กินอย่างไรเพื่อเอาชนะ “อ้วนลงพุง”
เชื่อว่ามีหลายคนที่กำลังประสบกับปัญหา “อ้วนลงพุง” และยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีให้กับมามีหน้าท้องที่แบนราบเหมือนเดิม
เชื่อว่ามีหลายคนที่กำลังประสบกับปัญหา “อ้วนลงพุง” และยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีให้กับมามีหน้าท้องที่แบนราบเหมือนเดิม วันนี้ Tonkit360 มีคำแนะนำจาก สสส. เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเพื่อเอาชนะอ้วนลงพุงมาฝากกัน ซึ่งรับรองได้เลยว่าถ้าคุณปฏิบัติตามนี้อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ไขมันสะสมในร่างกายนั้นลดลงได้มากทีเดียว
1. มื้อเช้าอย่าให้ขาด แต่ต้องกินให้ถูกสูตร
2:1:1
เนื่องจากร่างกายอดอาหารมาตลอดทั้งคืน
อาหารเช้าจึงเป็นมื้อที่มีความสำคัญอย่างมาก
อีกทั้งอาหารเช้ายังช่วยเติมพลังงานให้กับร่างกายและสมอง
ทำให้สมองของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน
และการกินอาหารเช้ายังช่วยป้องกันโรคได้อีกด้วย
เหนืออื่นใดหากไม่กินอาหารเช้าน้ำตาลในเลือดก็จะต่ำลง
และสมองก็จะสั่งการให้กินมื้อเที่ยงและมื้อเย็นมากกว่าปกติ
จึงทำให้มีโอกาสอ้วนลงพุงได้ง่าย
ดังนั้นการกินอาหารเช้าจึงต้องกินทุกวัน โดยใน 1
จานก็ควรทานให้ถูกสูตร ผักผลไม้ 2 : โปรตีน 1 : คาร์โบไฮเดรต 1
ซึ่งการกินผักผลไม้จะช่วยให้อิ่มเร็ว
และกากไยก็ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น (ควรกินอาหารเช้าให้มาก
แต่กินมื้อเที่ยงและมื้อเย็นในปริมาณที่ลดลง)
2. ลดไขมัน ลดอาหารประเภทผัดและทอด
หากเราสามารถเปลี่ยนแปลงการบริโภคได้
ก็จะทำให้ไขมันสะสมในร่างกายลดลงได้มากเช่นกัน
ดังนั้นจึงควรปรับการกิน ลดไขมัน ลดอาหารประเภทผัด-ทอด
และหันมากินอาหารประเภท ต้ม ยำ ลวก ตุ๋น อบ นึ่ง แทน
ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกินไข่ต้มแทนไข่ดาวหรือไข่เจียว ซึ่งเพียงไข่ไก่
1 ฟองที่ปรุงต่างกัน ก็มีพลังงานที่ได้รับต่างกันถึง 3.5
เท่าเลยทีเดียว โดยจากข้อมูลของ สสส. ระบุว่า ไข่เจียวให้พลังงาน 250
แคลอรี ส่วนไข่ดาวให้พลังงาน 160 แคลอรี ขณะที่ไข่ต้มให้พลังงานที่ 70
แคลอรีเท่านั้น ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
3. ดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน
การดื่มน้ำเปล่าถือว่าดีที่สุด
และหากดื่มในปริมาณต่อวันให้ได้อย่างน้อย 8-10 แก้ว
ก็จะยิ่งมีส่วนช่วยในการลดพุงหน้าท้องลงได้
เพราะการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
จะช่วยลดปริมาณไขมันในร่างกายให้ลงได้ และถ้าดื่มก่อนมื้ออาหาร 1 ชม.
ก็จะช่วยลดความอยากอาหารลงได้ด้วย
อีกทั้งช่วยในการย่อยอาหารให้ระบบย่อยอาหารทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่อีกด้วยนั่นเอง
อย่างไรก็ดีไม่ควรดื่มน้ำเกิน 10 แก้วต่อวัน เพราะจะทำให้ไตทำงานหนัก
ทำให้เซลล์บวมน้ำ อาการต่อมาคือปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนได้
4. คุมน้ำตาลนอกมื้ออาหาร ไม่ควรเกิน 6
ช้อนชาต่อวัน
การคุมน้ำตาลนอกมื้ออาหารนั้นก็มีส่วนช่วยอย่างมาก
ในการที่จะทำให้พุงหน้าท้องลดลงไปได้
โดยควรลดปริมาณเครื่องดื่มอันได้แก่ น้ำผลไม้ (220 มล. = 6.25 ช้อนชา)
กาแฟสด (475 มล. = 10.5 ช้อนชา) น้ำอัดลม (450 มล. = 10.75 ช้อนชา)
ชานมไข่มุก (350 มล. = 11.25 ช้อนชา) ชาเขียว (500 มล. = 14.5 ช้อนชา)
นมเปรี้ยว (400 มล. = 19 ช้อนชา) ฯลฯ
นอกเหนือจากนี้ก็คือควรลดหรืองดอาหารประเภทแป้งและขนม
ที่ทำให้อ้วนลงพุงได้ง่ายร่วมด้วย
ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้หน้าท้องกลับมาแบนราบได้เร็วขึ้น
5. เลิกพฤติกรรมกินดึก
พฤติกรรมการกินดึกแถมยังเป็นมื้อที่หนักอีก
อาจทำให้เกิดภาวะความอ้วนได้
แต่อย่างไรก็ดีสำหรับบางคนก็มีเหตุผลที่ต้องกินดึก
คือเลิกงานดึกหรือต้องเข้ากะดึกเลยทำให้รู้สึกหิว
ซึ่งทางออกที่ดีที่จะช่วยให้อิ่มท้องแถมยังช่วยให้ระบบขับถ่ายดี
นั่นก็คือ การกินผลไม้ เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล เป็นต้น หรือจะกินโยเกิร์ต
น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลก็ได้
คุณกำลังดู: กินอย่างไรเพื่อเอาชนะ “อ้วนลงพุง”
หมวดหมู่: ผู้ชาย