รู้จักภาวะ "ดื้อโบ" เติมมากแค่ไหนผิวยังย่น อาจส่งผลกระทบลุกลามถึงใช้โบฯ ไม่ได้
จากกรณีศึกษาสตรีวัย 47 ปีจากประเทศสิงคโปร์ที่มีภาวะดื้อโบ
โดยคนไข้ใช้ BoNT-A ปริมาณสูงอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 6 เดือนเป็นระยะเวลา 3
ปี จากนั้นคนไข้สังเกตว่าประสิทธิผลของการรักษาด้วย BoNT-A ลดลง
โดยพบว่าระยะเวลาของผลลัพธ์สั้นลง
และจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาบ่อยขึ้น
คนไข้ตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้สูตร BoNT-A ที่มีความบริสุทธิ์สูง
ทำให้การรักษากลับมาได้ผลอีกครั้ง ต่อมาคนไข้เปลี่ยนกลับไปใช้ BoNT-A
ที่มีปริมาณสูงและมีสิ่งแปลกปลอมอีกครั้งทำให้ประสิทธิผลของการรักษาหยุดลง
คนไข้ตรวจเลือดและพบว่ามีแอนติบอดี้ต่อ BoNT-A
แพทย์จึงวินิจฉัยว่าคนไข้มีภาวะดื้อ BoNT-A
คนไข้ตัดสินใจกลับไปใช้สูตร BoNT-A ที่บริสุทธิ์อีกครั้ง
คนไข้ตรวจเลือดและพบว่าแอนติบอดี้ลดลงเมื่อได้รับการรักษาด้วย BoNT-A
ที่บริสุทธิ์อย่างต่อเนื่องทุก 3 -4 เดือน
จากเคสคนไข้ดังกล่าวแสดงถึงภาวะดื้อโบที่ผู้ใช้โบทูลินัมท็อกซินพบว่าประสิทธิผลในการรักษาด้วยโบทูลินัมท็อกซินลดลง
ต้องเพิ่มปริมาณสาร มีการรักษาถี่ขึ้น
หรือเข้ารับการรักษาแล้วไม่เกิดประสิทธิผลต่อเนื่อง
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก
เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังขาดความรู้เรื่องภาวะดื้อโบทูลินัมท็อกซิน
หรือดื้อโบ
ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ขาดประสิทธิภาพในการรักษาแต่อาจกลายเป็นสัญญาณเตือนว่าในอนาคต
คนไข้อาจไม่สามารถรับการรักษาด้วย BoNT-A
ได้อีกไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางด้านความงาม หรือการแพทย์
เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะการดื้อโบ Sanook Women
จึงอยากให้ทุกเริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะดื้อโบตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงความสามารถในการหลีกเลี่ยงภาวะดื้อโบเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง
รู้จัก "ภาวะดื้อโบ" หรืออาการดื้อโบ BoNT-A คืออะไร
ภาวะดื้อโบ หรืออาการดื้อโบ คือการรับบริการ การรักษาด้วย BoNT-A และพบว่าการใช้ หรือการรักษาด้วยโบทูลินัมท็อกซินแล้วไม่เห็นผลในแบบประสิทธิผลลดลง ต้องเพิ่มปริมาณสาร หรือรักษาบ่อยขึ้น
สัญญาณ และอาการของภาวะดื้อโบ หรือ ดื้อต่อ
BoNT-A
การใช้ปริมาณยาที่สูงขึ้นเพื่อให้ได้การตอบสนองต่อการรักษาเท่าเดิม หรือต้องรับการรักษาถี่ขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เท่าเดิม
ปัจจัยเสี่ยงให้เกิด "ภาวะดื้อโบ" หรือ ดื้อต่อ
BoNT-A
- การใช้ BoNT-A ที่มีสิ่งแปลกปลอม ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้างแอนติบอดี้มายับยั้งการออกฤทธิ์ของ BoNT-A ซึ่งคล้ายกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีน
- การได้รับ BoNT-A ที่มีสิ่งแปลกปลอมซ่้ำๆ ส่งผลให้การตอบสนองของภูมิคุ้มกันสูงขึ้น ทำให้เกิดการดื้อยาในระยะยาว
ต่อเรื่องนี้ศาตราจารย์นายแพทย์วาสนภ วชิรมนได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะดื้อโบยังมาจาก
1.ความถี่ในการใช้
"ส่วนใหญ่เราจะบอกกับคนไข้ว่าไม่ควรถี่กว่า 3 เดือน
ต้องเข้าใจว่าโบคือสารแปลกปลอมอย่างหนึ่งที่ร่างกายจะเห็นและต่อต้าน
ดังนั้นเราอย่าโหลดของพิสดารเข้าไปบ่อยนัก
ส่วนใหญ่ก็จะแนะนำว่าอย่าบ่อยกว่า 3 เดือน"
2.ปริมาณโดสที่ใช้ "ส่วนตัวจะชอบใช้โดสน้อยๆ
ก่อนเท่าที่จำเป็น อาจจะมีบางที่ที่ใช้โดสเยอะๆ
กล้ามเนื้อไหนที่ไม่จำเป็นก็อัดเข้าไป เราอาจจะได้ยินคำว่าโบเหมาขวด
ผมคิดว่าอันนี้เกินจำเป็นในบางอย่าง
และร่างกายก็จะมองเห็นว่ามันคือสิ่งแปลกปลอม
ดังนั้นอย่าทำให้ร่างกายเห็นสิ่งเหล่านี้เยอะ"
ผลกระทบต่อการเกิด "ภาวะดื้อโบ" หรือ ดื้อต่อ
BoNT-A
- ภาวะดื้อต่อ BoNT-A สามารถลดประสิทธิผลของการรักษา และส่งผลให้คนไข้ไม่สามารถเข้ารับการรักษาด้วย BoNT-A ได้อีกต่อไป ทั้งในด้านความงาม และการรักษาโรคในอนาคต
