
เมื่อระบบภูมิคุ้มกันทำงานหนัก ระดับพลังงานของคุณก็จะลดลงตามไปด้วย ดร.ฮาซันอธิบายว่า "นั่นเป็นเพราะร่างกายกำลังพยายามเก็บรักษาพลังงานเพื่อส่งไปยังระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อให้สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้
วิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
หากคุณมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น นั่นหมายความว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างนิสัยใหม่ๆ เพียงเล็กน้อย จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณแข็งแรงขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ดังนี้
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่: อาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างภูมิคุ้มกัน
- นอนหลับให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- ล้างมือบ่อยๆ: การล้างมือเป็นประจำจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ
- ฉีดวัคซีนตามกำหนด: วัคซีนช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ
- ควบคุมน้ำหนัก: น้ำหนักตัวที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- เลิกสูบบุหรี่: บุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกัน
- จัดการความเครียด: ความเครียดเรื้อรังส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกัน
คุณกำลังดู: 6 สัญญาณเตือนภูมิคุ้มกันตก ร่างกายอ่อนแอ พร้อมวิธีรับมือ
หมวดหมู่: ผู้หญิง