ลองดู! ใช้ชีวิตแบบ “ขอบคุณ” สิ่งรอบตัว แล้วจะมีความสุขขึ้น
เชื่อหรือไม่ว่าเราสามารถมีความสุขเพิ่มขึ้นได้เพียงแค่ “ขอบคุณ” สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว โดยมีคำแนะนำจากหนังสือแนวพัฒนาตัวเองที่แนะนำว่าให้เราลองเขียนขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราในแต่ละวันในทุก ๆ วัน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องปกติหรือเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม แล้วดูว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองเป็นอย่างไร ฟังดูอาจเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะ? แล้วลองลงมือทำดูหรือยัง? คุณจะพบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไรที่เราจะระลึกถึงเรื่องราวที่ “น่าขอบคุณ” ได้ออก ในขณะเดียวกัน เรากลับรู้สึกถูกผูกติดอยู่กับเรื่องราวที่ไม่ค่อยดีมากกว่าเรื่องดีอีก
เราขอย้ำคำเดิมกับคุณว่าให้ “ลอง” นึกถึงเรื่องราวดี ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกขอบคุณให้ออก แล้วเขียนบันทึกในไดอารี่ส่วนตัวดู ช่วงแรก ๆ คุณจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากที่จะนึกให้ออกว่าวันนี้มีเรื่องอะไรที่น่าขอบคุณบ้าง คุณติดใจเรื่องไม่ดีมากกว่าด้วยซ้ำไป รวมถึงรู้สึกว่าวัน ๆ มีเรื่องให้ขอบคุณน้อยเหลือเกิน แต่นานวันเข้า คุณจะรู้สึกได้ว่าคุณสามารถมองเห็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้มากและง่ายขึ้น รวมถึงมองข้ามเรื่องที่ไม่ดีไม่น่าขอบคุณไปได้อย่างง่ายดาย ไม่เก็บกลับมาเป็นอารมณ์ เพราะมันคือการเปลี่ยน “โฟกัส” ของเรา จากเรื่องด้านลบมาเป็นเรื่องดี ๆ ที่น่าขอบคุณ ที่เกิดขึ้นเช่นกันในชีวิตของเราทุกวัน
จริง ๆ แล้ว เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ทำให้เรารู้สึกขอบคุณได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินตามหลังใครสักคนเข้าตึกแล้วเขาเปิดประตูค้างไว้เผื่อเรา ไรเดอร์ที่มาส่งอาหารถึงหน้าบ้านในวันฝนตก หรือแม้แต่กาแฟที่รู้สึกว่าวันนี้มันอร่อยกว่าทุกวันก็ได้ น่าขอบคุณทั้งคนชงและกาแฟแก้วนั้น! ลองเขียนทุกสิ่งทุกอย่างสิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณในแต่ละวันออกมาให้ได้มากที่สุด ความรู้สึกซาบซึ้งและความรู้สึกขอบคุณ สามารถช่วยให้สารสื่อประสาททั้ง 4 ชนิด ได้แก่ โดปามีน เซโรโทนิน ออกซิโทซิน และเอ็นดอร์ฟิน ทำงาน เราจึงสามารถมีความสุขกับเรื่องเล็ก ๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างปกติในแต่ละวันได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง
เพิ่มพลังบวก เพิ่มความสุข เพราะเราโฟกัสเรื่องลบ ๆ น้อยลง
จริง ๆ แล้วในแต่ละวัน มันมีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีเกิดขึ้นทั้งสองอย่างเป็นปกติ แต่เราจะได้รับผลกระทบจากเรื่องราวที่ไม่ดีเยอะกว่า เป็นเพราะมนุษย์มีสัญชาตญาณของการระวังภัย แต่การเป็นคนที่รู้จักขอบคุณสิ่งต่าง ๆ ที่น่าขอบคุณ จะทำให้เราสนใจเรื่องไม่ดีน้อยลง เพราะเรามัวแต่โฟกัสในสิ่งที่เราอยากจะขอบคุณในทุก ๆ วันมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเราเห็นว่าชีวิตมันเต็มไปด้วยสิ่งที่ควรจะขอบคุณ และพยายามที่จะขอบคุณสิ่งรอบตัวอยู่เสมอ มันจะทำให้เราเห็นแต่เรื่องดี ๆ เรื่องที่ทำให้เรามีความสุขได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกัน เราจะมองข้ามความทุกข์ต่าง ๆ ไปได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ไม่จดจ่อกับมัน เราจึงเจอความสุขได้ง่ายกว่า และเพิ่มพลังบวกให้กับตัวเราได้ด้วย
เห็นต่างมุมว่าเรื่องแย่ ๆ ก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทุกอย่าง