- เนื่องจาก BoNT-A ใช้รักษาโรคทางระบบประสาท และการรักษาโรคต่างๆ เช่นโรคคอบิดเกร็ง และภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในคนไข้โรคหลอดเลือดสมอง โดยการเกิดภาวะดื้อต่อ BoNT-A อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อคุณภาพชีวิตของคนไข้ หากในอนาคตจำเป็นต้องใช้ BoNT-A ในการรักษาอาการดังกล่าว
วิธีแก้ปัญหาเมื่อเกิด "ภาวะดื้อโบ" หรือดื้อต่อ BoNT-A แล้ว
- สำหรับคนไข้ที่รับการรักษาด้วย BoNT-A อยู่แล้ว การเปลี่ยนไปใช้สูตร BoNT-A บริสุทธิ์ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะดื้อต่อ BoNT-A มากยิ่งขึ้น
วิธีหลีกเลี่ยง "ภาวะดื้อโบ" หรือดื้อต่อ BoNT-A ทำได้อย่างไรบ้าง
- การเลือกสูตร BoNT-A ที่บริสุทธิ์ตั้งแต่เริ่มรับการรักษา มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะดื้อต่อ BoNT-A และทำให้มั่นใจได้ว่าการรักษาจะยังคงมีประสิทธิผลในระยะยาว
- เลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการรักษา หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคลินิก หรือแพทย์บ่อยครั้งเพื่อให้แพทย์สามารถติดตามประวัติการรักษาและดูแลคนไข้ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงภาวะดื้อต่อ BoNT-A ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- บุคลากรทางการแพทย์ควรใช้ปริมาณยาต่ำสุดเท่าที่จำเป็นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ต้องการ โดยเว้นระยะห่างระหว่างการรักษาแต่ละครั้งให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และหลีกเลี่ยงการฉีดเพิ่มเติมจากที่วางแผนไว้
- บุคลากรทางการแพทย์ควรทำการประเมินทางคลินิกอย่างครอบคลุม วางแผนการรักษาอย่างรอบคอบ และใช้สูตร BoNT-A บริสุทธิ์ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะดื้อโบให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- บุคลากรทางการแพทย์ควรให้ความสำคัญในการให้คำปรึกษาครั้งแรกแก่คนไข้ เพื่อให้ความรู้แก่คนไข้เกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะดื้อต่อ BoNT-A
คนไข้ต้องสื่อสารกับแพทย์อย่างไรบ้าง
- คนไข้ควรสอบถามแพทย์เกี่ยวกับแบรนด์ BoNT-A ที่ใช้,แผนการรักษา และแผนการดูแลตัวเองในระยะยาว
- คนไข้ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับเป้าหมายการรักษา ความกังวลต่างๆ การเข้ารับการรักษาด้วย BoNT-A ที่ผ่านมาทั้งในแง่การแพทย์ และความงาม รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ในผลการรักษาที่ผ่านมา
วิธีเลือกผลิตภัณฑ์ BoNT-A บริสุทธิ์ ภายใต้ผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าบริสุทธิ์สูงเต็มท้องตลาด
- สูตรยาจะถือว่าบริสุทธิ์ก็ต่อเมื่อประกอบด้วยโมเลกุลของสารนิวโรท็อกซินที่ออกฤทธิ์เท่านั้น และจะต้องไม่มีสิ่งแปลกปลอมเช่นโปรตีนเชิงซ้อน สารนิวโรท็อกซินที่ไม่ออกฤทธิ์ โปรตีนแฟลกเจลลิน หรือสารปนเปื้อนทางพันธุกรรมจองแบคทีเรีย
- สูตร BoNT-A ที่อ้างว่า "บริสุทธิ์เป็นส่วนใหญ่" ยังอาจมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ เช่นสารนิวโรท็อกซินที่ไม่ออกฤทธิ์และแปลงสภาพแล้ว ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
- ผู้ผลิตบางรายอาจอ้างว่าผลิตภัณฑ์เป็นผลิตภัณฑ์ที่บริสุทธิ์เนื่องจากสูตรการผลิตไม่มีส่วนประกอบของบางชนิด อย่างไรก็ตามสูตรเหล่านี้ยังคงมีสิ่งแปลกปลอมอย่างอื่นที่ระบบภูมิคุ้มกันสามารถจดจำได้ง่าย ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อ BoNT-A ได้เช่นกัน
ข้อมูลทั้งหมดนี้มาจากการประชุม DASIL/MERZ ASCEND Council Meeting ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมระดับโลกด้านแพทย์ผิวหนังและความงาม DASIL (Dermatology,Aesthetics,and Surgery International League) World Congress ครั้งที่ 12 ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงฮานอย เวียดนาม
คุณกำลังดู: รู้จักภาวะ "ดื้อโบ" เติมมากแค่ไหนผิวยังย่น อาจส่งผลกระทบลุกลามถึงใช้โบฯ ไม่ได้
หมวดหมู่: ผู้หญิง