แน่นอนว่าคงไม่มีใครที่อยากจะขอบคุณเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตหรอกถูกไหม เพราะมันเป็นสิ่งที่เราไม่พึงปรารถนากันมาตั้งแต่ต้น แต่สิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม ถ้ามันจะเกิด เราก็หยุดยั้งมันไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้น นอกจากก้มหน้าก้มตาแก้ปัญหากันไปทีละขั้น ๆ อยากให้ลองพิจารณาอย่างลึกซึ้งว่ามีเรื่องอะไรดี ๆ เกิดขึ้นท่ามกลางเรื่องแย่ ๆ เหล่านั้นบ้าง หรือเราได้เรียนรู้อะไรดี ๆ จากเรื่องแย่ ๆ พวกนั้น คือถ้าไม่เจอเรื่องแย่ขนาดนั้น เราก็คงไม่รู้ศักยภาพตัวเองว่าสามารถคิดพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้ดีขนาดนี้เหมือนกัน แล้วขอบคุณที่ยังอุตส่าห์มีเรื่องดีเกิดขึ้นบ้างในสถานการณ์ที่แย่ มันไม่ใช่การพยายามจะคิดแบบโลกสวย แต่มันคือการพยายามเยียวยาความรู้สึกแย่ในใจเราลงด้วยเรื่องดีต่างหาก
เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราก้าวข้ามวันแย่ ๆ ไปได้
เราจะไม่สามารถปีนขึ้นจากหลุมแห่งความผิดหวังได้ ถ้าเราเอาแต่ฝังกลบตัวเองด้วยความรู้สึกด้านลบไปเรื่อย ๆ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรหาเรื่องดี ๆ ท่ามกลางเรื่องแย่ ๆ ให้เจออย่างน้อยสักเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม แล้วจงขอบคุณที่อุตส่าห์มีแสงไฟเล็ก ๆ ท่ามกลางความมืดมนและสถานการณ์ที่ชวนหดหู่ ผ่อนปรนความเลวร้ายลง และทำให้เราพอมีหวังบ้าง จงใช้เรื่องดี ๆ นั้นเป็นพลังบวกในการพาใจตัวเองขึ้นจากหล่มของความทุกข์ ถ้าเรารู้สึกขอบคุณบ่อยขึ้น เราก็จะเป็นคนที่มองเห็นความสุขมากขึ้นด้วย มันจะช่วยให้เราเจ็บปวดน้อยลง โฟกัสกับเรื่องไม่ดีน้อยลง และช่วยให้เราก้าวข้ามผ่านวันยาก ๆ ไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ทำให้เราอ่อนโยน และเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้ง่ายขึ้น
การที่เรารู้สึกซาบซึ้งและรู้สึกขอบคุณใครต่อใครที่ทำเรื่องดี ๆ ให้กับเรา แปลว่าเราต้องรับรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องดี ๆ ที่ผู้คนใจดีหยิบยื่นให้โดยไม่หวังผลตอบแทน และคนที่ทำเรื่องเหล่านั้นให้ก็สมควรที่จะได้รับคำขอบคุณจากใจจริง ๆ ซึ่งถ้าหากว่าเราพยายามโฟกัสกับเรื่องบวกที่คนอื่นทำให้อย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัวได้ ทั้งยังช่วยให้เราเป็นคนที่มองโลกในแง่บวกมากขึ้น มีจิตใจที่อ่อนโยนมากขึ้น ลดความรู้สึกด้านลบลง มีแนวโน้มว่าจะมีความสุขมากขึ้น โดยจะพยายามไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีกับคนอื่น มักจะไม่วิจารณ์คนอื่นในเชิงลบ มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้น และมักจะทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนอื่นเป็นการตอบแทนเช่นกัน
ช่วยเพิ่มความนับถือตัวเองให้มากขึ้น
ถ้าเราเป็นคนที่รู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ รอบตัวล้วนมีสิ่งที่น่าขอบคุณซ่อนอยู่ในทุก ๆ สถานการณ์ เราก็จะรู้ว่ามีอีก 1 คนที่เป็นคนเก่งจนเราต้องขอบคุณเขาให้ได้ทุกวัน นั่นก็คือ “ตัวเราเอง” ในทุก ๆ วันจงขอบคุณตัวเองที่สามารถอดทนก้าวผ่านเรื่องแย่ ๆ มาได้ หรือขอบคุณที่พยายามใช้ชีวิตอันยากลำบากในวันต่อ ๆ ไปโดยพยายามที่จะมีความสุขให้มากขึ้น เพราะบนโลกที่วุ่นวายใบนี้ แค่เราสามารถดำเนินชีวิตต่อไปและปรารถนาที่จะมีความสุขในทุกวัน มันก็เป็นเรื่องดี ๆ ที่น่าขอบคุณตัวเองแล้ว เราจะรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีและเป็น ในขณะเดียวกัน เราก็จะไม่เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นที่มีมากกว่าแล้วมารู้สึกแย่กับตัวเอง เพราะถ้าเรามีความสุขอยู่แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องขวนขวายอะไรอีก
คุณกำลังดู: ลองดู! ใช้ชีวิตแบบ “ขอบคุณ” สิ่งรอบตัว แล้วจะมีความสุขขึ้น
หมวดหมู่: ผู้หญิง